ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก โดยบางช่วงบางตอนชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลปัจจุบันมีเวลารื้องบฯ ปี 67 ถึง 2 รอบ แต่คงเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ง่าย เพราะมีแผนซ้อนแผน ทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ทำให้รัฐบาลไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายของตนเองได้ง่าย
และยังมีมรดกของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ที่ไม่ยอมปฏิรูปงบประมาณ ทำให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณของตนเองได้ไม่ถึง 1 ใน 4 เพราะติดประเด็นรายจ่ายบุคลากร, ชำระหนี้ 4 หมื่นล้านบาท, เงินชดใช้เงินคงคลัง 1.1 แสนล้านบาท, งบผูกพัน 3.6 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลก่อนหน้านั้นเป็นผู้ดาวน์ และรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ต้องผ่อนต่อ
ศิริกัญญา ชี้ให้เห็นถึงการจัดสรรงบประมาณมีข้อผิดพลาดคือ เพื่อเงินชดใช้เงินคงคลัง 1.2 แสนล้านบาท เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา ถูกนำมาใช้เพื่อจ่ายในส่วนของรายจ่ายบุคลากร เช่น เงินเดือน บุคลากร บำเหน็จ บำนาญ ค่ารักษาพยาบาล ทั้งนี้ ในปี 67 พบว่ารัฐบาลปัจจุบัน กำลังจะทำผิดพลาดซ้ำรอย เช่น เงินบุคลากร ที่ควรตั้งไว้ 3.6 แสนล้านบาท กลับตั้งไว้ 3.3แสนล้านบาท เงินบำนาญ 6,000 ล้านบาท ที่ไม่ตั้งไว้ ซึ่งตนเองสงสัยในความผิดพลาดดังกล่าวเป็นเพราะความตั้งใจหรือไม่
เคยถามกรมบัญชีกลาง ขอไปเพียงพอจะจ่าย แต่การจัดสรรไม่เพียงพอ ถือเป็นความตั้งใจที่ตั้งขาดเพื่อหาเงินชดเชยภายหลัง ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ซ้ำๆ โดยไม่ตั้งงบประมาณที่เพียงพอ ซอฟต์พาวเวอร์ 5,000 ล้านบาท ไม่พบการตั้งไว้ คงต้องควักจากงบกลาง รวมถึงค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ไม่ตั้งชดเชยไว้ สงสัยต้องดึงจากงบกลาง ทั้งนี้ งบกลางตั้งไว้ 9.8 หมื่นล้านบาทท หากพิจารณาแล้วเชื่อว่าจะไม่เพียงพอ ซึ่งการตั้งงบขาด ไม่มั่นใจว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดหรือไม่
ขณะที่การประมาณการรายได้ เชื่อว่าจะคาดการผิดพลาด และจัดเก็บไม่ตรงตามเป้าหมาย เพราะ เศรษฐา เคยระบุว่าจะไม่เก็บภาษีขายหุ้น ดังนั้น คำถามคือ รายได้จากส่วนดังกล่าวที่กำหนดไว้ 1.4 หมื่นล้านบาท จะหาจากที่ไหน ทั้งนี้ ตนเองไม่มีปัญหาสิ่งที่รัฐบาลทำ แต่เชื่อว่าจะกระทบต่อรายได้รัฐ ที่อาจจะหายไป 1 แสนล้านบาท หากรัฐบาลฝากความหวังไว้ที่โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ถือว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรผิดพลาด ดังนั้น ขอให้พูดความจริงกับสภาฯ และประชาชน
นอกจากนี้ หนี้สาธารณะมีประเด็นต้องกังวลคือ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อปี เพราะเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นที่มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าประมาณการจากกรอบการคลัง ซึ่งภาระดอกเบี้ย ต้องเบียดบังงบประมาณแต่ละปี และหนี้ที่จะเกิดขึ้นไม่รวมกับหนี้ดิจิทัลวอลเล็ต และหนี้ที่ยืมจากรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานรัฐ 1 ล้านล้านบาท โดยเวลาที่รัฐบาลบริหารงานมา 3 เดือน ใช้เต็มเพดานแล้ว
ประเมินว่ารัฐบาลไม่เป็นมืออาชีพ จากที่เคยมีชื่อเสียงว่าเป็นรัฐบาลที่หาเงินเป็น และมุ่งใช้กลไกนอกงบประมาณโดยไม่สนใจกับภาระทางการคลัง ซึ่งดิฉันมองว่า ประชาชนต้องคิดใหม่กับฝีมือการบริหารราชการของพรรคเพื่อไทย