ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ‘อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์’ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้ามายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. เพื่อขอให้เร่งรัดการตรวจสอบและดำเนินคดีกับ ‘อุปกิต ปาจรียางกูร’ สมาชิกวุฒิสภา กรณีมีข้อมูลว่าเส้นทางการเงินของ ‘อุปกิต’ มีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดและเว็บพนันออนไลน์ รวมถึงนำหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ‘อุปกิต’ มีส่วนกับการกระทำความผิดมายื่นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ นอกจากนี้ อัจฉริยะ ยังเสนอตัวเป็นพยานในคดีนี้ โดยบอกว่าหากเจ้าหน้าที่สอบปากคำเขา เชื่อว่าจะสามารถออกหมายจับ อุปกิต ได้ทันที
ประเด็นสำคัญที่ อัจฉริยะ พูดถึง คือ บอกว่า อุปกิต มีการซื้อไฟฟ้าจากแม่สาย เพื่อส่งต่อไปยังบ่อนการพนันที่ประเทศพม่า และส่งไปที่ชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ใช้เป็นฐานที่ตั้งผลิตยาเสพติด โดยจ่ายค่าไฟฟ้าเดือนละ 50 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 50 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเงินกว่า 9,000 ล้านบาท โดยเงินที่นำมาลงทุน คือเงินจากขบวนการยาเสพติด ที่มาในรูปแบบบัญชีม้า พร้อมทั้งบอกว่า อุปกิต มีความเชื่อมโยงกับ ‘เอ็ดดี้ พันณรงค์ ขุนพิทักษ์’ ผู้ต้องหาในคดีฟอกเงิน ที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับ ‘นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์’ หรือ ‘นอท กองสลากพลัส’ เจ้าของแพลตฟอร์มค้าสลากออนไลน์กองสลากพลัส ที่กำลังถูกดีเอสไอตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินอยู่ในขณะนี้ โดย อัจฉริยะ อ้างว่า เอ็ดดี้ ได้ซื้อ บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด โดยเป็นการซื้อปากเปล่า ไม่มีหลักฐานการซื้อขายตามกฎหมาย เพื่อตั้งตนเป็นนอมินีให้กับ อุปกิต ในการทำธุรกิจสีเทา ซึ่งเอ็ดดี้ ได้นำเงินจากการเป็นนอมินีปมร่วมลงทุนกับ ‘กองสลากพลัส’ เพื่อฟอกเงิน
นอกจากนี้ยังตั้งข้อเกตว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีนี้ถูกโยกย้ายจำนวนมาก ประกอบกับมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับ อุปกิต ถูกออกหมายจับเกี่ยวกับคดียาเสพติดถึง 9 ราย แต่ตัวของ อุปกิต กลับไม่ถูกดำเนินคดี จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะ อุปกิต มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับ อดีต ผบ.ตร. จำนวน 2 คน และยังพบว่าอาคารที่เป็นทรัพย์สินของ อุปกิต ย่านอารีย์ ปัจจุบันได้ใช้เป็นที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินคดีได้อย่างตรงไปตรงมา เพราะมีความข้องกับ ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี จึงเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ และพีระพันธุ์ ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าที่ตนออกมาขอให้ตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองแต่อย่างใด
ขณะที่ พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 ซึ่งเป็นผู้รับหนังสื่อจากอัจฉริยะ บอกว่าเบื้องต้นจะรับเรื่องไว้ตรวจสอบก่อน และหากพบว่ามีข้อมูลที่ต้องการจากอัจฉริยะ จะเรียกมาให้ข้อมูลอีกครั้ง
ประเด็นสำคัญที่ อัจฉริยะ พูดถึง คือ บอกว่า อุปกิต มีการซื้อไฟฟ้าจากแม่สาย เพื่อส่งต่อไปยังบ่อนการพนันที่ประเทศพม่า และส่งไปที่ชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ใช้เป็นฐานที่ตั้งผลิตยาเสพติด โดยจ่ายค่าไฟฟ้าเดือนละ 50 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 50 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเงินกว่า 9,000 ล้านบาท โดยเงินที่นำมาลงทุน คือเงินจากขบวนการยาเสพติด ที่มาในรูปแบบบัญชีม้า พร้อมทั้งบอกว่า อุปกิต มีความเชื่อมโยงกับ ‘เอ็ดดี้ พันณรงค์ ขุนพิทักษ์’ ผู้ต้องหาในคดีฟอกเงิน ที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับ ‘นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์’ หรือ ‘นอท กองสลากพลัส’ เจ้าของแพลตฟอร์มค้าสลากออนไลน์กองสลากพลัส ที่กำลังถูกดีเอสไอตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินอยู่ในขณะนี้ โดย อัจฉริยะ อ้างว่า เอ็ดดี้ ได้ซื้อ บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด โดยเป็นการซื้อปากเปล่า ไม่มีหลักฐานการซื้อขายตามกฎหมาย เพื่อตั้งตนเป็นนอมินีให้กับ อุปกิต ในการทำธุรกิจสีเทา ซึ่งเอ็ดดี้ ได้นำเงินจากการเป็นนอมินีปมร่วมลงทุนกับ ‘กองสลากพลัส’ เพื่อฟอกเงิน
นอกจากนี้ยังตั้งข้อเกตว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีนี้ถูกโยกย้ายจำนวนมาก ประกอบกับมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับ อุปกิต ถูกออกหมายจับเกี่ยวกับคดียาเสพติดถึง 9 ราย แต่ตัวของ อุปกิต กลับไม่ถูกดำเนินคดี จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะ อุปกิต มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับ อดีต ผบ.ตร. จำนวน 2 คน และยังพบว่าอาคารที่เป็นทรัพย์สินของ อุปกิต ย่านอารีย์ ปัจจุบันได้ใช้เป็นที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินคดีได้อย่างตรงไปตรงมา เพราะมีความข้องกับ ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี จึงเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ และพีระพันธุ์ ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าที่ตนออกมาขอให้ตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองแต่อย่างใด
ขณะที่ พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 ซึ่งเป็นผู้รับหนังสื่อจากอัจฉริยะ บอกว่าเบื้องต้นจะรับเรื่องไว้ตรวจสอบก่อน และหากพบว่ามีข้อมูลที่ต้องการจากอัจฉริยะ จะเรียกมาให้ข้อมูลอีกครั้ง
