ระหว่างโดยสารเที่ยวบินกลางคืน กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่นั่งริมหน้าต่างมอบโอกาสให้ผมมองเห็นไฟเมืองเรียงตัวเป็นแถวตามแนวถนน ไฟจากอาคารบ้านเรือนแตกแขนงเป็นเครือข่ายไปตามผังเมืองเหมือนรากต้นไม้เรืองแสงในความมืด เที่ยวบินกลางคืนเดือนกุมภาพันธ์ยังเผยให้เห็นไฟป่าด้วยเช่นกัน

กัปตันรายงานสภาพภูมิอากาศของเมืองเชียงใหม่และให้ความมั่นใจลูกเรือว่า “อีก 30 นาทีเราจะเดินทางถึงสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ครับ” ผมมองเห็นเส้นสายของไฟที่กำลังลามไหม้ป่าบนภูเขา ไฟป่ากลางคืนดูคล้ายภาพถ่ายที่เผยให้เห็นเส้นแสงสีส้มขีดลากไปบนฉากหลังสีดำซึ่งตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ไว้ที่ชัตเตอร์ B
ยิ่งเข้าใกล้เมืองเชียงใหม่ เราจะเห็นพื้นที่ไฟป่าสลับกับไฟเมืองเป็นระยะ ระหว่างก้มมองพื้นเบื้องล่าง ดวงจันทร์กลมโตปรากฎตัวในเงาสะท้อนของผิวน้ำและพื้นถนน ไฟป่าและดวงจันทร์ในเดือนกุมภาพันธ์ทำให้ผมนึกถึงเพลง The Moon Represents My Heart ของเติ้ง ลี่จวิน นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาแสนสั้นที่เธอมาพำนักในเมืองเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2538 ก่อนที่จะเสียชีวิตในห้องพักหมายเลข 1502 โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง
ยิ่งเข้าใกล้เมืองเชียงใหม่ เราจะเห็นพื้นที่ไฟป่าสลับกับไฟเมืองเป็นระยะ ระหว่างก้มมองพื้นเบื้องล่าง ดวงจันทร์กลมโตปรากฎตัวในเงาสะท้อนของผิวน้ำและพื้นถนน ไฟป่าและดวงจันทร์ในเดือนกุมภาพันธ์ทำให้ผมนึกถึงเพลง The Moon Represents My Heart ของเติ้ง ลี่จวิน นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาแสนสั้นที่เธอมาพำนักในเมืองเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2538 ก่อนที่จะเสียชีวิตในห้องพักหมายเลข 1502 โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง

เงาของ PM2.5 ในวันที่เติ้ง ลี่จวินมาเชียงใหม่
เติ้ง ลี่จวิน เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2538 แพทย์ประจำโรงพยาบาลเชียงใหม่รามวินิจฉัยสาเหตุการเสียชีวิตว่ามีที่มาจากโรคหอบหืดกำเริบ ก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือน เธอเดินทางมาพำนักที่เชียงใหม่เพื่อรักษาอาการหอบหืดเมื่อวันที่ 2 เมษายน เธอเลือกเดือนเมษายนของเมืองเชียงใหม่เป็นช่วงเวลาพักผ่อนและพำนักรักษาโรคประจำตัว!เราไม่มีข้อมูลคุณภาพอากาศในเดือนเมษายน-พฤษภาคม เมื่อ 28 ปีก่อน ในตอนนั้นเรายังไม่รู้จัก PM10 หรือ PM2.5 ด้วยซ้ำไป แต่การไม่รู้ ก็ใช่ว่าไม่มีอยู่จริง

“ฝุ่นควันน่าจะมีมาตั้งแต่ตอนที่มนุษย์เริ่มรู้จักใช้ไฟครับ” ชนกนันทน์ นันตะวัน นักวิจัยอิสระแห่งกลุ่มสมดุลเชียงใหม่ พูดถึงความจริงพื้นฐานนี้ให้ผมฟังระหว่างที่เรานั่งอยู่ในสวนรุกขชาติห้วยแก้ว ใบไม้ปลิดร่วงกราวลงพื้นตลอดเวลาตามการนัดหมายของฤดูแล้ง
“แต่ผมเชื่อว่าเมื่อ 28 ปีที่แล้วที่คุณเติ้ง ลี่จวินมาเชียงใหม่ ผืนป่าน่าจะสมบูรณ์กว่านี้ พื้นที่ปลูกข้าวโพดก็ยังไม่มากขนาดนี้ การจราจรยังไม่หนาแน่นเหมือนวันนี้ เราต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงครับ” ชนกนันทน์ จินตนาการถึงเชียงใหม่เมื่อ 28 ปีก่อนร่วมไปกับผมหลังจากได้ฟังเรื่องราวการมาเยือนเมืองเชียงใหม่ในเดือนเมษายนของราชินีเพลงรักหวานโศกชาวไต้หวันผู้ล่วงลับ แต่สว่างค้างอยู่บนฟ้ากลายเป็นดวงดาว
“แต่ผมเชื่อว่าเมื่อ 28 ปีที่แล้วที่คุณเติ้ง ลี่จวินมาเชียงใหม่ ผืนป่าน่าจะสมบูรณ์กว่านี้ พื้นที่ปลูกข้าวโพดก็ยังไม่มากขนาดนี้ การจราจรยังไม่หนาแน่นเหมือนวันนี้ เราต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงครับ” ชนกนันทน์ จินตนาการถึงเชียงใหม่เมื่อ 28 ปีก่อนร่วมไปกับผมหลังจากได้ฟังเรื่องราวการมาเยือนเมืองเชียงใหม่ในเดือนเมษายนของราชินีเพลงรักหวานโศกชาวไต้หวันผู้ล่วงลับ แต่สว่างค้างอยู่บนฟ้ากลายเป็นดวงดาว

