‘ศิริกัญญา’ เบรก ‘รัฐบาล’ พอสักที! แย่งเก้าอี้ ‘มท.1’

17 มิ.ย. 2568 - 03:29

  • ‘ศิริกัญญา’ เบรก ‘รัฐบาล’ พอสักที แย่งเก้าอี้ ‘มท.1’ ถามปรับไปแล้ว ปากท้องประชาชนดีขึ้นอย่างไร! ชี้ ไม่ได้ ‘บำบัดทุกข์ บำรุงสุข’ อย่างแท้จริง ไปวุ่นวายกับ ‘มหาดไทย’ ตอนนี้ ท่ามกลางปัญหารุมเร้า

  • แนะ ‘รัฐบาล’ แสดงเจตจำนงช่วยเหลือต่อผู้ประกอบการ หากปิดด่านไทย-กัมพูชา เพื่อลดผลกระทบ มองเม็ดเงินกระตุ้น เศรษฐกิจยังเหลือพอ เชื่อ หากวัดสายป่านไทยยาวกว่ากัมพูชาแน่นอน และมั่นใจว่าผลกระทบฝั่งนู้นจะมากกว่าฝั่งไทย ยืนยัน การตัดสาธารณูปโภค จะมีน้ำหนักให้ท่าที ‘กัมพูชา’ อ่อนลงได้

‘ศิริกัญญา’ เบรก ‘รัฐบาล’ พอสักที! แย่งเก้าอี้ ‘มท.1’

ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่นายกรัฐมนตรีเรียกคืนกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทยว่า เราเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เป็นสาระมาสักระยะหนึ่ง อยากให้สังคมก้าวข้ามเรื่องการปรับ ครม. แล้วมาโฟกัสเรื่องที่ใหญ่กว่า มีอีกหลายเรื่องที่กำลังรุมเร้าเราอยู่ ไม่ใช่แค่ปัญหาความขัดแย้งภายในรัฐบาล ซึ่งเล็กกว่าปัญหาการเมืองอื่นด้วยซ้ำไป ยิ่งเราให้ความสนใจ ก็จะยิ่งมีกระแสปั่นว่า ขอคืนได้ ขอคืนไม่ได้ คนนั้นเป็นฝ่ายค้าน คนนี้เป็นฝ่ายรัฐบาล มันไม่จบ จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า ให้จบเรื่องนี้สักที มีอีกหลายเรื่องที่รอให้รัฐบาลตัดสินใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นกับรัฐวิสาหกิจ ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 70% อย่างบริษัทท่าอากาศยานไทย ,ปัญหาเศรษฐกิจที่จะตามมา หลังจากมีการปะทะกันของฝ่ายไทย-กัมพูชา

“เราต้องการสมาธิจากฝั่งรัฐบาลมากกว่าการปรับ ครม. ซึ่งไม่รู้ว่าปรับไปแล้วปากท้องของประชาชนจะดีขึ้นอย่างไร”

ศิริกัญญา กล่าว

ศิริกัญญา กล่าวว่า การปรับ ครม. แล้วไปวุ่นวายกับกระทรวงมหาดไทยในขณะนี้ ไม่ได้เป็นไปเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนอย่างแท้จริง ถ้ามองดูว่าจะเอากระทรวงไหนมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ คงไม่ใช่กระทรวงมหาดไทยแน่ๆ ดังนั้น เป็นเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัวหรือส่วนของพรรคการเมืองชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งที่ครองอยู่ ไม่ยอมปล่อย หรือฝั่งที่อยากได้ มันไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ

เมื่อถามว่าสุดท้ายพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยจะไปกันต่อจนรอดครบเทอมหรือไม่ ศิริกัญญา ยิ้มก่อนกล่าวว่า ก็สุดจะเดา เพราะคงจะลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนกันมาก และไม่รู้ว่าลึกๆ เขาคุยอะไรกันอย่างไร แต่ก็ภาวนาให้เรื่องนี้จบลงเร็วๆ เพื่อคืนสมาธิให้กับรัฐบาลมาแก้ปัญหาให้กับประชาชนดีกว่า

