‘โฆษก สธ.’ โต้ ‘สว.วีระพันธ์’ มติ ‘แพทยสภา’ ชี้ ‘สมศักดิ์’ ยึด กม. มีสิทธิวีโต้-เห็นด้วย

19 พ.ค. 2568 - 07:21

  • ‘สมศักดิ์’ เผย ได้รับหนังสือขอความเป็นธรรม ‘แพทย์ รพ.ตำรวจ’ แล้ว ‘โฆษก สธ.’ โต้ ‘สว.วีระพันธ์’ มติ ‘แพทยสภา’ ให้กลับไปศึกษา พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ยัน ‘รมว.สาธารณสุข’ ยึดกฎหมาย มีสิทธิวีโต้ แต่ต้องผ่านมติ 2 ใน 3 ทำตามใจไม่ได้

สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ กล่าวถึงกรณี แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กรณีแพทยสภามีมติลงโทษ ประเด็นชั้น 14 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ว่า มีเข้ามาแล้ว ก็จะส่งให้คณะกรรมการที่ได้ดำเนินการตั้งไว้ไปตรวจสอบ

ขณะที่ ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ตามที่ วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความในเพจ เฟซบุ๊คเตือน สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุข ให้เคารพกระบวนการของแพทยสภาและรักษาเส้นแบ่งระหว่างอำนาจทางการเมืองกับความเป็นอิสระของวิชาชีพแพทย์ กรณีมติแพทยสภาลงโทษแพทย์ 3 คนปมชั้น 14 รพ.ตำรวจ เรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้หวั่นไหวหรือวิตกกังวลใดๆ เพียงแต่แปลกใจว่า วีระพันธ์กลัวอะไรนักหนา หรือมีมิจฉาทิฐิอะไรบางอย่าง ตกค้างอยู่ในจิตใจเหมือนคนกลุ่มหนึ่งที่เกือบ 20 ปี ยังไม่เลิกโกรธเกลียดอาฆาตแค้น ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่

ตรีชฎา กล่าวว่า หลังจากสมศักดิ์ได้รับทราบมติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ 1 คนโดนตักเตือน อีก 2 คนโดนพักใบอนุญาตวิชาชีพเวชกรรม ก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 จำนวน 10 คน มีอำนาจหน้าที่เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หากคณะกรรมการจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายก็ให้กระทำได้

ทั้งนี้ คณะกรรมการทั้ง 10 คน สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้พิจารณาคัดเลือกมาล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีเกียรติประวัติที่เชื่อถือได้ จึงมั่นใจว่าความเห็นที่คณะกรรมการชุดนี้จะเสนอมาได้ผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน รอบคอบ มีข้อเท็จจริงและสภาพแวดล้อมประกอบว่าการกระทำของ 3 แพทย์ผิดจริยธรรมหรือไม่ กระบวนการสอบข้อเท็จจริงและบทลงโทษมีความเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด จากนั้นนายสมศักดิ์จะพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเป็นธรรมที่สุด

โฆษก สธ. ฝ่ายการเมืองกล่าวต่อไปว่า วีระพันธ์ซึ่งมีตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาน่าจะรู้เรื่องกฎหมายดีว่า พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มาตรา 25 ซึ่งบัญญัติว่า รมว.สาธารณสุขในฐานะสภานายกพิเศษของแพทยสภามีเวลา 15 วันในการพิจารณามติของแพทยสภา

ซึ่งมี 2 แนวทาง 1. เห็นชอบกับมติแพทยสภา 2. ยับยั้งหรือวีโต้มติแพทยสภา โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเหตุผล หากพ้น 15 วัน รมว.สาธารณสุข ไม่ดำเนินการใดๆ มติของแพทยสภาจะมีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติ

แต่ถ้า รมว.สาธารณสุข ใช้สิทธิวีโต้ แพทยสภาจะต้องพิจารณาใหม่ หากยืนยันมติเดิม จะต้องได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของกรรมการทั้งหมด

จากกระบวนการดังกล่าว วีระพันธ์ ควรจะรับรู้ว่า สมศักดิ์ไม่อาจดำเนินการอะไรตามใจชอบของตัวเองได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายซึ่งออกในสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ บังคับใช้มา 40 กว่าปีแล้ว

เปรียบได้กับศาลยุติธรรมซึ่งมี 3 ศาล คือชั้นต้น อุทธรณ์และฎีกา ส่วนศาลปกครองก็มีชั้นต้นและชั้นสูง การพิพากษาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพื่อจะได้อำนวยความยุติธรรมให้คู่ความ การสอบสวนในหน่วยรัฐก็เช่นกัน มีทั้งสอบข้อเท็จจริงและสอบวินัย ผลการสอบออกมา ผู้ถูกลงโทษก็มีสิทธิอุทธรณ์ได้และนำไปฟ้องต่อศาลปกครอง ได้เช่นกัน การวีโต้หรือไม่วีโต้ของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายที่ให้อำนาจไว้

วีระพันธ์ไม่สมควรมาเดาและกล่าวหาให้ร้ายสมศักดิ์แทรกแซงแพทยสภา ต่างฝ่ายต่างก็ทำไปตามอำนาจหน้าที่ วีระพันธ์เป็นสมาชิกวุฒิสภาก็ทำหน้าที่ตามขอบเขตหน้าที่ของตนเองตามกฎหมายไป และควรต้องรู้ว่าเรื่องนี้มีความซับซ้อนและมีการถกเถียงในสังคม ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

“ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามขั้นตอนและกระบวนการ มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้องกำลังทำไปตามอำนาจที่กฎหมายบัญญัติไว้  และควรยอมรับฟังความเห็นต่างหรือเหตุผลอีกฝ่าย ไม่ควรพยายามจะเอาแต่ใจตัวเอง รอเวลาไม่กี่วัน ทุกฝ่ายควรเข้าใจและยอมรับในบทบาทหน้าที่ของตนเองและผู้อื่น ไม่ควรชี้นำสังคมไปในทางที่ตนเองเชื่อ” ตรีชฎา กล่าว


เรื่องเด่นประจำสัปดาห์