ชนกนันทน์ ไม่ได้เกิดที่เมืองแห่งนี้ แต่มาเรียนหนังสือที่เชียงใหม่ในปี 2553 สามปีหลังฝุ่นควันถูกประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติในปี 2550 แต่ในตอนนั้นเรายังไม่มีเทคโนโลยีรายงานคุณภาพอากาศ เรายังไม่มี Dustboy หรือ Low Cost Sensor ที่รายงานคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์เหมือนทุกวันนี้ ดังนั้นอาการแสบจมูกและแสบตาจึงเป็นเหมือนแอปลิเคชันรายงานคุณภาพอากาศในวันที่อากาศแย่
“ถ้าวันไหนมองขึ้นไปบนดอยสุเทพแล้วเห็นเส้นไฟที่กำลังไหม้ดอย สิ่งที่เราทำคือก่นด่าคนบนดอยครับ มันเป็นมุมมองของเด็กที่ยังไม่เข้าใจปัญหาที่สลับซับซ้อนอย่างไฟป่าและฝุ่นควัน เราเลยโยนบาปไปให้ผู้อื่น” แต่หลังจากได้ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลปัญหาฝุ่นควันในปี 2562 ในพื้นที่ปลูกข้าวโพดภาคเหนือที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สีเหลืองทองเรืองรองของข้าวโพดทำให้เขาตาสว่าง
“ถ้าวันไหนมองขึ้นไปบนดอยสุเทพแล้วเห็นเส้นไฟที่กำลังไหม้ดอย สิ่งที่เราทำคือก่นด่าคนบนดอยครับ มันเป็นมุมมองของเด็กที่ยังไม่เข้าใจปัญหาที่สลับซับซ้อนอย่างไฟป่าและฝุ่นควัน เราเลยโยนบาปไปให้ผู้อื่น” แต่หลังจากได้ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลปัญหาฝุ่นควันในปี 2562 ในพื้นที่ปลูกข้าวโพดภาคเหนือที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สีเหลืองทองเรืองรองของข้าวโพดทำให้เขาตาสว่าง

“เราเห็นมิติของปัญหาที่มีหลายสาเหตุ เราเริ่มเข้าใจกลุ่มคนที่ตกเป็นจำเลยของสังคมว่ามีทั้งข้อเท็จและข้อจริง” ชนกนันทน์ ระบุอย่างคนมองปัญหาบนข้อเท็จจริง
ระหว่างปี 2545-2565 ภาคเหนือตอนบนของไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มจาก 621,280 ไร่ เป็น 2,430,419 ไร่ พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขยายตัวแบบก้าวกระโดดในปี 2550 เมื่อเทียบกับปี 2545
“ทำไมเขาจึงเลือกวิธีการเผา เพราะการเผาใช้ต้นทุนแค่ไม้ขีดก้านเดียวครับ” ชนกนันทน์ ย้อนกลับไปถึงคำถามแรกที่เขาใช้มัดกับปลายหอก พุ่งตรงไปที่ใจกลางปัญหาที่เคยเข้าใจว่าคือเกษตรกร
“ตอนนั้นการปลูกพืชเชิงเดี่ยวในพื้นที่อำเภอแม่แจ่มได้รับความนิยมมาก กลุ่มบริษัทเอกชนที่รับซื้อผลผลิตเข้ามาส่งเสริมชาวบ้านทั้งเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยยา รัฐบาลก็ให้การสนับสนุน มันทำให้การขยายพื้นที่พืชเชิงเดี่ยวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ผืนป่าถูกแทนที่ด้วยพื้นที่เกษตรเชิงเดี่ยว
ระหว่างปี 2545-2565 ภาคเหนือตอนบนของไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มจาก 621,280 ไร่ เป็น 2,430,419 ไร่ พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขยายตัวแบบก้าวกระโดดในปี 2550 เมื่อเทียบกับปี 2545
“ทำไมเขาจึงเลือกวิธีการเผา เพราะการเผาใช้ต้นทุนแค่ไม้ขีดก้านเดียวครับ” ชนกนันทน์ ย้อนกลับไปถึงคำถามแรกที่เขาใช้มัดกับปลายหอก พุ่งตรงไปที่ใจกลางปัญหาที่เคยเข้าใจว่าคือเกษตรกร
“ตอนนั้นการปลูกพืชเชิงเดี่ยวในพื้นที่อำเภอแม่แจ่มได้รับความนิยมมาก กลุ่มบริษัทเอกชนที่รับซื้อผลผลิตเข้ามาส่งเสริมชาวบ้านทั้งเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยยา รัฐบาลก็ให้การสนับสนุน มันทำให้การขยายพื้นที่พืชเชิงเดี่ยวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ผืนป่าถูกแทนที่ด้วยพื้นที่เกษตรเชิงเดี่ยว

