เรียกว่า ‘ล้างบาง’ สำหรับ ‘แก๊งไอติม’ จากยุค ‘นายกฯ เศรษฐา’ มาสู่ ‘นายกฯ แพทองธาร’ ที่นำ ‘ขุนพลใหม่’ เข้ามาแทน หรือปรับตำแหน่ง ‘ขุนพลเดิม’ ขยับไปจุดอื่นแทน ในยุค ‘เศรษฐา’ แก๊งไอติมส่วนใหญ่จะอยู่ในตำแหน่ง ‘รองเลขาธิการนายกฯ’ ที่เมื่อเปลี่ยน ‘นายกฯ’ ก็ทำให้ต้องไปประจำ ‘รัฐมนตรี’ แต่ละคนแทน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ‘ขั้วเพื่อไทย’ ทั้งหมด ที่สำคัญไม่ได้ตามนายกฯ เช่นเดิม
หมดเวลา 'แก๊งไอติม' นายกฯ นิด
‘จั๋ง’พงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง อยู่กับ ‘พิชัย ชุณหวิชระ’ รมว.คลัง
‘จอม’ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย จากนักธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เข้ามาทำงานการเมืองกับทีม ‘หมอมิ้ง’นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช แกนนำกลุ่มแคร์ ในขณะนั้น ซึ่ง ‘จอม-ศึกษิษฏ์’ ไปอยู่กับ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม
'แจ๊ค'ฉัตริน จันทร์หอม ศิษย์การบินหลักสูตรพาณิชย์ อดีตทีมงานส่วนตัวของ 'เศรษฐา' ตั้งแต่เลือกตั้งปี 2566 ที่มาดูเรื่องภาพลักษณ์-บทพูด-การสื่อสารต่างๆ มาจาก Boston Consulting Group (BCG) บริษัทที่ปรึกษาระดับสากล ขณะนี้เป็น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ไปอยู่กับ ‘ประเสริฐ จันทรรวงทอง’ รมว.ดิจิทัลฯ แทน
‘กิ๊ก'ณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช’ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ก็ไม่ได้ตามติด ‘นายกฯ แพทองธาร’ จากเดิมที่ตามติด ‘นายกฯ เศรษฐา’ ในการลงพื้นที่ต่างๆ แต่ถูกส่งให้ไปตาม ‘ทักษิณ ชินวัตร’ แทน เพราะ ‘ณณัฏฐ์’ เป็น ‘นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย’ ด้วยเป็นลูกชาย ‘สาโรจน์ หงส์ชูเวช’ ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ที่เป็น ‘คนเก่าคนแก่’ ของ ‘ตระกูลชินวัตร’ เปรียบเป็น ‘พ่อบ้าน’ มาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย ดูแลเรื่อง ‘บัญชีพรรค’ จากนั้นมาเป็น ‘ผอ.ไทยรักไทย’ เรื่อยมาถึงยุคเพื่อไทย
สำหรับ ‘ป๋อม’ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พาณิชย์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ที่ถูกตัดสิทธิการเมือง 10 ปี หลังพรรคถูกยุบ เหตุเสนอชื่อ ‘แคนดิเดตนายกฯ’ เมื่อปี 2562 เรียกว่า ‘เจ็บหนัก’ จึงทำให้ ‘บ้านพงษ์พาณิชย์’ ได้รับการดูแลใกล้ชิด ส่งผลให้ ‘เสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์’ ได้เป็น ‘รัฐมนตรี’ ใน ‘ครม.เศรษฐา’ แต่เมื่อ ‘เศรษฐา’ ต้องพ้นจากนายกฯ ก็ทำให้ชะตากรรม ‘เสริมศักดิ์’ ไม่ต่างกัน พ้นจาก ครม.แพทองธาร ส่งผลทำให้ ‘ปรีชาพล’ พ้นวงโคจร ‘แก๊งไอติม-หลุดอำนาจ’ ตามไปด้วย
