ช่วงจัดตั้งรัฐบาลที่มี ‘ดีลลับฮ่องกง’ หนึ่งในตัวละครที่เดินทางไปพบ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ในการดีลตั้งรัฐบาล คือ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ในขณะนั้นมีรายงานข่าวออกมาว่าทาง ‘ธนาธร’ ได้ยื่นข้อเสนอ ‘ก้าวไกล’ จะยอมถอยไปเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ แลกกับการ ‘ปิดสวิตช์ 3ป.’ ผลักให้ ‘พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ’ ไปเป็นฝ่ายค้าน หลังมีการเปิดเผยเที่ยวบิน ‘ธนาธร’ ไปฮ่องกง เมื่อ 24 ก.ค.2566 ซึ่งเรื่องนี้ก็ถูกปิดเงียบ ‘ทักษิณ-ธนาธร’ ไม่เคยออกมาพูดหรือกระจายข่าว
ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ‘ธนาธร’ โลว์โปร์ไฟล์ เงียบหายจากหน้าสื่อ จนล่าสุดออกมาแถลงข่าววิจารณ์ พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้าน ที่รัฐบาลจะกู้มาใช้แจก ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ และเริ่มกลับมาเดินสายให้สัมภาษณสื่อ พร้อมยอมรับว่าเคยบินไปพบ ‘ทักษิณ’ ในช่วงจัดตั้งรัฐบาล แต่ยืนยันว่าไม่ได้คุยการเมือง เพราะถ้าไปต่อรอง อาจทำให้พรรคโดนยุบได้ เพราะไม่มีตำแหน่งใดๆในพรรค
หากย้อนแนวคิดของ ‘ธนาธร’ มองตรงกับ ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ ผู้มากบารมีนอกพรรคก้าวไกล ถึงโรดแมปการทำ ‘พรรคการเมือง’ ตั้งแต่ยุค ‘อนาคตใหม่’ หลังก่อตั้งมาด้วยกัน ที่มอง ‘เกมยาว’ ในการสร้างพรรคต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 12-15 ปี ผ่านการ ‘เลือกตั้ง’ 3 ครั้ง ที่สำคัญเหตุผลสำคัญที่ ‘ธนาธร-ปิยบุตร’ มาตั้งพรรคใหม่เอง เพราะมี ‘แนวทาง-อุดมการณ์’ ที่ต่างจากพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้การเติบโตของ ‘ขั้วอนาคตใหม่’ ที่ก้าวกระโดดนั้น ก็เปรียบเป็น ‘ดาบสองคม’ อันนำมาสู่การ ‘ถูกยุบพรรค’ หนึ่งในคนใน ‘ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ’ ที่เป็น ‘ผู้ใหญ่ในบ้าน’ และเติบโตมาใน ‘วัฒนธรรมแบบจีน’ ก็อยากให้ ‘ค่อยเป็นค่อยไป’ ในการเติบโตของพรรค
ดังนั้นการที่ ‘ก้าวไกล’ จะยอมถอยไปเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก และเป็น ‘เส้นทาง’ ที่พรรคถนัดในการ ‘สร้างฐานมวลชน’ ในระยะยาว เพื่อนำจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต ตามโรปแมปเลือกตั้ง 3 ครั้ง
แม้แต่ ‘ปิยบุตร’ ก็เคยให้ ‘ก้าวไกล’ ถอยไปเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ ตั้งแต่แรก ปล่อยให้ ‘เพื่อไทย’ นำจัดตั้งรัฐบาลไป แต่ในซีกภายใน ‘ก้าวไกล’ ก็ต้องการ ‘ชำแหละ’ ภาพการเมืองแบบเก่าออกมา อันนำมาสู่ ‘ละครโรงใหญ่’ ช่วง 2-3 เดือนในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ ‘เพื่อไทย’ ต้องอยู่ในสภาวะ ‘กลืนน้ำลาย’ ไปตั้ง ‘รัฐบาลข้ามขั้ว’
การทำการเมือง ‘ดีลลับ ว.5’ ของ ‘ขั้วอนาคตใหม่’ ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ย้อนไปเมื่อปี 2562 ‘ธนาธร-ปิยบุตร’ เคยเข้าพูดคุยกับ ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ช่วงต้นเดือน ก.ย.62 ที่เซฟต์เฮ้าส์แห่งหนึ่งของ ‘บิ๊กแดง’ โดยมี ‘เสธ.โหน่ง’พล.ท.พงศกร รอดชมภู เป็นผู้ประสานงานให้มาพบกัน