“พอป่าถูกทำลาย หน้าดินเปิดออก ฝนตกลงมาก็ทำให้ตะกอนดินบนภูเขาไหลลงมาตามน้ำ ทำให้แหล่งน้ำบนพื้นที่ราบตื้นเขินไปด้วยตะกอนทราย แหล่งต้นน้ำหายไป ยังไม่นับว่าในกระบวนการผลิตเกษตรกรก็รับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายด้วย” ชนกนันทน์ เล่าถึงวังวนของเกษตรกรที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว
ปัญหาฝุ่นควันเกี่ยวโยงกับเรื่องดิน น้ำ อากาศ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง “เชื่อมโยงกันเป็นวงจรที่ฉายภาพให้เราเห็นปัญหาทั้งหมดครับ ถ้าเราจะแก้ปัญหาฝุ่นควันในพื้นที่เกษตรได้ มันมีเรื่องอื่นที่เราจะต้องแก้ด้วย ไม่ได้มีแค่ฝุ่นกับการเผาครับ” ชนกนันท์ บอก
ปัญหาฝุ่นควันเกี่ยวโยงกับเรื่องดิน น้ำ อากาศ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง “เชื่อมโยงกันเป็นวงจรที่ฉายภาพให้เราเห็นปัญหาทั้งหมดครับ ถ้าเราจะแก้ปัญหาฝุ่นควันในพื้นที่เกษตรได้ มันมีเรื่องอื่นที่เราจะต้องแก้ด้วย ไม่ได้มีแค่ฝุ่นกับการเผาครับ” ชนกนันท์ บอก

ไฟจำเป็นและไฟไม่จำเป็น
อย่างน้อยก็ 2 ทศวรรษมาแล้วที่เมืองเชียงใหม่อยู่ในสถานการณ์ด้านมลพิษที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ หากนับจากการที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ยกให้ปัญหามลพิษเป็นวาระแห่งชาติในปี 2550 เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นละอองจากหมอกควันและไฟป่ารุนแรงอย่างหนักในปีนั้น ค่าฝุ่น PM 10 สูงเกินมาตรฐานเป็นเวลาหลายวัน ข้อมูลในปีนั้นระบุว่า เฉพาะค่าเฉลี่ย 24 ชม. ที่เชียงใหม่ มีค่าสูงสุด 383 มคก./ลบ.ม.หลังจากนั้นรัฐบาลจัดตั้งหน่วยบัญชาการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในภาคเหนือแบบ Single Command ในช่วงเวลาที่เข้าสู่วิกฤติฝุ่นควัน นั่นคือช่วงฤดูหนาวหรือ ‘ฤดูแล้ง’ ในภาษาของชาวบ้านในภาคเหนือ แต่ที่กลายเป็นตลกร้ายก็คือ “ตั้งแต่นั้นมาปัญหาเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ น่าแปลกไหมครับ” ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานคณะกรรมการอำนวยการสภาลมหายใจเชียงใหม่ สรุปบทเรียนการทำงานแบบ Single Command ในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา

“ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมา รัฐมองปัญหาไฟป่าฝุ่นควันว่าเป็นการที่ชาวบ้านเผาป่า ชาวบ้านเผาพื้นที่เกษตร ฉะนั้นพอตั้งคณะกรรมการมาดับไฟก็คิดว่าปัญหาจะจบ แต่ปัญหาฝุ่นควันไม่ใช่ปัญหาเชิงเทคนิคครับ มันจึงไม่ใช่แค่การดับไฟ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน มีความเชื่อมโยงหลายกระทรวง ทบวง กรม” ชัชวาลย์ กล่าว
ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา เชียงใหม่ประกาศมาตรการห้ามเผาเด็ดขาดหรือ Zero Burning หากใครทำให้เกิดการเผาไหม้ในที่กลางแจ้ง ไร่ นา สวน และป่า ก็จะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย นี่คือช่วงเวลาไม่ต่างจากการประกาศเคอร์ฟิวในภาคการเกษตรที่จำเป็นต้องใช้ไฟ
ข้อเสนอหนึ่งของภาคีสภาลมหายใจ คือการเปลี่ยนวิธีคิดแบบ Zero Burning มาใช้การบริหารจัดการเชื้อเพลิงตามหลักวิชาการ และจำแนกแยกแยะไฟที่จำเป็นและไม่จำเป็น
ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา เชียงใหม่ประกาศมาตรการห้ามเผาเด็ดขาดหรือ Zero Burning หากใครทำให้เกิดการเผาไหม้ในที่กลางแจ้ง ไร่ นา สวน และป่า ก็จะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย นี่คือช่วงเวลาไม่ต่างจากการประกาศเคอร์ฟิวในภาคการเกษตรที่จำเป็นต้องใช้ไฟ
ข้อเสนอหนึ่งของภาคีสภาลมหายใจ คือการเปลี่ยนวิธีคิดแบบ Zero Burning มาใช้การบริหารจัดการเชื้อเพลิงตามหลักวิชาการ และจำแนกแยกแยะไฟที่จำเป็นและไม่จำเป็น

“ไฟที่ไม่จำเป็นคือไฟที่เกิดขึ้นและลุกลามโดยไม่มีเหตุจำเป็นต้องลุกลาม เช่น การจุดไฟล่าสัตว์ แต่ไฟจำเป็นคือไฟที่มีความจำเป็นต้องใช้ในระบบเกษตรที่ต้องพึ่งพาอาศัยไฟ ซึ่งชาวบ้านมีภูมิปัญญาในการจัดการไฟ มีการทำแนวกันไฟ รอให้ใบไม้แห้งสนิท เพื่อให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ควันจะน้อยมาก และเลือกจังหวะเวลาที่ลมถ่ายเท ไม่เกินชั่วโมงก็จบแล้ว นี่คือระบบที่มีภูมิปัญญาและวิชาการ รวมถึงพื้นที่เสี่ยงอย่างในป่าที่มีเชื้อเพลิงอย่างใบไม้แห้งสะสม พื้นที่แบบนี้ต้องมีระบบบริหารจัดการ”
เชียงใหม่มีพื้นที่ป่า 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีชุมชนอาศัยไม่น้อยกว่า 1,500 ชุมชน ดังนั้นมาตรการหลักที่รัฐประกาศใช้อย่างการห้ามเผาเด็ดขาด ในมุมมองของประธานสภาลมหายใจ จึงไม่สอดล้องกับความเป็นจริงของผู้คนในพื้นที่ เพราะเกษตรกรบนพื้นที่สูงจำเป็นต้องพึ่งพาไฟในการจัดการกับพื้นที่หลังเก็บเกี่ยว
เชียงใหม่มีพื้นที่ป่า 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีชุมชนอาศัยไม่น้อยกว่า 1,500 ชุมชน ดังนั้นมาตรการหลักที่รัฐประกาศใช้อย่างการห้ามเผาเด็ดขาด ในมุมมองของประธานสภาลมหายใจ จึงไม่สอดล้องกับความเป็นจริงของผู้คนในพื้นที่ เพราะเกษตรกรบนพื้นที่สูงจำเป็นต้องพึ่งพาไฟในการจัดการกับพื้นที่หลังเก็บเกี่ยว

“ปัญหาของ Zero Burning มันไม่สอดคล้องกับความจริงของชีวิตผู้คน การประกาศพื้นที่ป่าสงวนฯ และป่าอนุรักษ์ฯ ทับลงไปในพื้นที่ชุมชน ก็ทำให้เขากลายเป็นผู้ผิดกฎหมายทันที มีชุมชนไม่น้อยกว่า 1,500 แห่งอาศัยในพื้นที่ป่า ชุมชนเพียง 700 แห่งเท่านั้นเองที่อยู่นอกพื้นที่ป่า
“เพราะภูมิประเทศของภาคเหนือมันเป็นแบบนี้ เมื่อรัฐห้ามเผาเด็ดขาดก็กลายเป็นว่าทุกการเผาที่เกิดขึ้นคุณคือผู้ผิดกฎหมาย พอกลายเป็นผู้ผิดกฎหมาย แต่จำเป็นต้องเผา พวกเขาทำยังไงครับ ก็ต้องเผาแล้วหนี วิธีนี้มันทำให้ทุกคนไปอยู่ใต้ดินหมด Zero Burning เลยไม่ตอบโจทย์ มันยิ่งทำให้ชาวบ้านเป็นจำเลย ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไหนจะสู้กับชีวิตของตัวเองที่ต้องอยู่รอด”
นอกจากนี้ การใช้จุดความร้อนหรือฮอตสปอต (Hotspot) เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมทางสิ่งแวดล้อมตามมา รวมถึงไม่ได้สะท้อนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นบนพื้นดิน เพราะทำให้เกิดการเผาหนีดาวเทียม เพราะรู้รอบเวลาที่ดาวเทียมนับจุดความร้อนในแต่ละวัน การเผานอกเวลาที่ดาวเทียมมาตรวจจับ ก็ทำให้ดาวเทียมจับจุดความร้อนไม่ได้ ข้อมูลจุดความร้อนลดลง แต่ฝุ่นยังคงมีปริมาณสูงเกินค่ามาตรฐานและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
“เพราะภูมิประเทศของภาคเหนือมันเป็นแบบนี้ เมื่อรัฐห้ามเผาเด็ดขาดก็กลายเป็นว่าทุกการเผาที่เกิดขึ้นคุณคือผู้ผิดกฎหมาย พอกลายเป็นผู้ผิดกฎหมาย แต่จำเป็นต้องเผา พวกเขาทำยังไงครับ ก็ต้องเผาแล้วหนี วิธีนี้มันทำให้ทุกคนไปอยู่ใต้ดินหมด Zero Burning เลยไม่ตอบโจทย์ มันยิ่งทำให้ชาวบ้านเป็นจำเลย ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไหนจะสู้กับชีวิตของตัวเองที่ต้องอยู่รอด”
นอกจากนี้ การใช้จุดความร้อนหรือฮอตสปอต (Hotspot) เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมทางสิ่งแวดล้อมตามมา รวมถึงไม่ได้สะท้อนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นบนพื้นดิน เพราะทำให้เกิดการเผาหนีดาวเทียม เพราะรู้รอบเวลาที่ดาวเทียมนับจุดความร้อนในแต่ละวัน การเผานอกเวลาที่ดาวเทียมมาตรวจจับ ก็ทำให้ดาวเทียมจับจุดความร้อนไม่ได้ ข้อมูลจุดความร้อนลดลง แต่ฝุ่นยังคงมีปริมาณสูงเกินค่ามาตรฐานและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

