



‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ พร้อมด้วย ‘ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช’ ได้เดินทางมาที่ศาลอาญารัชดา เพื่อไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ ‘ชูวิทย์’ ได้ฟ้อง ‘สันธนะ ประยูรรัตน์’ ในข้อหาแจ้งความเท็จ สร้างหลักฐานเท็จ และหมิ่นประมาท กรณีแอบถ่ายคลิปวิดีโอภายในห้องน้ำ ของ ‘โรงแรม เดอะ เดวิส บางกอก’ ที่มี ‘ชูวิทย์’ เป็นเจ้าของ
โดยก่อนเข้าห้องพิจารณาคดี ‘ชูวิทย์’ และ ‘ทนายอนันต์ชัย’ ได้ให้สัมภาษณ์ถึง ‘ทนายตั้ม’ หรือ ‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ ทนายความชื่อดังที่กำลังเป็นคู่กรณีกันอยู่ตอนนี้โดย ‘ทนายอนันต์ชัย’ บอกว่าเมื่อเขารับว่าความให้ ‘ชูวิทย์’ แล้ว หลังจากนี้ ‘ชูวิทย์’ จะให้สัมภาษณ์ประเด็นเกี่ยวกับ ‘ทนายตั้ม’ เป็นครั้งสุดท้าย เพราะไม่อยากให้เสียรูปคดี ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแฉทุจริตต่างๆ พูดได้ตามปกติ แต่หาก ‘ทนายตั้ม’ ยังพูดพาดพิง ‘ชูวิทย์’ อีก ก็จะฟ้องกรรมละ 100 ล้านบาท
สำหรับประเด็นที่จะฟ้องเอาผิด ‘ทนายตั้ม’ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้น ‘ทนายอนันต์ชัย’ บอกว่ามี 3 ประเด็นที่เข้าข่าย คือ 1. ความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เนื่องจากตอนนี้ ‘ชูวิทย์’ กำลังเปิดโปงขบวนการคอร์รัปชันและทุนจีนสีเทา แต่กลับถูก ‘ทนายตั้ม’ ออกมาแฉเรื่องถุงเงิน จึงตั้งข้อสังเกตว่า ‘ทนายตั้ม’ มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้หรือไม่ 2. การที่ ‘ทนายตั้ม’ แถลงข่าวกล่าวหา ‘ชูวิทย์’ โดยไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ถือว่าเข้าข่ายผิดมารยาททนาย ซึ่งเรื่องนี้ ‘ชูวิทย์’ จะไปร้องเรียนให้สภาทนายความตรวจสอบพฤติกรรมของ ‘ทนายตั้ม’ ด้วย 3. กรณีที่ ‘พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ’ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ผู้บริหาร ปปง. ได้ออกมา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การที่ ‘ชูวิทย์’ นำเงินที่อาจผิดกฎหมาย ไปบริจาคอาจเข้าข่ายการฟอกเงิน ‘ทนายอนันต์ชัย’ มองว่าไม่ควรให้สัมภาษณ์ในลักษณะชี้นำ ควรจให้สัมภาษณ์ว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบหรือรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 200
ขณะที่ ‘ชูวิทย์’ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีข้อสังเกตว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นขบวนการดิสเครดิตหรือไม่ ‘ชูวิทย์’ ตอบว่า ตัวเองไม่มีเครดิต พร้อมระบุว่าตอนนี้มีกระบวนการพยายามที่จะมาปิดปากเขา มีทั้งทนาย พวกหิวแสง นักร้องเรียน ใครฟ้องมาเขาก็จะฟ้องกลับ จะสู้ในทางกฎหมาย ย้ำว่าพร้อมสู้ทุกทาง เวลาสู้ก็จะไม่ค่อยเหมือนกัน พร้อมฝากไปถึงคนที่มีพฤติกรรมเหมือนหมาลอบกัดว่า เขาพร้อมจะกัดตอบ “กูไม่กลัวมึง” และในวันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) ขอให้ติดตามว่าเขาจะนำเงินบริจาค จำนวน 6 ล้านบาท ที่โรงพยาบาลคืนมาไปให้ใคร!
