









เป็นเวลากว่า 192 วันแล้ว ที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิษฎ์’ ได้ออกมาเคลื่อนไหวพูดเรื่อง ‘ทุนจีนสีเทา’ โดยวันแรกที่ชูวิทย์ ออกมาพูดเรื่องนี้ คือวันที่ 13 ก.ค. 65 แต่ในช่วงๆ แรกที่เขาออกมาพูดยังไม่ค่อยมีใครสนใจ ต่างจากวันนี้ที่เขามีสถานะคล้าย ‘หัวหน้าหมู่ทะลวงฟัน’ เปิดประเด็นแฉและจับพิรุธการทำงานของตำรวจ-อัยการ จนกลายเป็นที่จับตาของสังคม
วันนี้ (20 ม.ค.) ชูวิทย์ ได้นัดสื่อแถลงข่าว เปิดใจหลังอัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้อง ‘ตู้ห่าว’ กับพวก รวม 41 คน ใน 9 ข้อหา ที่ โรงแรมเดอะเดวิส เมื่อถึงเวลาเขามาพร้อมกระดานไวท์บอร์ด และจอโปรเจกเตอร์ เพื่อนำมาประกอบการอธิบายตามสไตล์ ของชูวิทย์ โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ในการแฉข้อพิรุธคดีตู้ห่าวในชั้นศาลต่อจากนี้
หนึ่งในประเด็นที่ ชูวิทย์ พูดถึงคือก่อนจะมาถึงวันนี้ ยอมรับว่าค่อนข้างเหนื่อย เพราะการจะเอาอัยการมาอยู่ในสำนวนคดีนี้ได้ มีอยู่กรณีเดียว ก็คือต้องเป็นคดีเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่เช่นนั้นหน่วยงานที่จัดการคดีนี้ จะเป็นตำรวจ เพียงฝ่ายเดียว พร้อมกับระบุว่าแม้อัยการสูงสุดจะมีการสั่งฟ้องคดีนี้แล้ว แต่ก็คงมีกระบวนการทำลายพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง โดยชูวิทย์ ได้โทรศัพท์หาพยานในคดีนี้คนหนึ่ง เพื่อขอให้เล่าเหตุการณ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่โทรมาล็อบบี้เสนอผลประโยชน์ แลกกับการไม่ขึ้นเป็นพยานในชั้นศาล เพื่อยืนยันว่ามีกระบวนการทำลายหลักฐานจริง
อีกทั้ง ระยะเวลาในการสืบพยานคดีตู้ห่าว ที่มีอยู่กว่า 400 ปาก คาดว่าต้องใช้เวลาสืบพยานประมาณ 2 ปี เชื่อว่าระหว่างจะมีกระบวนการทำลายพยานหลักฐาน และล็อบบี้พยาน ให้กลับคำให้การ และเมื่อมีการให้ประกันตัวผู้ต้องหาบางคน คนเหล่านี้ก็จะไปเป็นตัวกลางในการเคลียร์เรื่องราวต่างๆ ดังนั้นตนจึงเสนอให้มีการค้านประกันตัว
ชูวิทย์ ยังเชื่อว่า ‘ตู้ห่าว’ ยังมีสิทธิรอดในคดีนี้ ไม่ใช่ไม่มีสิทธิ เพราะกระบวนการเอาผิดตู้ห่าว ค่อนข้างล่าช้า ขณะที่ตู้ห่าว ยังมีเครือข่ายเป็นตำรวจระดับสูง และเป็นนักการเมืองอยู่ เชื่อว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไป คดีตู้ห่าว จะถูกยกฟ้อง ถือเป็นความอยุติธรรมอย่างชัดเจน และสุดท้ายหากคดีทุนจีนวสีเทาถูกยกฟ้อง จริง ก็ไม่ได้กังวลกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตนในอนาคต ย้ำว่าตู้ห่าวเป็นตัวการ และมีผู้สนับสนุนที่มีอำนาจ แต่ไม่มีใครถูกดำเนินคดีแม้แต่คนเดียว
อีกประเด็นที่ถูกพูดถึง คือ เรื่องที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และตำรวจ 191 บุกค้นบ้านพักของกลุ่มทุนจีน ที่แอบอ้างว่าเป็นของสถานกงสุลใหญ่นาอูรู ชูวิทย์ มั่นใจว่าจากข้อมูลที่เขามี ‘นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์’ ที่ถูกเด้งพ้นตำแหน่งอธิบดีดีเอส ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่คนที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้บริหารในดีเอสไอ มีชื่อย่อ ‘ท.ทหาร’