“ระบบดาวเทียมที่ตรวจจับฮอตสปอตเป็นเทคโนโลยีที่ดีมาก แต่ปัญหาของข้อมูลจากดาวเทียมที่ตรวจหาจุดความร้อนคือมันลำเอียง เพราะมันจับได้เฉพาะพื้นที่บนดอย จับได้เฉพาะพื้นที่การเผาในภาคเกษตรและในป่า แต่รถยนต์ที่ขับในเมืองก็คือไฟ 1 กองเช่นกัน โรงงานอุตสาหกรรมก็คือไฟ 1 กองเช่นกัน รวมถึงแหล่งกำเนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นไฟที่ถูกจุดตลอดทั้งปีนะครับ แต่ไฟบนดอยไฟการเกษตรที่เป็นไฟจำเป็นมันคือช่วงเวลาเพียง 3-4 เดือนเท่านั้นเอง แต่รถยนต์วิ่งทุกวันและทั้งปี อุตสาหกรรมก็ทำงานทั้งปี แต่ฮอตสปอตจับไม่ได้เลย เรามีความรู้เรื่อง PM2.5 ที่สัมพันธ์กับแหล่งกำเนิดประเภทนี้น้อยมาก”
การเผาเตรียมพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรในไร่หมุนเวียนจึงถูกบดบังด้วยมายาคติว่าเป็นต้นเหตุในการก่อมลพิษ ทั้งๆ ที่การเผาในพื้นที่ไร่หมุนเวียนใช้ความรู้ในการจัดการและมีการควบคุมการไหม้ลามอย่างเป็นระบบ
“ไร่หมุนเวียนที่ทำกันมา 300-400 ปี เป็นการรักษาป่าและแหล่งความมั่นคงทางอาหาร แต่ข้าวโพดเป็นพืชที่ใช้ระบบการผลิตซ้ำบนพื้นที่เดิม ก็ทำให้เกิดการชะล้างพังทลายของหน้าดิน เวลาข้าวโพดขึ้นดอย มันทำให้ภูเขาหัวโล้น ประเทศไทยเริ่มรณรงค์มาหลายปีครับ ว่าควรลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดลง กระบวนการมันจึงขยายไปประเทศเพื่อนบ้าน
การเผาเตรียมพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรในไร่หมุนเวียนจึงถูกบดบังด้วยมายาคติว่าเป็นต้นเหตุในการก่อมลพิษ ทั้งๆ ที่การเผาในพื้นที่ไร่หมุนเวียนใช้ความรู้ในการจัดการและมีการควบคุมการไหม้ลามอย่างเป็นระบบ
“ไร่หมุนเวียนที่ทำกันมา 300-400 ปี เป็นการรักษาป่าและแหล่งความมั่นคงทางอาหาร แต่ข้าวโพดเป็นพืชที่ใช้ระบบการผลิตซ้ำบนพื้นที่เดิม ก็ทำให้เกิดการชะล้างพังทลายของหน้าดิน เวลาข้าวโพดขึ้นดอย มันทำให้ภูเขาหัวโล้น ประเทศไทยเริ่มรณรงค์มาหลายปีครับ ว่าควรลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดลง กระบวนการมันจึงขยายไปประเทศเพื่อนบ้าน

“ถ้าเราไปดูฮอตสปอตในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน เราจะเห็นว่ามันแดงเถือก เราจะพบจุดความร้อนมากกว่าเรา 3-4 เท่า ดังนั้นฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นปัญหาใหญ่ ถึงแม้เราจะแก้ปัญหาในประเทศได้ เราก็จะเจอฝุ่นควันข้ามแดนอยู่ดี” ชัชวาลย์ ระบุ
“เช้าวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน อากาศแจ่มใสสดชื่นเนื่องจากฝนได้ชะหมอกควันอันเกิดจากการเผาฟางข้าวแห้งๆ ในนาไปจนหมดสิ้น”
หมอกควันในสิ้นแสงฉาน
อิงเง่ ซาร์เจนท์ ได้บันทึกให้เห็นการใช้ไฟในภาคการเกษตรและสภาพของป่าผลัดใบเมืองสีป่อ รัฐฉาน เมื่อปี 2497 ในหนังสือ สิ้นแสงฉาน อันโด่งดัง ว่า“เช้าวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน อากาศแจ่มใสสดชื่นเนื่องจากฝนได้ชะหมอกควันอันเกิดจากการเผาฟางข้าวแห้งๆ ในนาไปจนหมดสิ้น”