หลังออกจากห้องพิจารณาคดี ‘ชูวิทย์’ และ ‘ทนายอนันต์ชัย’ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกครั้ง โดยประเด็นส่วนใหญ่ที่ถามถึงทนายตั้ม ‘ทนายอนันต์ชัย’ จะเป็นคนตอบแทน ช่วงหนึ่ง ‘ทนายอนันต์ชัย’ ได้เตือน ‘ทนายตั้ม’ ว่าให้ระวังเรื่องการพาดพิง ‘ชูวิทย์’ โดยยกคดีของ ‘สันธนะ’ ที่วันนี้ศาลฯ พิเคราะห์ ว่ามีมูลเข้าข่ายรับฟ้องแล้วว่า ในคดีของ ‘สันธนะ’ ที่พาดพิง ‘ชูวิทย์’ มีจุดที่สามารถนำมาดำเนินคดีได้น้อยกว่า ‘ทนายตั้ม’ ที่เขานับได้กว่า 20 จุด ดังนั้นขอเตือนว่า ‘ยิ่งแถลงยิ่งตาย อยู่เงียบๆ ดีกว่า’
ส่วนประเด็นที่ ‘ทนายตั้ม’ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ‘ชูวิทย์’ จะไปบุกกลางวงแถลง เป็นการหลอกนักข่าวหรือไม่นั้น ‘ทนายอนันต์ชัย’ มองว่าเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ ‘ทนายตั้ม’ พูด เชื่อถือไม่ได้ ส่วนประเด็นที่ ‘ทนายตั้ม’ ชี้แจงว่าเงิน 300,000 บาท ไม่ใช่ค่าแถลงข่าวแต่เป็นเงินที่ป้องกันการถูกฟ้องนั้น ‘ทนายอนันต์ชัย’ เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเอกสารดังกล่าวออกมาจากสำนักของทนายษิทราเอง และระบุชัดเจนว่าเป็นค่าแถลงข่าว แต่กลับจะมาบิดพลิ้วว่าเป็นการป้องกันการฟ้องร้องคดีในศาลฯ ถือว่าไม่สมเหตุสมผล พร้อมสอนมวย ‘ทนายตั้ม’ ว่าการแถลงข่าวจะต้องใช้สติให้มาก แล้วจึงจะเกิดปัญญา
ขณะที่ ‘ชูวิทย์’ ยอมรับว่าสิ่งที่ ‘ทนายอนันต์ชัย’ พูด เป็นการพูดแทนสิ่งที่เขาอยากจะพูดไปหมดแล้ว อีกทั้งทนายยังมีสติมากกว่าตัวเขาเอง เพราะตอนนี้เขามีเรื่องเยอะจนไม่มีสติเหมือนกัน ทำให้ปัญญาไม่มา มั่นใจว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้น มีคนอยู่เบื้องหลัง แต่เขาขอยืนยันจะเดินหน้าคัดค้านกัญชาเสรีและต่อต้านคอร์รัปชันต่อไป พร้อมพูดเป็นนัยยะในทำนองว่า ใครจ้างทำอะไร ใครถูกจ้างมา ตัวเขาเองรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร
โดยก่อนเข้าห้องพิจารณาคดี ‘ชูวิทย์’ และ ‘ทนายอนันต์ชัย’ ได้ให้สัมภาษณ์ถึง ‘ทนายตั้ม’ หรือ ‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ ทนายความชื่อดังที่กำลังเป็นคู่กรณีกันอยู่ตอนนี้โดย ‘ทนายอนันต์ชัย’ บอกว่าเมื่อเขารับว่าความให้ ‘ชูวิทย์’ แล้ว หลังจากนี้ ‘ชูวิทย์’ จะให้สัมภาษณ์ประเด็นเกี่ยวกับ ‘ทนายตั้ม’ เป็นครั้งสุดท้าย เพราะไม่อยากให้เสียรูปคดี ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแฉทุจริตต่างๆ พูดได้ตามปกติ แต่หาก ‘ทนายตั้ม’ ยังพูดพาดพิง ‘ชูวิทย์’ อีก ก็จะฟ้องกรรมละ 100 ล้านบาท
สำหรับประเด็นที่จะฟ้องเอาผิด ‘ทนายตั้ม’ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้น ‘ทนายอนันต์ชัย’ บอกว่ามี 3 ประเด็นที่เข้าข่าย คือ 1. ความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เนื่องจากตอนนี้ ‘ชูวิทย์’ กำลังเปิดโปงขบวนการคอร์รัปชันและทุนจีนสีเทา แต่กลับถูก ‘ทนายตั้ม’ ออกมาแฉเรื่องถุงเงิน จึงตั้งข้อสังเกตว่า ‘ทนายตั้ม’ มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้หรือไม่ 2. การที่ ‘ทนายตั้ม’ แถลงข่าวกล่าวหา ‘ชูวิทย์’ โดยไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ถือว่าเข้าข่ายผิดมารยาททนาย ซึ่งเรื่องนี้ ‘ชูวิทย์’ จะไปร้องเรียนให้สภาทนายความตรวจสอบพฤติกรรมของ ‘ทนายตั้ม’ ด้วย 3. กรณีที่ ‘พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ’ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ผู้บริหาร ปปง. ได้ออกมา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การที่ ‘ชูวิทย์’ นำเงินที่อาจผิดกฎหมาย ไปบริจาคอาจเข้าข่ายการฟอกเงิน ‘ทนายอนันต์ชัย’ มองว่าไม่ควรให้สัมภาษณ์ในลักษณะชี้นำ ควรจให้สัมภาษณ์ว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบหรือรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 200
ขณะที่ ‘ชูวิทย์’ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีข้อสังเกตว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นขบวนการดิสเครดิตหรือไม่ ‘ชูวิทย์’ ตอบว่า ตัวเองไม่มีเครดิต พร้อมระบุว่าตอนนี้มีกระบวนการพยายามที่จะมาปิดปากเขา มีทั้งทนาย พวกหิวแสง นักร้องเรียน ใครฟ้องมาเขาก็จะฟ้องกลับ จะสู้ในทางกฎหมาย ย้ำว่าพร้อมสู้ทุกทาง เวลาสู้ก็จะไม่ค่อยเหมือนกัน พร้อมฝากไปถึงคนที่มีพฤติกรรมเหมือนหมาลอบกัดว่า เขาพร้อมจะกัดตอบ “กูไม่กลัวมึง” และในวันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) ขอให้ติดตามว่าเขาจะนำเงินบริจาค จำนวน 6 ล้านบาท ที่โรงพยาบาลคืนมาไปให้ใคร!
หลังออกจากห้องพิจารณาคดี ‘ชูวิทย์’ และ ‘ทนายอนันต์ชัย’ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกครั้ง โดยประเด็นส่วนใหญ่ที่ถามถึงทนายตั้ม ‘ทนายอนันต์ชัย’ จะเป็นคนตอบแทน ช่วงหนึ่ง ‘ทนายอนันต์ชัย’ ได้เตือน ‘ทนายตั้ม’ ว่าให้ระวังเรื่องการพาดพิง ‘ชูวิทย์’ โดยยกคดีของ ‘สันธนะ’ ที่วันนี้ศาลฯ พิเคราะห์ ว่ามีมูลเข้าข่ายรับฟ้องแล้วว่า ในคดีของ ‘สันธนะ’ ที่พาดพิง ‘ชูวิทย์’ มีจุดที่สามารถนำมาดำเนินคดีได้น้อยกว่า ‘ทนายตั้ม’ ที่เขานับได้กว่า 20 จุด ดังนั้นขอเตือนว่า ‘ยิ่งแถลงยิ่งตาย อยู่เงียบๆ ดีกว่า’
ส่วนประเด็นที่ ‘ทนายตั้ม’ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ‘ชูวิทย์’ จะไปบุกกลางวงแถลง เป็นการหลอกนักข่าวหรือไม่นั้น ‘ทนายอนันต์ชัย’ มองว่าเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ ‘ทนายตั้ม’ พูด เชื่อถือไม่ได้ ส่วนประเด็นที่ ‘ทนายตั้ม’ ชี้แจงว่าเงิน 300,000 บาท ไม่ใช่ค่าแถลงข่าวแต่เป็นเงินที่ป้องกันการถูกฟ้องนั้น ‘ทนายอนันต์ชัย’ เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเอกสารดังกล่าวออกมาจากสำนักของทนายษิทราเอง และระบุชัดเจนว่าเป็นค่าแถลงข่าว แต่กลับจะมาบิดพลิ้วว่าเป็นการป้องกันการฟ้องร้องคดีในศาลฯ ถือว่าไม่สมเหตุสมผล พร้อมสอนมวย ‘ทนายตั้ม’ ว่าการแถลงข่าวจะต้องใช้สติให้มาก แล้วจึงจะเกิดปัญญา
ขณะที่ ‘ชูวิทย์’ ยอมรับว่าสิ่งที่ ‘ทนายอนันต์ชัย’ พูด เป็นการพูดแทนสิ่งที่เขาอยากจะพูดไปหมดแล้ว อีกทั้งทนายยังมีสติมากกว่าตัวเขาเอง เพราะตอนนี้เขามีเรื่องเยอะจนไม่มีสติเหมือนกัน ทำให้ปัญญาไม่มา มั่นใจว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้น มีคนอยู่เบื้องหลัง แต่เขาขอยืนยันจะเดินหน้าคัดค้านกัญชาเสรีและต่อต้านคอร์รัปชันต่อไป พร้อมพูดเป็นนัยยะในทำนองว่า ใครจ้างทำอะไร ใครถูกจ้างมา ตัวเขาเองรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร