กา ‘ก้าวไกล’ ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม! ณ เวลานี้ ‘วลี’ ดังกล่าวไม่เพียงเป็นคำเชิญชวนหาเสียงเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลที่ใช้ในการเลือกตั้งสนามใหญ่ ปี 2566 แต่ยังเป็น ‘วลี’ ที่สามารถอธิบายเหตุการณ์ทางการเมืองในห้วงเวลาที่ผ่านมา ได้อย่างเห็นภาพประจักษ์ชัด หลายเหตุการณ์ถูกเรียกว่าเป็น ‘ภาพประวัติศาตร์’ ที่ไม่เคยพบเห็น และไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น ก็ได้เห็น ซึ่งทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นหลัง ‘พรรคก้าวไกล’ ครองเสียงข้างมากเป็นอันดับ 1 แต่ต้องกลายเป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่ตามธรรมเนียมควรได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
และวันนี้ (28 ส.ค.) เป็นอีกหนึ่งวัน ที่การเมืองไทยต้องจารึก เหตุการณ์ระดับประวัติศาสตร์ที่หลายคนไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น ขบวนขันหมากจาก ‘พรรคเพื่อไทย’ ไปสู่ขอ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ ให้มาร่วมรัฐบาล สลัดภาพความบาดหมางระหว่างพรรคที่เคยมี เกือบ 2 ทศวรรษ ออกไปจากภาพจำของคนไทย
เข้าสำนวนการเมืองไทยที่ว่า ‘ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร’ จับมือปรองดอง ก้าวข้ามความขัดแย้ง สลายสีเสื้อ สู่การเมืองใหม่?
หากย้อนดูท่าทีของการจับมือร่วมกันของ ‘พรรคค่ายสีฟ้าและค่ายสีแดง’ ใครที่ติดตามการเมืองจะรู้ดีว่าเริ่มมีกระแสข่าวการร่วมมือกันของ 2 พรรค ออกมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่สัญญาณการร่วมมือกันระหว่างสองพรรคนี้ เริ่มเห็นชัดเจนขึ้นในช่วงเดือน ‘สิงหาฯ หรรษา’ โดยเฉพาะในงาน Dinner Talk: Vision for Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ทักษิณได้ตอบคำถามเรื่องที่ประชาธิปัตย์จะมาร่วมรัฐบาล ว่า
“ ประชาธิปัตย์ก็มาร่วม เห็นไหมเขามางานวันนี้ วันนี้ไทยต้องสามัคคีกัน คือเราแบ่งหน้าที่กันทำ แต่เราไม่ได้เป็นศัตรู ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ตามนั้น มาเป็นศัตรูกันทำไม เราคนไทยด้วยกัน ”
ทักษิณ กล่าว
แต่หากย้อนดูให้ลึกกว่านี้พอเป็นสีสันการเมือง ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งสนามใหญ่ ปี 2566 ทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่ถูกเรียกขานว่าเป็นนายใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทย ได้สวมหมวกเป็น โทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) ร่วมจัดรายการ CARE Talk คิดเคลื่อนไทย
ในตอนหนึ่งระหว่างที่โทนี่ร่วมจัดรายการในวันที่ 21 มีนาคม 2566 เขาได้ตอบโต้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในประเด็นที่ ธนาธร ให้สัมภาษณ์กับ SPACEBAR ในรายการ คุยฟ้าผ่า Spotlight: เปิดแผนลับ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ เดิมพันยึด ‘กระดานอำนาจ’ ออกอากาศเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2566 โดยช่วงหนึ่ง ธนาธร ได้ระบุว่า
“สองเดือนที่ผ่านมา คุณเห็นอะไร พรรคนี้ไปซื้อบ้านใหญ่ ตระกูลบ้านใหญ่นี้จังหวัดนี้จะไปอยู่พรรคไหน กระโดดกันไปมา อันนี้ดูถูกประชาชนมาก เหมือนไม่มีอุดมการณ์อะไรเลย แต่ละพรรคย้ายไปบางทีอยู่ขั้วรัฐบาล สนับสนุนรัฐประหาร สนับสนุนเผด็จการมา กระโดดกลับมาอีกฝั่ง บางทีอยู่ฝั่งที่ไม่สนับสนุนเผด็จการ ย้ายกลับไปอยู่ฝั่งเผด็จการ ฝั่งพรรคทหารจำแลง เหลือเชื่อมากๆ นี่มันเป็นความล้มเหลวทางสามัญสำนึกเลย คุณจะไม่เห็นพรรคก้าวไกลไปอยู่ในสนามแบบนั้น เพราะเราไม่ได้สร้างพรรคอย่างนั้นไง”
ธนาธร กล่าว
จะเห็นได้ว่าในบทสัมภาษณ์ ธนาธร ไม่มีช่วงไหนที่พาดพิงหรือกล่าวถึงพรรคเพื่อไทย เพียงแต่วิจารณ์เรื่องบ้านใหญ่เท่านั้น แต่กลายเป็นว่าในรายการ CARE Talk ที่ออกอากาศในวันที่ 21 มีนาคม 2566 ทักษิณได้ตอบโต้ ธนาธร ในทำนองว่าเสียดสีและเข้าสำนวนตีวัวกระทบคราด ไปเปรียบเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า
“ วันนี้ผมงงมาก ธนาธรก็ออกมาโจมตีเพื่อไทย ที่มีคนบอกว่า ก้าวไกลเหมือนประชาธิปัตย์ ผมว่าก็ชักเหมือนขึ้นทุกวัน ”
ทักษิณ กล่าว
ส่วนการเปรียบว่า ‘เหมือนประชาธิปัตย์ไปทุกวัน’ มีความหมายว่าอย่างไร คนที่พูดคงรู้ดีที่สุด แต่นาทีนี้อะไรจะสำคัญไปกว่าการที่ 2 พรรค สลายสีเสื้อ จับมือปรองดอง พร้อมฝ่าฟันสารพัดมรสุมที่รออยู่ภายภาคหน้า
แต่สิ่งหนึ่งที่ ‘นักการเมือง’ ไม่ควรลืม คือ แม้คนไทยจะลืมง่าย แต่เมื่อไหร่ที่ พรรคการเมืองกล้าตระบัดสัตย์ และละทิ้งประชาชนที่ให้การสนับสนุน ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะยิ่งกว่าแลนด์สไลด์ ดังที่ปรากฏในการเลือกตั้งที่ผ่านมา