เมืองสีป่อซึ่งตั้งอยู่ในรัฐฉาน มีพื้นที่ติดอยู่กับภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งประเทศแถบนี้มีลักษณะป่าเบญจพรรณ เกษตรกรใช้ไฟในภาคเกษตรหลังฤดูเก็บเกี่ยว แต่ระบบการผลิตในปี 2497 ไม่น่าจะมีรูปแบบเหมือนระบบเกษตรเชิงเดี่ยวแบบพันธะสัญญาในศตวรรษที่ 21
แต่หลักฐานใน สิ้นแสงฉาน ก็เผยให้เราเห็นการเกษตรที่พึ่งพาไฟในประเทศที่มีสภาพอากาศและภูมิประเทศคล้ายกับภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยอย่างรัฐฉาน
ในบทถัดมา อิงเง่บรรยายให้เห็นความร้อนแล้งในเดือนเมษายนที่อากาศในสีป่อ “ร้อนจัดจนแทบทนไม่ไหว ผู้คนอ่อนเปลี้ย สัตว์เลี้ยงหิวกระหายน้ำ และต้นไม้ก็แห้งเกรียมด้วยความร้อน รอคอยฝนแรกซึ่งลมมรสุมจะหอบมาเมื่อถึงฤดูกาล เมื่อต้องสูดดมแต่ควันไฟซึ่งลอยอวลเหนือหุบเขาเป็นสัปดาห์ๆ เจ้าจาแสงก็อดนึกถึงอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าบนเทือกเขาร็อกกี้ที่สหรัฐอเมริกาไม่ได้ เจ้าฟ้าทรงวางแผนจะสอนชาวบ้านบนไหล่เขาให้รู้ถึงเกษตรสมัยใหม่ที่ให้ผลผลิตดีกว่าและทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า โดยไม่จำเป็นต้องเผาตอซังข้าวเพื่อทำปุ๋ยในนาแบบนี้อีกต่อไปแล้ว”
แต่หลักฐานใน สิ้นแสงฉาน ก็เผยให้เราเห็นการเกษตรที่พึ่งพาไฟในประเทศที่มีสภาพอากาศและภูมิประเทศคล้ายกับภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยอย่างรัฐฉาน
ในบทถัดมา อิงเง่บรรยายให้เห็นความร้อนแล้งในเดือนเมษายนที่อากาศในสีป่อ “ร้อนจัดจนแทบทนไม่ไหว ผู้คนอ่อนเปลี้ย สัตว์เลี้ยงหิวกระหายน้ำ และต้นไม้ก็แห้งเกรียมด้วยความร้อน รอคอยฝนแรกซึ่งลมมรสุมจะหอบมาเมื่อถึงฤดูกาล เมื่อต้องสูดดมแต่ควันไฟซึ่งลอยอวลเหนือหุบเขาเป็นสัปดาห์ๆ เจ้าจาแสงก็อดนึกถึงอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าบนเทือกเขาร็อกกี้ที่สหรัฐอเมริกาไม่ได้ เจ้าฟ้าทรงวางแผนจะสอนชาวบ้านบนไหล่เขาให้รู้ถึงเกษตรสมัยใหม่ที่ให้ผลผลิตดีกว่าและทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า โดยไม่จำเป็นต้องเผาตอซังข้าวเพื่อทำปุ๋ยในนาแบบนี้อีกต่อไปแล้ว”

น่าสนใจว่าเกษตรสมัยใหม่ที่เจ้าจาแสงวางแผนจะสอนชาวบ้านมีรูปแบบการผลิตและจัดการเศษซากชีวมวลบนพื้นที่สูงอย่างไร แต่เจ้าจาแสงไม่มีโอกาสนั้น เพราะได้ถูกบังคับให้สูญหายหลังจากนายพลเนวินยึดอำนาจ เขาหายไปตราบจนวันที่คนรักของเขา อิงเง่ ซาร์เจนท์ หรือสุจันทรี มหาเทวีองค์สุดท้ายในเมืองสีป่อแห่งรัฐฉาน เสียชีวิตด้วยโรคชราในวัย 91 ที่บ้านพักในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566
การเสียชีวิตของเธอทำให้ผมนึกถึงหมอกควันใน สิ้นแสงฉาน ที่ลอยอวลเหนือหุบเขาของเมืองสีป่อ และหมอกควันในนวนิยายของอิงเง่ ทำให้นึกถึงหมอกควันและจุดความร้อนที่เกิดจากการเผาไร่ข้าวโพดในรัฐฉานช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ที่รัฐฉาน การเกษตรสมัยใหม่ได้เคลื่อนย้ายจากประเทศไทยเข้าไปเปลี่ยนรูปแบบการผลิตในแบบที่เจ้าจาแสงอาจคิดไม่ถึง
การเสียชีวิตของเธอทำให้ผมนึกถึงหมอกควันใน สิ้นแสงฉาน ที่ลอยอวลเหนือหุบเขาของเมืองสีป่อ และหมอกควันในนวนิยายของอิงเง่ ทำให้นึกถึงหมอกควันและจุดความร้อนที่เกิดจากการเผาไร่ข้าวโพดในรัฐฉานช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ที่รัฐฉาน การเกษตรสมัยใหม่ได้เคลื่อนย้ายจากประเทศไทยเข้าไปเปลี่ยนรูปแบบการผลิตในแบบที่เจ้าจาแสงอาจคิดไม่ถึง

หมาป่าและหมอกควันข้ามพรมแดน
วิกฤติฝุ่นควัน PM2.5 และมลพิษทางอากาศจากหมอกควันข้ามพรมแดน มีความเกี่ยวข้องกับการขยายตัวของพืชเชิงเดี่ยวทั้งในและนอกประเทศงานวิจัยของกรีนพีซในหัวข้อ ข้าวโพด: การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน และมลพิษทางอากาศข้ามพรมแดน ระบุว่า การขยายตัวของตลาดข้าวโพดอาหารสัตว์และการสะสมของจุดความร้อนและพื้นที่การเผาไหม้มีความเชื่อมโยงกับช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในฤดูถัดไป ทําให้ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงกลางเมษายนของทุกปี พื้นที่อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงทั้งสามประเทศถูกรมควัน เป็นวิกฤตร้ายแรงต่อสุขภาพ
“เราตั้งสมมติฐานไว้ว่าปัญหาหมอกควันในภาคเหนือที่เกิดขึ้นมาอย่างน้อยราว 15 ปี เกี่ยวข้องกับพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรือไม่” รัตนศิริ กิตติก้องนภางค์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านอาหารและเกษตรกรรมเชิงนิเวศ กรีนพีซ ประเทศไทย เล่าให้ผมฟังถึงสมมติฐานในงานวิจัยชิ้นดังกล่าว

