คนกรุงอ้วนลงพุงกว่า 56% เสี่ยง NCDs สูญ 1.6 ล้านล้านต่อปี กระทบ SDGs

19 พ.ค. 2568 - 10:11

  • สาธารณสุขชี้คนกรุงอ้วนลงพุงกว่า 56% เสี่ยงเป็นโรค NCDs สูงกว่าชาวชนบท ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 39.4%

  • คนกรุงเทพฯ คอเลสเตอรอลพุ่ง 66.4% เบาหวาน 12.5% ความดันโลหิตสูง 27.2% เกินค่าเฉลี่ยของประเทศ

  • กลุ่มโรค NCDs สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและการพัฒนาของประเทศในระยะยาว

กระทรวงสาธารณสุข เผยคนกรุงเทพฯ มีภาวะอ้วนลงพุงสูงถึง 56.1% สูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศที่ 39.4% สะท้อนปัญหาสุขภาพจากวิถีชีวิตเมืองซึ่งสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ โดยชี้ว่าเป็นปัญหาที่ไม่เพียงกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจและความยั่งยืนของระบบสุขภาพในระยะยาว

การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นในงาน “คนไทย ห่างไกล NCDs ภายใต้วิถีเขตเมือง” โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากหลายหน่วยงาน รวมถึงภาคีภาคประชาชนอย่างอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) เข้าร่วม

 


bangkok-residents-abdominal-obesity-poses-sdg-SPACEBAR-Photo01.jpg
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในงาน “คนไทย ห่างไกล NCDs ภายใต้วิถีเขตเมือง”

เมืองกับสุขภาพ ความท้าทายด้านความยั่งยืน

ปัญหาสุขภาพของคนเมืองกำลังกลายเป็นหนึ่งในประเด็นท้าทายต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในบริบทของกรุงเทพมหานคร ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า นอกจากภาวะอ้วนลงพุงจะอยู่ในระดับสูงแล้ว อัตราผู้ป่วยโรคเบาหวานในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 12.5% (เทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศที่ 9.5%) ขณะที่ความดันโลหิตสูงอยู่ที่ 27.2% (สูงกว่าค่าเฉลี่ย 25.4%) และมีประชาชนกรุงที่มีระดับไขมันคอเลสเตอรอลรวมสูงถึง 66.4% เทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศที่ 56.8% ซึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดปัญหาดังกล่าว ได้แก่ วิถีชีวิตเร่งรีบ ความเครียด การขาดกิจกรรมทางกาย รวมถึงการบริโภคอาหารแปรรูปหรืออาหารที่มีโซเดียมสูง ซึ่งล้วนเป็นพฤติกรรมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเขตเมือง

ต้นทุนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า กลุ่มโรค NCDs กำลังก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี ทั้งในรูปแบบค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ การสูญเสียผลิตภาพแรงงาน และภาระของครอบครัว สะท้อนถึงต้นทุนที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะในระบบสุขภาพ แต่ยังกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศในภาพรวม

แนวทางแก้ไขจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักษาโรคเท่านั้น แต่จำเป็นต้องปรับโครงสร้างเมืองและพฤติกรรมของคนในเมืองอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การออกแบบสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย การเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ตลอดจนการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านสุขภาพในระดับชุมชน


bangkok-residents-abdominal-obesity-poses-sdg-SPACEBAR-Photo02.jpg

 ส่งเสริมสุขภาพเมืองผ่านกลไกภาคประชาชน

หนึ่งในแนวทางสำคัญที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาใช้ คือ การส่งเสริมบทบาทของ อสส. ให้เป็นแกนนำในการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคไม่ติดต่อในชุมชนเมือง โดยเน้นการปรับพฤติกรรมอย่างยั่งยืน เช่น การนับคาร์โบไฮเดรตเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การลดการบริโภคโซเดียม และการเลือกอาหารในแนวทางโลว์คาร์บที่เหมาะสมกับบริบทของเมือง ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการและกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ในหัวข้อต่างๆ เช่น การจัดการ NCDs ภายใต้วิถีเขตเมือง, ดุสิตโมเดล ที่นำเสนอเมนูอาหารเพื่อสุขภาพในชุมชนเมือง รวมถึงแนวทางการควบคุมโรคในชุมชนอาคารสูงและหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของการอยู่อาศัยในเขตเมือง


ภาวะอ้วนลงพุงในคนกรุงเทพฯ ความท้าทายต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

สถานการณ์ขณะนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 3 (Good Health and Well-being) ซึ่งมุ่งลดการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ลงให้ได้ 1 ใน 3 ภายในปี 2030 ภาวะอ้วนลงพุงที่พุ่งสูงในเขตเมืองอย่างกรุงเทพฯ เป็นตัวชี้วัดหนึ่งของปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่กำลังเติบโตและยากต่อการควบคุม โดยเฉพาะเมื่อวิถีชีวิตในเมืองไม่เอื้อต่อพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เช่น ขาดกิจกรรมทางกาย รับประทานอาหารแปรรูป และเผชิญกับความเครียดสะสมจากการทำงาน

ในขณะเดียวกัน ปัญหานี้ยังเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเป้าหมายที่ 11 (Sustainable Cities and Communities) ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเมืองให้น่าอยู่ มีระบบสาธารณูปโภคที่เอื้อต่อคุณภาพชีวิต รวมถึงส่งเสริมการเดิน การใช้จักรยาน และการเข้าถึงอาหารสุขภาพในระดับชุมชน หากโครงสร้างเมืองยังขาดพื้นที่สีเขียว ทางเดินเท้า และพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางกาย ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดปัญหา NCDs ในวงกว้าง

ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหานี้ยังสะท้อนถึงความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ 8 (Decent Work and Economic Growth) เนื่องจากโรคเรื้อรังส่งผลต่อความสามารถในการทำงานของประชากร ทำให้เกิดการสูญเสียผลิตภาพแรงงาน และเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายทางสุขภาพทั้งในระดับครัวเรือนและระดับประเทศ ซึ่งบั่นทอนศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

สุดท้าย ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังโรค NCDs คือพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่สมดุล เช่น การบริโภคอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่ 12 (Responsible Consumption and Production) ที่เน้นการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ การส่งเสริมการเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การลดอาหารแปรรูป และการให้ความรู้เรื่องโภชนาการจึงเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์แก้ปัญหาที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ ภาวะอ้วนลงพุงและโรค NCDs ในเขตเมืองไม่ใช่เพียงประเด็นด้านสุขภาพ แต่เป็นปัญหาที่ยึดโยงกับสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ และการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยตรง การตอบสนองที่มีประสิทธิภาพจึงจำเป็นต้องเป็นมากกว่านโยบายสาธารณสุข แต่ต้องเป็นนโยบายเมือง นโยบายอาหาร และนโยบายสังคมที่สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในภาพรวม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์