สำหรับประเด็นที่พูดคุยเป็นเรื่อง การปฏิรูปกองทัพ ให้กองทัพถอยห่างการเมือง การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร และ การแก้ปัญหา 3 จ.ชายแดนภาคใต้ โดยทั้ง ‘ปิยบุตร-ธนาธร’ ได้ย้ำเจตนารมณ์การตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา ไม่ได้ต้องการที่จะมาล้มล้างการปกครอง และไม่มีการพูดคุยเรื่องการดีลทางการเมือง
แต่การพูดคุย ‘ไร้ผล’ เดือนต่อมา ต.ค.62 ‘บิ๊กแดง’ ได้จัดเวทีทอร์ค ‘แผ่นดินของเราในมุมมองฝ่ายความมั่นคง’ พุ่งเป้าโจมตีไปที่ ‘ขั้วอนาคตใหม่’ โดยมี ‘ทีมงาน’ เตรียมข้อมูล และ ‘บิ๊กแดง’ ได้ซักซ้อมการขึ้นทอล์กครั้งนั้น
เริ่มจากผ่านภาพ ‘เงาปริศนา’ ที่ถ่ายกับ ‘โจชัว หว่อง’ ที่เป็นเงาของ ‘ธนาธร’ พร้อมฟาดด้วยวาทะ ‘ฮ่องเต้ซินโดรม’ และร่ายยาวถึงตัวเลขปี 2475 ปีเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย. 2475 และคำว่า ‘ซ้ายจัดดัดจริต’
“ผมขอถามท่านว่าปัญหาเรื่องความมั่นคง ท่านจะให้ใครแก้ นักวิชาการ หรืออาจารย์บางคนที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์เดิม เป็น Mastermind เป็นคลังสมอง ร่วมกับนักเรียน นอกซ้ายจัดดัดจริต ที่ไปเรียนจากประเทศที่เคยล่าอาณานิคม อบรมสั่งสอนแบบไร้จรรยาบรรณ ชอบอ้างเลข 2475 เป็นตัวชี้นำ ชอบอ้างว่าตนเป็นนักประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้วง” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
“นักธุรกิจเจ้าของโรงงานที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง ชีวิตไม่เคยลำบาก เหมือนพวกฮ่องเต้ซินโดรม เคยชุมนุมร่วมกับคนเผาบ้านเผาเมือง สมคบคิดกับชาวต่างชาติ ชักศึกเข้าบ้าน เจาะพฤติกรรมล้างสมองคนรุ่นใหม่เพื่อเป็นฐานให้กับตนเข้าสู่การเมือง มีพฤติกรรมล้มล้างชาติ สถาบัน” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
สิ่งที่ ‘บิ๊กแดง’ กล่าวบนเวที เรียกว่าพุ่งตรงทั้ง ‘ธนาธร-ปิยบุตร’ สำหรับ ‘ธนาธร’ เติบโตมาจาก ‘ธุรกิจกงสี’ ซึ่ง ‘ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ’ แบ่งออกเป็น 3 สาย คือ กลุ่มสรรเสริญ จุฬางกูร ผ่านธุรกิจเครือข่ายกลุ่มซัมมิท คอร์ปอเรชัน , กลุ่มโกมล-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ กลุ่มพัฒนา-สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่แยกออกมาตั้ง ‘ไทยซัมมิทกรุ๊ป’ ผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ โดย ‘พัฒนา’ และ ‘สมพร’ คือคุณพ่อและคุณแม่ของ ‘ธนาธร’ นอกจากนี้ ‘ธนาธร’ เคยเข้าร่วมชุมนุมกับ ‘คนเสื้อแดง’ ช่วงปี 2552-53
ส่วน ‘ปิยบุตร’ ได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลฝรั่งเศสให้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยน็องต์ ประเทศฝรั่งเศส และจบปริญญาเอก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยตูลูส ประเทศฝรั่งเศส อีกทั้ง ‘ปิยบุตร’ ก็อยู่ในเครือข่ายนักวิชาการที่เป็น ‘คนเดือนตุลา’ แม้ ‘ปิยบุตร’ จะไม่ได้เป็น ‘คนเดือนตุลา’ ก็ตาม ซึ่งที่ผ่านมา ‘ปิยบุตร’ คือหนึ่งในนักวิชาการที่ทำการศึกษาเหตุการณ์ ‘ปฏิวัติสยาม 2475’ มาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามการพูดคุย ว.5 ระหว่าง ‘บิ๊กแดง-ปิยบุตร-ธนาธร’ ถูกปิดเงียบมากว่า 5-6 เดือน ราวกับมี ‘สัญญาลูกผู้ชาย’ ระหว่างกัน ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ออกมาพูด จนสุดท้าย ‘ข่าวรั่ว’ ออกมา หลัง ‘พรรคอนาคตใหม่’ ถูกยุบได้ไม่นาน สะท้อนภาพการทำ ‘การเมือง’ ของ ‘ธนาธร’ ที่ไม่ยังพ้น ‘การเมืองแบบเก่า’