ศิริกัญญา ยังกล่าวถึงสถานการณ์การค้าชายแดน ไทย-กัมพูชา​ว่า​ หากเหตุการณ์ปิดด่านจริงๆ​ อย่าหวั่นไหวหรือสั่นคลอน​ เพราะทางฝั่งไทย​ มีสรรพกำลัง​ มีเม็ดเงิน​ มีสายป่านที่ยาวกว่า เพียงแต่ว่ารัฐบาล​ จะต้องแสดงเจตจำนงต่อผู้ประกอบการทางฝ่ายไทยว่า​ ยินดีที่จะเยี่ยวยาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น​จากการปิดด่าน​ หากทำแบบนี้​ได้​ เสียงบ่นหรือเสียงต่อต้านจากพื้นที่ก็จะน้อยลง หรือหากต้องมีกลไก​อื่นเข้าไปช่วยเหลือเรื่องแรงงานต่างชาติขาดแคลน​ ควรจะมีการผ่อนปรน MOU ชั่วคราว เพื่อที่จะช่วยล้งผลไม้หรือสวนผลไม้​ เราเตรียมทางออกเรื่องนี้​ได้หากเตรียมพร้อมมากพอ​

เมื่อถามว่า ตัวเม็ดเงินเรามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ​ ศิริกัญญา​ กล่าวว่า​ หากพูดเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ งบ 157,000 ล้าน อาจจะมองว่ามีคนจับจ้องแล้ว​ แต่จริงๆ ตอนนี้งบกลางยังเหลืออยู่ เกือบ 60,000 ล้าน ตัวเลขล่าสุดทางสำนักงบประมาณยังไม่ได้ส่งมา แต่ก็จะพบว่าการเบิกจ่ายหรือใช้จ่าย มันยังไม่เต็มส่วนที่สภาอนุมัติไปเกือบแสนล้านบาท​ จึงมองว่า น่าจะมีเม็ดเงินเพียงพอ แต่มันเป็นเรื่องที่ต้องโชว์เจตจำนง มิฉะนั้นความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่บริเวณด่าน อาจจะเกิดกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ยืนยันว่า​ สามารถรับมือเรื่องนี้ได้ถ้าเราเตรียมความพร้อมมากพอ และถ้าวัดสายป่านกันระหว่างไทยกับกัมพูชา ก็คิดว่าทางฝั่งไทย มีสายป่านยาวกว่าแน่ๆ และคิดว่าผลกระทบทางฝั่งนู้นน่าจะมากกว่าฝั่งไทย  ถึงแม้จะสามารถหาสินค้าอะไรทดแทนได้ แต่เรื่องของแรงงานข้ามชาติ ที่จะหางานทดแทนกันได้ง่ายๆ

ส่วนที่สมเด็จฮุนเซน​ เปลี่ยนจากการที่ไม่รับสินค้าไทยเลย​มาเป็นไม่รับแค่ผัก-ผลไม้ ศิริกัญญา​ กล่าวว่า​ ต้องดูว่าจะเกิดเสียงต่อต้านมากน้อยแค่ไหน​ แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นชาวกัมพูชาเองที่จะกังวลกับผลกระทบที่เกิดขึ้น หากมีการปิดด่านอย่างถาวรทั้งหมด หรือไม่รับสินค้าไทยทั้งหมด​ เสียงจากประชาชน​ จะส่งผ่านจนทำให้ท่าทีอ่อนลงเองตามอัตโนมัติ​ หากกระทบกับปากท้องของประชาชนเกินไป​ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไทยหรือกัมพูชา

สำหรับจุดแข็งที่จะนำไปต่อรองกับกัมพูชาโดยที่ไม่ต้องใช้สงครามนั้น​ ศิริกัญญา​ กล่าวว่า​ เรื่องการค้าชายแดนและการแชร์สาธารณูปโภคต่างๆ​ อินเตอร์​เน็ต​ ไฟฟ้า​ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องทางเศรษฐกิจ​ ที่น่าจะมีน้ำหนัก​ ที่จะทำให้การเจรจาพูดคุย และท่าทีของกัมพูชาอ่อนลงได้ โดยที่ไม่ต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร​

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์