“ข้อมูลตั้งแต่ 2545-2565 แสดงให้เห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มขึ้นของมลพิษทางอากาศที่เข้มข้นเช่นกัน มันก็เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกันค่ะ” รัตนศิริ กล่าว
ขณะที่นโยบายส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยวของรัฐบาลก็เป็นอีกเครื่องดนตรีที่ร่วมประสานบรรเลงจนทำให้บทเพลงนี้ขยายไปไกลจนเกิดการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่า
“ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ บริษัทสนับสนุนตั้งแต่พันธุ์ข้าวโพด ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ไปจนถึงการรับซื้อผลผลิต รัฐมีนโยบายการประกันราคา แต่ผลกระทบที่ตามมาคือปัญหาสิ่งแวดล้อม หลายปีก่อนภาพภูเขาหัวโล้นที่จังหวัดน่านก็ทำให้ภาคประชาสังคมกดดันและเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ภาครัฐทำคือเคร่งครัดมาตรการการรับซื้อมากขึ้น กำหนดให้ผู้ปลูกต้องมีเอกสารสิทธิ์ในการยืนยันว่า ผลผลิตที่ได้มาไม่ได้มาจากบุกรุกพื้นที่ป่า” รัตนศิริ เล่า
ขณะที่นโยบายส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยวของรัฐบาลก็เป็นอีกเครื่องดนตรีที่ร่วมประสานบรรเลงจนทำให้บทเพลงนี้ขยายไปไกลจนเกิดการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่า
“ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ บริษัทสนับสนุนตั้งแต่พันธุ์ข้าวโพด ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ไปจนถึงการรับซื้อผลผลิต รัฐมีนโยบายการประกันราคา แต่ผลกระทบที่ตามมาคือปัญหาสิ่งแวดล้อม หลายปีก่อนภาพภูเขาหัวโล้นที่จังหวัดน่านก็ทำให้ภาคประชาสังคมกดดันและเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ภาครัฐทำคือเคร่งครัดมาตรการการรับซื้อมากขึ้น กำหนดให้ผู้ปลูกต้องมีเอกสารสิทธิ์ในการยืนยันว่า ผลผลิตที่ได้มาไม่ได้มาจากบุกรุกพื้นที่ป่า” รัตนศิริ เล่า

ราวปี พ.ศ.2559 มีการเปลี่ยนแปลงมาตรการการรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกร และการประกันราคา ด้วยหลักฐานกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ถูกต้อง ทําให้เกษตรกรประสบปัญหาในการขาย เกิดปัญหาผลผลิตตกค้าง โดยมาตรการที่เกิดขึ้นนี้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกับจุดความร้อนในไทยที่ลดลงในปี พ.ศ. 2559 และลดลงเรื่อยๆ ก่อนจะกลับมาสูงอีกครั้งในปี พ.ศ. 2562
“นอกจากนี้ยังมีการยกเว้นภาษีนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นโยบายนี้ก็เป็นการขยายพื้นที่การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากไทยไปประเทศเพื่อนบ้าน ฉะนั้นมลพิษที่เรากำลังพูดถึงมันคือมลพิษข้ามพรมแดนค่ะ” รัตนศิริ กล่าว
ถ้าเป็นเกมหมาป่า ที่ผ่านมาชาวบ้านอย่างเราชี้นิ้วไปที่เกษตรกรผู้ปลูกว่าเป็นหมาป่าผู้ก่อมลพิษ ซึ่งจากข้อมูลในงานวิจัยชิ้นนี้ รัตนศิริต้องการรณรงค์ให้เห็นความเชื่อมโยง ผลกระทบที่เกิดขึ้น และทำให้เห็นผู้อยู่เบื้องหลังผลประโยชน์จากการสูญเสียพื้นที่ป่าและมลพิษที่เกิดขึ้น
“นอกจากนี้ยังมีการยกเว้นภาษีนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นโยบายนี้ก็เป็นการขยายพื้นที่การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากไทยไปประเทศเพื่อนบ้าน ฉะนั้นมลพิษที่เรากำลังพูดถึงมันคือมลพิษข้ามพรมแดนค่ะ” รัตนศิริ กล่าว
ถ้าเป็นเกมหมาป่า ที่ผ่านมาชาวบ้านอย่างเราชี้นิ้วไปที่เกษตรกรผู้ปลูกว่าเป็นหมาป่าผู้ก่อมลพิษ ซึ่งจากข้อมูลในงานวิจัยชิ้นนี้ รัตนศิริต้องการรณรงค์ให้เห็นความเชื่อมโยง ผลกระทบที่เกิดขึ้น และทำให้เห็นผู้อยู่เบื้องหลังผลประโยชน์จากการสูญเสียพื้นที่ป่าและมลพิษที่เกิดขึ้น