วันนี้ (20 ม.ค.) ชูวิทย์ ได้นัดสื่อแถลงข่าว เปิดใจหลังอัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้อง ‘ตู้ห่าว’ กับพวก รวม 41 คน ใน 9 ข้อหา ที่ โรงแรมเดอะเดวิส เมื่อถึงเวลาเขามาพร้อมกระดานไวท์บอร์ด และจอโปรเจกเตอร์ เพื่อนำมาประกอบการอธิบายตามสไตล์ ของชูวิทย์ โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ในการแฉข้อพิรุธคดีตู้ห่าวในชั้นศาลต่อจากนี้
หนึ่งในประเด็นที่ ชูวิทย์ พูดถึงคือก่อนจะมาถึงวันนี้ ยอมรับว่าค่อนข้างเหนื่อย เพราะการจะเอาอัยการมาอยู่ในสำนวนคดีนี้ได้ มีอยู่กรณีเดียว ก็คือต้องเป็นคดีเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่เช่นนั้นหน่วยงานที่จัดการคดีนี้ จะเป็นตำรวจ เพียงฝ่ายเดียว พร้อมกับระบุว่าแม้อัยการสูงสุดจะมีการสั่งฟ้องคดีนี้แล้ว แต่ก็คงมีกระบวนการทำลายพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง โดยชูวิทย์ ได้โทรศัพท์หาพยานในคดีนี้คนหนึ่ง เพื่อขอให้เล่าเหตุการณ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่โทรมาล็อบบี้เสนอผลประโยชน์ แลกกับการไม่ขึ้นเป็นพยานในชั้นศาล เพื่อยืนยันว่ามีกระบวนการทำลายหลักฐานจริง
อีกทั้ง ระยะเวลาในการสืบพยานคดีตู้ห่าว ที่มีอยู่กว่า 400 ปาก คาดว่าต้องใช้เวลาสืบพยานประมาณ 2 ปี เชื่อว่าระหว่างจะมีกระบวนการทำลายพยานหลักฐาน และล็อบบี้พยาน ให้กลับคำให้การ และเมื่อมีการให้ประกันตัวผู้ต้องหาบางคน คนเหล่านี้ก็จะไปเป็นตัวกลางในการเคลียร์เรื่องราวต่างๆ ดังนั้นตนจึงเสนอให้มีการค้านประกันตัว
ชูวิทย์ ยังเชื่อว่า ‘ตู้ห่าว’ ยังมีสิทธิรอดในคดีนี้ ไม่ใช่ไม่มีสิทธิ เพราะกระบวนการเอาผิดตู้ห่าว ค่อนข้างล่าช้า ขณะที่ตู้ห่าว ยังมีเครือข่ายเป็นตำรวจระดับสูง และเป็นนักการเมืองอยู่ เชื่อว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไป คดีตู้ห่าว จะถูกยกฟ้อง ถือเป็นความอยุติธรรมอย่างชัดเจน และสุดท้ายหากคดีทุนจีนวสีเทาถูกยกฟ้อง จริง ก็ไม่ได้กังวลกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตนในอนาคต ย้ำว่าตู้ห่าวเป็นตัวการ และมีผู้สนับสนุนที่มีอำนาจ แต่ไม่มีใครถูกดำเนินคดีแม้แต่คนเดียว
อีกประเด็นที่ถูกพูดถึง คือ เรื่องที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และตำรวจ 191 บุกค้นบ้านพักของกลุ่มทุนจีน ที่แอบอ้างว่าเป็นของสถานกงสุลใหญ่นาอูรู ชูวิทย์ มั่นใจว่าจากข้อมูลที่เขามี ‘นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์’ ที่ถูกเด้งพ้นตำแหน่งอธิบดีดีเอส ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่คนที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้บริหารในดีเอสไอ มีชื่อย่อ ‘ท.ทหาร’