เกิดแรงกระเพื่อมต่อเนื่องประหนึ่ง ‘อาฟเตอร์ช็อก’ ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งคำร้องยุบพรรคก้าวไกล ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จากการใช้นโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หาเสียง เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
โดยล่าสุด เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้รีบส่งเรื่องให้ศาลฎีกา พิจารณาพิพากษาว่า กรณีข้อเท็จจริงในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 3/2567 จะเป็นเหตุให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จำนวน 44 คน เข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่
ทั้งนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 3/2567 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 แล้ว ซึ่งในคำวินิจฉัยดังกล่าว มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จำนวน 44 คน ที่ศาลรัฐธรรมนูญนำมาเป็นประเด็นประกอบการวินิจฉัยด้วย
ต่อมาวันที่ 12 มีนาคม 2567 เว็บไซต์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่ข่าวที่สรุปความได้ว่า “คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาผลการศึกษาและวิเคราะห์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 แล้วมีมติโดยเอกฉันท์ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคก้าวไกล โดยมอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นผู้ยื่นคำร้องและดำเนินคดีแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามมาตรา 93 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560”
เนื่องจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 3/2567 ดังกล่าว มีผลเป็นเด็ดขาดผูกพัน ป.ป.ช. ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ เคยร้องไปที่ ป.ป.ช. แล้วตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. 2567 แต่จนถึงวันนี้ ยังไม่ทราบว่า ป.ป.ช. ได้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจแล้วหรือไม่ อย่างไร
เมื่อ กกต.ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจไปแล้ว ในวันนี้ ผมจึงต้องส่งหนังสือด่วนที่สุดไปถึง ป.ป.ช.อีกครั้งหนึ่ง เพื่อขอให้ ป.ป.ช.รีบส่งเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) โดยเร็วด้วย
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