‘ศบ.ทก.’ โต้กัมพูชา! ปัดละเมิด ‘เอ็มโอยู 43’ ลั่นขุดคูเลตในพื้นที่อธิปไตยไทย

18 มิ.ย. 2568 - 06:47

  • ‘ศบ.ทก.’ ยันไทยไม่เคยใช้มาตรการ ‘ปิดด่าน’ กับกัมพูชา มีเพียงการปรับเวลาเปิด-ปิด

  • ย้ำการขุดคูเลตเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย ไม่ละเมิด ‘เอ็มโอยู 43’

  • เดินหน้า ‘กลไกทวิภาคี’ หวังลดความตึงเครียดชายแดน

‘ศบ.ทก.’ โต้กัมพูชา! ปัดละเมิด ‘เอ็มโอยู 43’ ลั่นขุดคูเลตในพื้นที่อธิปไตยไทย

นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงภายหลังการประชุม ศบ.ทก. ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบ.ทก. เป็นประธาน ว่า “สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ขอย้ำอีกครั้งว่า ไทยไม่เคยใช้มาตรการปิดด่านใดๆ ไม่มีมาตรการปิดด่านใดๆ ส่วนมาตรการที่ทำอยู่เป็นมาตรการควบคุมการเข้า-ออก และเป็นการปรับเวลาเปิด-ปิดด่านเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน สืบเนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ และเราจะพิจารณาปรับเปลี่ยนมาตรการตามสถานการณ์และตามความจำเป็น”

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ฝ่ายกัมพูชาประกาศด่านกัมพูชาทุกแห่งห้ามนำเข้าผักและผลไม้จากไทย โดยหน่วยงานของไทยที่เกี่ยวข้องได้หารือกันอย่างใกล้ชิด กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปประสานงานในพื้นที่ นำผลผลิตกระจายไปยังผู้รับซื้อภายในประเทศแล้ว โดยนิกรเดช ยืนยันว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญความเดือดร้อนและผลกระทบของประชาชนในพื้นที่”

เพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับข้อสงสัยที่ปรากฏในสื่อและในโซเชียลมีเดียของไทยในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการขุดคูเลตของฝั่งไทยนั้น เป็นการขุดคูเลตในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ดังนั้น ไทยจึงขอปฏิเสธคำกล่าวหาที่ว่า ไทยละเมิดเอ็มโอยู 2543 ไทยยังคงยึดมั่นและปฏิบัติตามเอ็มโอยู 2543 ที่เป็นสนธิสัญญาและกติกาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน และมีพันธะกรณีที่ต้องยึดถือและปฏิบัติร่วมกัน

ส่วนเรื่องกลไกทวิภาคี ขอย้ำอีกครั้งว่า “ไทยยึดมั่นกลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาเขตแดนไทยกับกัมพูชาด้วยความจริงใจและสุจริตใจ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและธรรมเนียมปฏิบัติของกติกาสากล การประชุมเจบีซีล่าสุดมีผลออกมาเป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่าย สามารถตกลงกันได้ในรายละเอียดต่างๆ เพื่อร่วมกันสำรวจพื้นที่และจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการดำเนินการต่อร่วมกัน”

“ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า กลไกทวิภาคียังคงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเจบีซีนัดพิเศษในเดือน ก.ย. ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ตอบกลับแล้ว สำหรับการประชุมอาร์บีซี ที่นายกฯ ได้ประสานฝ่ายกัมพูชาไปให้จัดประชุมโดยเร็ว เราได้ยื่นข้อเสนอวันที่เราไปแล้ว ซึ่งฝ่ายไทยและกัมพูชากำลังพิจารณาหาวันที่ที่เหมาะสมทั้งสองฝ่าย โดยจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป”

ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ประชาชน และความกรุณาในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้รับการตรวจสอบหรือยืนยัน หลีกเลี่ยงการขยายข่าวที่อาจจะเป็นการปลุกระดมหรือกล่าวหาอีกฝ่ายโดยยังไม่มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและเสี่ยงที่จะเป็นประเด็นทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มเติม ผอ.ศบ.ทก.ระบุว่า เราต้องเสพข้อมูลอย่างรอบคอบ รอบด้าน มีสติ และยึดสันติ

พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศรี รองโฆษกกองทัพไทย ในฐานะโฆษก ศบ.ทก. กล่าวว่า “ฝ่ายทหาร กองทัพไทย ขอยืนยันและยึดมั่นการปฏิบัติการทหารตามหลักสากล และยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตามเอ็มโอยู 2543 ที่เป็นข้อสัญญาและข้อตกลงทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามด้วยกัน ในประเด็นการปรับปรุงพื้นที่ที่มั่นต่างๆ และการปฏิบัติการของกองกำลังในพื้นที่ เป็นการปฏิบัติตามหลักของทหารที่ต้องมีการดำเนินการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง ความมั่นคงในพื้นที่”

ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการในพื้นที่อธิปไตยของไทยทั้งสิ้น

“ส่วนเรื่องการดำเนินการตามจุดผ่านแดนต่างๆ ก็เป็นการดำเนินการตามมาตรการของไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นการจำกัดคนและประเภทของคนในการผ่านแดน การจำกัดเวลาในการเปิด-ปิดด่าน โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม คำนึงถึงบุคคลที่มีความจำเป็น เช่น นักศึกษา ผู้ป่วย และผู้ที่มีความจำเป็นด้านมนุษย์”

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า “เรื่องการไม่อนุญาตนำเข้าสินค้า พืช ผัก ผลไม้ เป็นการดำเนินการฝ่ายเดียวของกัมพูชา โดยเฉพาะพืชผักผลไม้ทางเกษตร ทั้งนี้ รัฐบาลไทยนำโดย ศบ.ทก. ได้ประสานผ่านกระทรวงพาณิชย์ในการหามาตรการเยียวยาและช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานกับภาคเอกชน เช่น กลุ่มบริษัทซีพี เซ็นทรัลกรุ๊ป ห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นในการรับผลิตผลของไทย จำนวน 2,500 ตัน ไปจำหน่ายให้ผู้บริโภคตามพื้นที่ต่างๆ”

“โดยที่ผ่านมา กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการจัดการแสดงสินค้า Food Festival ที่ จ.ภูเก็ต และแนวโน้มคือจะจัดงานต่างๆ เพื่อกระจายสินค้าไปตามช่องทางต่างๆ ในอนาคต ทั้งนี้ ขอขอบคุณหน่วยงานห้างร้านต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนการรับสินค้าเพื่อแจกจ่าย รวมทั้งขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยสนับสนุนการจับจ่ายใช้สอยสินค้าของไทยด้วย”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกรุงพนมเปญมีการปลุกระดมกลุ่มผู้ชุมนุมรักชาติ ทางรัฐบาลมีความห่วงใยคนไทยในพื้นที่หรือไม่? นิกรเดช กล่าวว่า “รัฐบาลกัมพูชามีการจัดกิจกรรมโดยสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา ซึ่งเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในโอกาสต่างๆ เป็นประจำ ในแต่ละครั้งก็จะมีธีมที่แตกต่างกันออกไป ในครั้งนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ตรงกับช่วงที่เรามีประเด็นระหว่างไทยและกัมพูชาอยู่ อย่างที่ผมได้บอกว่า นโยบายของไทยเรียกร้องให้เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับรัฐบาลกับรัฐบาล อย่าได้ดึงออกมาเป็นระดับประชาชน”

ส่วนประชาชนคนไทยในกัมพูชานั้น เอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญ ได้ติดต่อประสานงานกับคนไทยที่อยู่ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ในขณะนี้ไม่มีความน่ากังวลใดๆ

พล.อ.ณัฐพล กล่าวเสริมว่า “ตามคติพจน์ของศูนย์ ศก.ทบ. คือ รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติสร้างสันติ แต่หากทางฝ่ายกัมพูชาทำอะไรเราตอบโต้ทุกเรื่อง เราก็ได้ใช้สติในการพิจารณา และกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงในที่ประชุม ซึ่งไม่มีผลกระทบอะไรกับประเทศไทย ได้แต่เพียงรับทราบ”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์