หลังถูกรุมถล่มจากทุกสารทิศมาพักใหญ่ ในประเด็นที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ออกมายอมรับว่า ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการพิจารณาในโครงการพักการลงโทษ กรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป (นักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป) อีกทั้งยังถูกตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้อาจกลายเป็น ‘น้ำผึ้งหยดเดียว’ จนทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมายืนยันหนักแน่นว่า “ไม่เกี่ยวกันหรอก เพราะการพักโทษในแต่ละวัน แต่ละเดือน มีการพักโทษมากมาย ซึ่งคนที่เข้าเกณฑ์ก็จะต้องได้รับสิทธิ์เหล่านั้น เราจะไปเจาะจงเป็นใครหรือท่านใดท่านหนึ่งไม่ได้ ถ้าหากท่านทักษิณ ครบกำหนดหรือการตรวจสอบของแพทย์ดำเนินการตามกติกาที่มีอยู่ครบถ้วนแล้ว หากถึงเวลาก็ต้องดำเนินการไปตามแนวทางของกฎกติกาที่มีอยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดามาก และคนทั่วไปก็ได้รับสิทธิ์นี้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร”
ส่วนที่ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวตั้งข้อสังเกตกรณี ‘ทักษิณ’ เป็นเรื่องของ ‘อภิสิทธิ์ชน’ สมศักดิ์ ก็ยืนยันเช่นกันว่า “ไม่มีหรอก อยู่ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์ จะมีอภิสิทธิ์ชนได้อย่างไร” พร้อมย้ำว่า “ไม่มีหรอกครับ ไม่มีแน่นอนเราก็ติต่างกันไป พูดกันไปเรื่อยเฉื่อยไม่มีอะไร”
เมื่อผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า เหมือนรัฐบาลพยายามชี้แจงประเด็นดังกล่าวแต่สังคมยังไม่เข้าใจ สมศักดิ์ ก็บอกว่า “ก็ชี้แจงใหม่ ในเมื่อกติกาและหลักเกณฑ์ครบแล้วจึงถือว่ามีสิทธิ์”
ไม่หวั่น ‘แจกเงินหมื่นดิจิทัล’ ซ้ำรอย ‘คดีจำนำข้าว’ มองความเห็น ‘ป.ป.ช.’ เป็นแค่ข้อเสนอ รัฐบาลจะทำตามหรือไม่ก็ได้ บอกเศรษฐกิจวิกฤตหรือไม่ มีตัวชี้วัดอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท มาให้รัฐบาลนั้น สมศักดิ์ ก็มองว่า เป็นคำแนะนำ ซึ่งรัฐบาลจะทำตามหรือไม่ก็ได้ หากรัฐบาลเห็นว่า หากไม่ทำตามแล้วจะเกิดผลที่ดีกว่า หากดูจากกฎหมาย ที่นำเสนอเข้าไปในที่ประชุม ในมาตรา 35 ซึ่งมาตรา 35 ระบุว่า ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการดำเนินการอย่างไร ในหน่วยงานของรัฐ อันอาจนำไปสู่การทุจริต หรือส่อว่าอาจมีการทุจริต ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบโดยเร็ว และมีมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ทำหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐ และคณะรัฐมนตรีทราบ พร้อมด้วยข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข
แต่ที่อนุมัติมาเป็นมาตรา 32 ที่ ป.ป.ช.มีหน้าที่และอำนาจเสนอมาตรการความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี สภา ศาล องค์กรอิสระ หรืออัยการได้
ขออย่าซีเรียสกับเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความกังวลใจ ขออย่าสื่อมวลชนเขียนข่าวไปจนคนที่จะรอได้เงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ตกใจ แต่ขอให้แสดงข้อเท็จจริงไปตามเนื้อผ้า
เมื่อถูกตั้งข้อสังเกตว่า ข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.ในครั้งนี้ เหมือนกับในโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลัวว่าจะเกิดการซ้ำรอยหรือไม่นั้น สมศักดิ์ ก็อ้างว่า “โครงการรับจำนำข้าวไม่ได้ผิดอะไร แต่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าว ซึ่งมีเกี่ยวข้องหลายคนหลายรัฐบาล”
เมื่อถามถึงมุมมองว่า ขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศวิกฤตหรือไม่ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการตีความประเด็นนี้ สมศักดิ์ ระบุว่า เป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล ที่เขาหาเสียงเขาดำเนินการแล้ว และตัวชี้วัดใด ทำให้ประชาชนเข้าใจได้ หรือเข้าใจไม่ได้ รัฐบาลก็จะนำออกมาชี้แจงเอง ขออย่าห่วง
เศรษฐศาสตร์เขามีตัวเลข หรือตัวชี้วัด เพราะเศรษฐศาสตร์มีตัวเลขและตัวชี้วัดอยู่แล้ว ไม่น่าห่วงอะไร