“เกษตรพันธะสัญญาสามารถแก้จนให้เกษตรกรได้จริงหรือ จริงหรือที่เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อมลพิษนี้เลย จริงหรือที่เกษตรกรคนบนดอยเป็นคนทำให้คนในเมืองสูดควันพิษ เราอยากจะเปลี่ยนมายาคติเหล่านี้ เราอยากทำให้เห็นความเชื่อมโยงทางอำนาจที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้มีมาตรการเอาผิดกับภาคอุตสาหกรรมที่ควรมีภาระรับผิดในการก่อมลพิษและการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่า” ผู้ศึกษาวิจัยงานชิ้นนี้ ระบุ
รัตนศิริ อ่านข้อความในบทความที่เธอเขียน ในบทความชิ้นดังกล่าวเธออ้างถึงประโยคของ ราเชล คาร์สัน จากหนังสือ Silent Spring (1962) หนังสือบอกเล่าถึงอันตรายร้ายแรงของสารเคมีที่ใช้ในระบบอาหารเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ราเชลอ้างถึงบทกวี The Road Not Taken (1915) ของ โรเบิร์ต ฟรอสต์ อีกที และรัตนศิริ อ้างถึงการอ้างอิงข้างต้นในข้อเขียนเกี่ยวกับวิกฤติอาหารในปี 2565 ของเธอ
ผมคิดว่าตัวบททั้งสามที่วางซ้อนทับกันบนเวลาต่างยุคสมัย มีความคมคายและทรงพลังในการอุปมาอุปไมยถึง ‘ทางแยก’ ที่โลกกำลังเผชิญในปัจจุบัน
ทางที่เราต้องเลือก
ขณะนี้เรายืนอยู่เบื้องหน้าทางแยกของถนนสองสาย แต่ต่างออกไปจากถนนในบทกวีชื่อดังของโรเบิร์ต ฟรอสต์รัตนศิริ อ่านข้อความในบทความที่เธอเขียน ในบทความชิ้นดังกล่าวเธออ้างถึงประโยคของ ราเชล คาร์สัน จากหนังสือ Silent Spring (1962) หนังสือบอกเล่าถึงอันตรายร้ายแรงของสารเคมีที่ใช้ในระบบอาหารเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ราเชลอ้างถึงบทกวี The Road Not Taken (1915) ของ โรเบิร์ต ฟรอสต์ อีกที และรัตนศิริ อ้างถึงการอ้างอิงข้างต้นในข้อเขียนเกี่ยวกับวิกฤติอาหารในปี 2565 ของเธอ
ผมคิดว่าตัวบททั้งสามที่วางซ้อนทับกันบนเวลาต่างยุคสมัย มีความคมคายและทรงพลังในการอุปมาอุปไมยถึง ‘ทางแยก’ ที่โลกกำลังเผชิญในปัจจุบัน

ถนนทั้งสองสายนี้ไม่เท่าเทียมกัน ถนนสายที่เราเดินทางมาตลอดนั้นเป็นเส้นที่ถูกทำให้เรารู้สึกว่าง่าย เป็นทางด่วนที่ราบรื่นและทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้เร็ว แต่ปลายทางนั้นมีหายนะรออยู่ ส่วนอีกเส้นทาง หรือทางที่คนสัญจรน้อยกว่า คือเส้นทางที่เป็นโอกาสสุดท้ายและหนึ่งเดียวในการก้าวไปถึงเป้าหมายที่สามารถดูแลโลกได้อย่างแท้จริง
“ข้อความข้างต้นถูกเขียนในปี 1962 ค่ะ ซึ่งไม่ต่างจากวันนี้ที่เราพูดถึงวิกฤตโลกร้อนและปัญหามลพิษ” รัตนศิริ กล่าวหลังจากอ่านข้อความในบทความของเธอจบ
“ข้อความข้างต้นถูกเขียนในปี 1962 ค่ะ ซึ่งไม่ต่างจากวันนี้ที่เราพูดถึงวิกฤตโลกร้อนและปัญหามลพิษ” รัตนศิริ กล่าวหลังจากอ่านข้อความในบทความของเธอจบ

“มันเป็น The Road Not Taken เป็นทางที่ไม่มีใครเลือกเดิน เพราะมันยากและซับซ้อน มันอาจจะใช้เวลามากกว่า ใช้ความตั้งใจในการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายมากกว่า แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยนเส้นทาง เราจะถลำลึกไปในทางที่แย่ลงเรื่อยๆ เราเริ่มเห็นผลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง มลพิษที่มากขึ้นเรื่อยๆ เด็กที่เกิดในยุคนี้จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะใส่หน้ากากทุกคน มันน่าเศร้านะคะ เขาน่าจะมีโอกาสได้วิ่งเล่นได้อย่างอิสระ”
ขณะนี้เรายืนอยู่เบื้องหน้าทางแยกของถนนสองสาย แต่ต่างออกไปจากถนนในบทกวี The Road Not Taken ของโรเบิร์ต ฟรอสต์ และต่างออกไปจาก Silent Spring ของ ราเชล คาร์สัน
เราก็กำลังสวมหน้ากาก N95 (ขั้นต่ำ) เผชิญกับทางแยกที่ถ่างกว้างออกจากกันขึ้นเรื่อยๆ
ขณะนี้เรายืนอยู่เบื้องหน้าทางแยกของถนนสองสาย แต่ต่างออกไปจากถนนในบทกวี The Road Not Taken ของโรเบิร์ต ฟรอสต์ และต่างออกไปจาก Silent Spring ของ ราเชล คาร์สัน
เราก็กำลังสวมหน้ากาก N95 (ขั้นต่ำ) เผชิญกับทางแยกที่ถ่างกว้างออกจากกันขึ้นเรื่อยๆ
