หลังอัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้อง ‘ตู้ห่าว’ พร้อมพวกรวม 41 คน ใน 9 ข้อหา ล่าสุดวันนี้ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้นัดสอบปากคำจำเลยเป็นนัดแรก โดยบรรยากาศเมื่อเช้าที่ผ่านมา ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้เดินทางมาสังเกตการณ์การสอบปากคำของ ‘ตู้ห่าว’ ด้วย
เหตุผลที่มาวันนี้ ชูวิทย์ บอกว่ามาในฐานะประชาชน และอยากฟังว่าตู้ห่าว จะให้การว่าอย่างไร จะยอมรับหรือปฎิเสธข้อกล่าวหา แต่ส่วนตัวเชื่อตู้ห่าว ไม่รับสารภาพแน่นอน เพราะทั้ง 9 ข้อหาที่โดนฟ้องเป็นข้อหาหนัก จึงเชื่อว่าระหว่างนี้จะมีการวิ่งล้มคดีด้วยวิธีการใต้ดิน พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายน้ำหนักของหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพราะศาลชั้นต้นเป็นศาลชั้นสำคัญในการตั้งต้นคดีที่จะว่ากันด้วยหลักฐาน
โดยตอนนี้พบว่ามีความพยายามที่จะล็อบบี้พยานปากสำคัญ 2 คน ที่ตอนนี้อยู่ในความคุ้มครองของตำรวจแล้ว แต่กลับพบว่ามีการไลน์และโทรศัพท์มาข่มขู่ รวมทั้งเสนอผลประโยชน์ให้พยายาน ซึ่งหลังจากที่ตนออกมาพูดเรื่องนี้ ทราบว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้บินไปสอบปากคำพยานแล้วเมื่อวาน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตนต้องออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะหากไม่ออกมาพูดก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพยานบ้าง พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ถอนประกัน พ.ต.อ.หญิง ภรรยาของตู้ห่าว ด้วย หลังพบว่ามีพฤติกรรมข่มพยาน
สุดท้าย ชูวิทย์ ยังมั่นใจว่าตู้ห่าวกับพวกจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพราะไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ตนก็จะติดตามเรื่องนี้ต่อไปจนถึงที่สุด
ทั้งนี้หลัง ชูวิทย์ ขึ้นไปสังเกตการณ์ที่ห้องพิจารณาคดี เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้ง โดยบอกว่าเนื่องจากตนเป็นพยานในคดีนี้ด้วย อัยการจึงเตือนว่าพยานไม่สามารถรับฟังการสอบปากคำได้ แต่เบื้องต้นจากที่สังเกตพบว่าบรรยากาศในห้องค่อนข้างหนาแน่นและวุ่นวาย เนื่องจากมี ผู้ต้องหา ประมาณ 19-20 คน โดยทุกคนก็จะมีทนายประจำตัว รวมถึงมีล่ามและญาติชาวจีนของผู้ต้องหามาอยู่ในห้องด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ได้มีการจัดกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ชูวิทย์ ยังบอกว่าเขาได้สบตากับตู้ห่าวและพวกด้วย โดยสายตาของตู้ห่าว ค่อนข้างว่างเปล่า ขณะที่สายตาของผู้ต้องหารายอื่นแสดงออกถึงความเครียดแค้นตนอย่างชัดเจน ซึ่ง่ตนก็มองกลับด้วยสายตาไม่สะทกสะท้าน และไม่กังวล ถึงไหนถึงกัน เพราะตนเคยผ่านอะไรมาเยอะแล้ว
นอกจากนี้ ชูวิทย์ ยังบอกว่าวันนี้ต้องรอลุ้นว่าศาลฯ จะพิจารณาคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา ที่ได้รับการประกันตัวไปก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะทราบว่าตำรวจได้ยื่นขอคัดค้านการประกันตัวแล้ว
เหตุผลที่มาวันนี้ ชูวิทย์ บอกว่ามาในฐานะประชาชน และอยากฟังว่าตู้ห่าว จะให้การว่าอย่างไร จะยอมรับหรือปฎิเสธข้อกล่าวหา แต่ส่วนตัวเชื่อตู้ห่าว ไม่รับสารภาพแน่นอน เพราะทั้ง 9 ข้อหาที่โดนฟ้องเป็นข้อหาหนัก จึงเชื่อว่าระหว่างนี้จะมีการวิ่งล้มคดีด้วยวิธีการใต้ดิน พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายน้ำหนักของหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพราะศาลชั้นต้นเป็นศาลชั้นสำคัญในการตั้งต้นคดีที่จะว่ากันด้วยหลักฐาน
โดยตอนนี้พบว่ามีความพยายามที่จะล็อบบี้พยานปากสำคัญ 2 คน ที่ตอนนี้อยู่ในความคุ้มครองของตำรวจแล้ว แต่กลับพบว่ามีการไลน์และโทรศัพท์มาข่มขู่ รวมทั้งเสนอผลประโยชน์ให้พยายาน ซึ่งหลังจากที่ตนออกมาพูดเรื่องนี้ ทราบว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้บินไปสอบปากคำพยานแล้วเมื่อวาน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตนต้องออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะหากไม่ออกมาพูดก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพยานบ้าง พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ถอนประกัน พ.ต.อ.หญิง ภรรยาของตู้ห่าว ด้วย หลังพบว่ามีพฤติกรรมข่มพยาน
สุดท้าย ชูวิทย์ ยังมั่นใจว่าตู้ห่าวกับพวกจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพราะไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ตนก็จะติดตามเรื่องนี้ต่อไปจนถึงที่สุด
ทั้งนี้หลัง ชูวิทย์ ขึ้นไปสังเกตการณ์ที่ห้องพิจารณาคดี เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้ง โดยบอกว่าเนื่องจากตนเป็นพยานในคดีนี้ด้วย อัยการจึงเตือนว่าพยานไม่สามารถรับฟังการสอบปากคำได้ แต่เบื้องต้นจากที่สังเกตพบว่าบรรยากาศในห้องค่อนข้างหนาแน่นและวุ่นวาย เนื่องจากมี ผู้ต้องหา ประมาณ 19-20 คน โดยทุกคนก็จะมีทนายประจำตัว รวมถึงมีล่ามและญาติชาวจีนของผู้ต้องหามาอยู่ในห้องด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ได้มีการจัดกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ชูวิทย์ ยังบอกว่าเขาได้สบตากับตู้ห่าวและพวกด้วย โดยสายตาของตู้ห่าว ค่อนข้างว่างเปล่า ขณะที่สายตาของผู้ต้องหารายอื่นแสดงออกถึงความเครียดแค้นตนอย่างชัดเจน ซึ่ง่ตนก็มองกลับด้วยสายตาไม่สะทกสะท้าน และไม่กังวล ถึงไหนถึงกัน เพราะตนเคยผ่านอะไรมาเยอะแล้ว
นอกจากนี้ ชูวิทย์ ยังบอกว่าวันนี้ต้องรอลุ้นว่าศาลฯ จะพิจารณาคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา ที่ได้รับการประกันตัวไปก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะทราบว่าตำรวจได้ยื่นขอคัดค้านการประกันตัวแล้ว