'แก๊งไอติม' ซึมลึกถึง 'ครอบครัว' สไตล์ 'พรรคกงสี'
ผู้ที่มีอิทธิพลต่อ ‘แพทองธาร’ ไม่แพ้ ‘ทักษิณ’ คือ ‘ปอ-ปิฎก สุขสวัสดิ์’ สามีของ ‘แพทองธาร’ ที่มีบทบาทอย่างชัดเจนขึ้น นับตั้งแต่ ‘แพทองธาร’ เป็นนายกฯ ด้วยตำแหน่ง ‘คู่สมรส’ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการปรากฏกายคู่กันตามงานต่างๆ แม้แต่งานในระดับสากล เช่น การเยือนประเทศมาเลเซียของ ‘แพทองธาร’ อีกทั้ง ‘ปิฎก’ ยังต้องเป็น ปธ.คณะกรรมการคู่สมรสคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกด้วย
โดยการประชุมคณะกรรมการคู่สมรส ครม. เมื่อปลายปีที่แล้ว ก็มี ‘เอม-พินทองธา ชินวัตร คุณากรวงศ์’ พี่สาวของ ‘แพทองธาร’ มาร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้มีรายงานว่า ‘เอม-พินทองธา’ ก็มามีบทบาทสำคัญในการตรวจ ‘เอกสารสำคัญ’ ให้กับ ‘นายกฯแพทองธาร’ ด้วย
สำหรับกิจกรรม ‘คู่สมรส’ ที่ได้มีการทำร่วมกันไปแล้ว คือ การทำจิตอาสาพระราชทาน ‘ปลูกบ้านให้นก สร้างบ้านให้ปลา ทำศาลาให้ปู’ ที่ จ.สมุทรปราการ
'เพื่อนรัก' คือ เซฟโซนเก้าอี้ นายกฯ
สำหรับ ‘แก๊งค์ไอติม’ ที่อยู่มาตั้งแต่ยุค ‘เศรษฐา’ นั่นคือ ‘เอิง’คณาพจน์ โจมฤทธิ์’ ที่อยู่ระหว่างถูกตัดสิทธิการเมือง 10 ปี ผลพวงการยุบพรรคไทยรักษาชาติ ‘เอิง’เป็นเพื่อนสนิท ‘นายกฯ แพทองธาร’ ตั้งแเต่เรียนคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษด้วยกัน ที่ในขณะนี้ ‘เอิง-คณาพจน์’ ถือว่าเป็นเสมือน ‘เลขาฯส่วนตัว’ ให้กับ ‘แพทองธาร’ ที่ทำหน้าที่ ‘จัดตารางงาน-ดูเอกสาร-ประสานงาน’ ต่างๆ
‘เอิง คณาพจน์’ เคยทำงานเป็นหน้าห้อง ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ ที่ขณะนั้นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ช่วงเลือกตั้งปี 2566 ‘คณาพจน์’ มีบทบาทในพรรคเพื่อไทย เป็น ‘ผู้อำนวยการทีมคิดเพื่อไท’ และโครงการ The Change Maker
'แก๊งหมอ' ประคอง 'ชินวัตร'
แก๊ง ‘หมอกลุ่มแคร์’ ได้แก่ ‘หมอมิ้งค์’นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ตั้งแต่ยุค ‘ทักษิณ’ มาจนถึง ‘เศรษฐา-แพทองธาร’ ที่เป็นคนเก่าแก่เครือข่าย ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ และ ‘หมอเลี้ยบ’นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกฯ มีฐานที่มั่นอยู่ที่ ‘บ้านพิษณุโลก’ ที่ใช้เป็นวงประชุม ‘เคาะนโยบาย-รับบัญชา’ ต่างๆ ก่อนส่งไปยัง ‘บ้านนรสิงห์’ ที่ตั้งทำเนียบรัฐบาล และเข้าที่ประชุม ครม. ในแต่ละครั้ง ซึ่ง ‘หมอเลี้ยบ’ มีชนักติดหลัง เคยถูกจำคุก 1 ปี จึงไม่สามารถเป็น ‘รัฐมนตรี’ ได้
'นาตาชา-อคาเดมี' ช่องว่าง 'พรรคชินวัตร'
ทีม ‘นาตาชา’ ทีมสื่อสารส่วนตัว ที่อยู่กับ ‘แพทองธาร’ ตั้งแต่ก่อนเป็น ‘หัวหน้าเพื่อไทย’ ก่อนเปิดตัวที่ จ.ขอนแก่น ได้ไม่นาน ทำหน้าที่จัดเวที-อีเวนต์พรรค ซึ่งเป็นทีมที่ ‘หมอเลี้ยบ-นพ.สุรพงษ์’ ปลุกปั้นขึ้นมา
