อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วงตกรอบ-ไม่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า ถ้าจำได้ เคยให้สัมภาษณ์ยืนยันไม่มี ‘แผนกินรวบยึดสภาสูง’ ไม่มีการ ‘ล็อกผล’ เพื่อให้ สมชาย ได้ไปเป็นประธานวุฒิสภา ตามที่มีความพยายามมโนกันไป
นายสมชาย ไม่ได้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทย และกฎหมายก็เขียนไว้ชัดว่า ห้ามพรรคการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการได้มาซึ่ง สว.โดยเด็ดขาด
อนุสรณ์ ระบุว่า สมชายเข้าสู่กระบวนการเลือก สว.ด้วยตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ได้หรือไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้เข้าสู่กระบวนการเสนอตัว เพื่อขอโอกาสในการจะเข้าไปทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชน ส่วนกระบวนการได้มาซึ่ง สว.ครั้งนี้ มีกลุ่มการเมืองใดเข้าไปยุ่งเกี่ยว มีการฮั้วเลือกตั้งหรือไม่ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องไปดำเนินการตรวจสอบต่อไป
กระบวนการในการได้มาซึ่ง สว.ครั้งนี้ ยึดโยงและสะท้อนตามเจตนารมณ์ของประชาชนหรือไม่ ต้องแก้ไขเพิ่มเติมส่วนใดหรือไม่ ต้องฟังเสียงของประชาชนเป็นสำคัญ

‘น้องเขยทักษิณ’ ร่วงคัดเลือก สว.ระดับประเทศ สะท้อน ‘รัฐบาล’ ไม่แทรกแซงกระบวนการ
ขณะที่ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะนองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวไปในทิศทางเดียวกันถึงกรณีที่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ตกรอบสุดท้ายในการคัดเลือก สว.ระดับประเทศ ว่า กลไกในการได้มาซึ่ง สว.ในครั้งนี้ เป็นที่ถกเถียงกันในสังคมแต่อยู่ที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะผู้กำกับต้องพิสูจน์ พิจารณาในเรื่องของรายละเอียดต่าง ๆ ว่ากระบวนการ ขั้นตอน เป็นไปโดยชอบหรือไม่
และถ้าใครมีหลักฐาน หรือมีอะไรเป็นสิ่งที่ต้องนำสืบ นำแจ้ง จะต้องดำเนินการตามนั้น ซึ่งคนที่ต้องดำเนินการโดยหลักคือ กกต. ทั้งนี้ เราเองไม่ได้อยู่ในห้องประชุมที่มีการเลือก สว. แต่เห็นแล้วว่า ‘ข้ามวันข้ามคืน’ ก็ดูเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างขลุกขลัก
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือแทรกแซงในกระบวนการ เพราะนายสมชาย ไม่ได้สมัครในนามพรรคเพื่อไทย และตอนสมัครก็ไม่ได้บอกใคร ดำเนินการเองทุกขั้นตอน ผมจึงได้แต่เชียร์ในใจ ในฐานะคนรู้จักกัน แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน แต่จะมีกระบวนการอะไรที่ผิดปกติหรือไม่ ก็ต้องปล่อยให้ กกต.ไปพิสูจน์กันเอง
แนะเข้มตรวจสอบ ‘200 สภาสูง’ ก่อนประกาศรับรอง
จุลพันธ์ มองด้วยว่า ควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนประกาศรับรอง สว.ทั้ง 200 คน ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ เพราะเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีกระบวนการตรวจสอบการได้มาซึ่งตัวแทนของประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานเดียวกันอย่างเข้มงวด
แต่หากจะ ‘รับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลัง’ มองว่าเป็นอำนาจของ กกต.ที่จะดำเนินการ ซึ่งหากจะย้อนกลับไปในจุดเก่า โดยปล่อยให้ สว.ชุดเก่า รักษาการต่อ ส่วนตัวคิดว่าไม่เหมาะสม จึงต้องเดินหน้าไปเรื่อย ๆ
ดังนั้น ขอแสดงความยินดีกับ ‘สว.ชุดใหม่’ ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ และขอให้พิสูจน์ตัวเองในการทำงานด้วย เพราะกลไกตามรัฐธรรมนูญครั้งนี้สร้างความสงสัยให้กับประชาชน จะได้ร่วมกันเดินหน้าประเทศไทยต่อไป
พร้อมมองว่า กระบวนการเลือก สว.ควรจะแก้ไข เพราะกลไกการเลือก ทำความเข้าใจได้ยาก ทั้งที่การเข้าถึงประชาธิปไตยควรจะมีความโปร่งใส เป็นธรรม และเท่าเทียมกันทุกคน จึงควรทำให้เป็นกระบวนการที่ง่ายกว่านี้
ขอยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีความเป็นธรรม รวมถึงมีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น
ส่วนเมื่อได้ สว.ชุดใหม่แล้ว จะทำให้ง่ายต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น มองว่ายังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเป็นอุปสรรค หรือเป็นเครื่องมือในการผลักดันแก้ไขกฎหมาย เพราะต้องดูแนวความคิดของ สว.ชุดใหม่ และประชุมร่วมกันก่อน ซึ่งทุกคนมีอิสระเป็นของตัวเองอยู่แล้ว จะไปก้าวก่ายไม่ได้