มีความคืบหน้าเป็นระยะสำหรับประเด็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคก้าวไกล โดยล่าสุด พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) แบบ 100 เปอร์เซนต์ มาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นที่เรียบร้อย
โดยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง สสร. ฉบับพรรคก้าวไกล เป็นการเพิ่มหมวด 15/1 (การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) และแก้ไข มาตรา 256 (การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ) มีสาระสำคัญ ได้แก่
1. จัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบไปด้วย สสร. 200 คน ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- 100 คน แบบแบ่งเขต โดยใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง
- 100 คน แบบบัญชีรายชื่อ โดยใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง
2. กำหนดให้ สสร. มีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ
3. กำหนดให้ สสร. มีกรอบเวลาไม่เกิน 360 วัน ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้รับฟังความเห็นอย่างรอบด้านและทำงานอย่างรอบคอบ ในขณะที่ไม่ทำให้กระบวนการมีความยืดเยื้อจนทำให้เราได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างล่าช้าจนเกินไป
4. กำหนดอายุขั้นต่ำของผู้สมัคร สสร. ไว้ที่ 18 ปี
5. กำหนดให้ สสร. มีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ประกอบไปด้วย สสร. ไม่น้อยกว่า 2/3 ของจำนวนกรรมาธิการ เพื่อให้ กมธ. มีตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนเป็นเสียงส่วนใหญ่ และเปิดพื้นที่ให้กับคนนอกที่ สสร. คัดเลือกและอนุมติ เพื่อให้ กมธ. มีพื้นที่ให้กับผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์ ที่อาจไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งโดยตรง
6. กำหนดให้มีการจัดทำประชามติ หลังจากที่ สสร. จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จ เพื่อสอบถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
7. กำหนดให้ สสร. มีอำนาจจัดทำพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พรป.) และส่งให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ หากรัฐสภาไม่เห็นชอบ พรป.ฉบับไหนของ สสร. รัฐสภาจะมีอำนาจรับไปทำต่อเอง
8. กำหนดให้ สสร. สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ โดยไม่ถูกกระทบจากการยุบสภาฯ หรือจากการที่สภาฯ หมดวาระ เพื่อความต่อเนื่องของ สสร.ในการทำงาน และของกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
9. กำหนดให้ สสร. ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายใน 5 ปีแรก เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน
10. ปรับเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ (มาตรา 256) โดยกำหนดให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญกระทำได้ หากได้รับความเห็นชอบเกินครึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ได้รับความเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร เฉพาะในกรณีที่เป็นการแก้ไขเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้รับความเห็นชอบจากประชาชนผ่านประชามติ

ทั้งนี้ คณะกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมา นำโดย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้แถลงผลสรุปเมื่อเดือน ธ.ค. 2566 เพื่อเสนอให้รัฐบาลเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยการทำประชามติ 3 ครั้ง แต่ ชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสนอจัดทำประชามติ 2 ครั้ง เริ่มต้นจากการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มี สสร. มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม โฆษกพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า หากยึดตามรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การจัดทำประชามติเพียง 2 ครั้ง เพียงพอแล้วในเชิงกฎหมาย
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประธานรัฐสภาจะทบทวนการตัดสินใจดังกล่าว และบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง สสร. ของทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เนื่องจากการเสนอร่างทั้ง 2 ร่างดังกล่าวเข้าสู่รัฐสภา ไม่ได้เป็นขั้นตอนหรือมีเนื้อหาสาระส่วนไหนที่ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 4/2564 ที่เพียงกำหนดไว้ว่า ให้มีประชามติ 1 ครั้ง ก่อนมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และประชามติ 1 ครั้ง หลังมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
พริษฐ์ วัชรสินธุ