อย่างไรก็ตามยังมี ‘ทีมเพื่อไทยอคาเดมี’ คนรุ่นใหม่ที่รับเข้ามา 10 กว่าคน ช่วง ‘เศรษฐา’ เป็นนายกฯ ทำข้อมูลให้ สส. อภิปรายในสภาฯ
ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เกิดปัญหาระหว่าง ‘คนรุ่นเก่า-คนรุ่นใหม่’ ภายในพรรค ซึ่ง ‘แพทองธาร’ ก็ทราบถึงปัญหานี้ ได้กล่าวช่วงหนึ่งในนามสัมมนาพรรคฯ ที่ อ.หัวหิน ธ.ค.67 ว่า “การก่อตั้งอะคาเดมีขึ้นมา ถือเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยขาดไปช่วงหนึ่ง คือ การทำข้อมูล รีเซตข้อมูลต่างๆ สิ่งที่อยากจะบอก คือ ไม่ว่าจะเป็น สส.รุ่นไหน อย่าคิดว่าเราเป็นคนฝั่ง คนละขั้ว คนละอายุ ซึ่งไม่ใช่เลย และไม่ใช่ความตั้งใจของตนเอง อยากให้ทุกคนเข้าหาการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆ ให้กัน หากเรามีพลัง คือเราจะต้องรวมกัน และสู้ด้วยกัน จะเกิดผลดีที่สุด ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ขอให้ทำงานร่วมกัน ให้คำปรึกษาซึ่งกันและกัน นั่นคือสิ่งที่อยากเห็นในอนาคต”
ใครคือ 'รัฐมนตรีติ๊กต๊อก' ?
ส่วนทีมสื่อสารที่เป้นทั้ง ‘ส่วนล่วงหน้า-ส่วนติดตาม’ นายกฯ แพทองธาร ที่อยู่ ‘แก๊งไอติม’ ยุคนี้อีกคือ ‘สุ’สุทิษา ประทุมกุล หนึ่งในแก๊งไอติม ยุค ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ เป็นนายกฯ ที่เคยปรากฏภาพร่วมกับ ‘สุรนันท์ เวชชาชีวะ’เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กับ ‘ธีรัตถ์ รัตนเสวี’ โฆษกรัฐบาล ในขณะนั้น
จากที่เคยเป็นอดีต ‘ทีมงานยิ่งลักษณ์’ ได้มาเป็นทีมงานให้ ‘เศรษฐา’ และอยู่มาถึงยุค ‘นายกฯ แพทองธาร’ ที่ทำหน้าที่อัดคลิปลงโซเชียลฯ จน ‘นายกฯอิ๊งค์’ เรียก ‘สุ’ ว่า ‘รัฐมนตรีติ๊กต๊อก’ ซึ่งหน้าที่ของ ‘สุ’ คือการประสานงานกับสื่อมวลชน ซึ่ง ‘สุ’ เคยเป็น ‘นักข่าวการเมือง’ มาก่อนด้วย
อีกคน คือ ‘วิม รุ่งวัฒนจินดา’ ทีมงานนายกฯ ตั้งแต่ยุค ‘เศรษฐา’ มาถึง ‘แพทองธาร’ ที่ทำหน้าที่เป็น ‘ส่วนล่วงหน้า’ เตรียมการหน้างาน-ประสานสื่อ ก่อนที่ นายกฯ จะมาถึงงาน
ทั้งหมดนี้ คือ ‘อาณาจักร’ ที่เรียกว่า ‘คนใกล้ตัว’ ในฐานะ ‘แก๊งไอติม’ ยุค ‘แพทองธาร’ ที่กินความหมายลึกซึ้ง เพราะถึงขั้นเป็นทั้ง ‘สามี’ และ ‘น้องสาว’ ผสานกับคนเก่าแก่ ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ รวมทั้งการตั้ง ‘ทีมของตัวเอง’ ขึ้นมา
ตามพื้นฐานของ ‘พรรคเพื่อไทย’ เป็น ‘พรรคกงสี’ ทำให้การเลือกใช้งานคน เป็นไปตาม ‘สายอำนาจ’ ที่แต่ละกงสี ส่งคนของตัวเองเข้ามามีบทบาท เป็นการ ‘ใช้งานคน’ บนฐานของ ‘ความใกล้ชิด’ เป็นสำคัญ เพราะเป้าหมายสำคัญอย่างหนึ่ง คือการเป็น ‘ปราการ’ ปกป้อง ‘แพทองธาร’ ท่ามกลาง ‘นิติสงคราม’ ในทางการเมือง