งานวิจัยล่าสุดคาดการณ์ว่า “เชื้อรา” ก่อโรคซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลกหลายล้านคนต่อปี สามารถขยายการแพร่กระจายไปยังพื้นที่ใหม่ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อโลกเผชิญกับ “ภาวะโลกร้อน” และมนุษยชาติยังขาดความพร้อมในการรับมือ
‘เชื้อรา’ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ทุกหนแห่ง
เชื้อราเป็นสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรขนาดใหญ่ ตั้งแต่เชื้อราแบบเส้นใย ไปจนถึงเห็ด พวกมันเติบโตได้ในดิน ปุ๋ยหมัก และแหล่งน้ำต่างๆ และแม้จะมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ แต่ก็สามารถส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพมนุษย์ โดยประมาณว่าการติดเชื้อราทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 2.5 ล้านคนต่อปี และเนื่องจากขาดข้อมูลเชื่อมโยงทำให้ตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก
งานวิจัยใหม่วิเคราะห์เชื้อราในกลุ่ม Aspergillus โจมตีปอด
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์และการพยากรณ์ภูมิอากาศ เพื่อวิเคราะห์การแพร่กระจายของเชื้อราในกลุ่ม Aspergillus ซึ่งพบได้ทั่วไปทั่วโลก และเป็นสาเหตุของโรค Aspergillosis หนึ่งในโรคร้ายแรงที่มักโจมตีปอด
ผลการศึกษาพบว่า สายพันธุ์ของ Aspergillus บางชนิดจะขยายขอบเขตการแพร่กระจายเข้าสู่พื้นที่ใหม่ๆ เช่น อเมริกาเหนือ ยุโรป จีน และรัสเซีย โดยได้รับอิทธิพลจากภาวะวิกฤตภูมิอากาศ งานวิจัยนี้เผยแพร่เมื่อเดือนพฤษภาคม และอยู่ระหว่างการพิจารณาตีพิมพ์โดยผู้เชี่ยวชาญ
“เชื้อราได้รับการวิจัยน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับไวรัสหรือปรสิต แต่แผนที่ที่เราได้จากงานนี้แสดงให้เห็นว่า เชื้อราก่อโรคอาจส่งผลกระทบต่อเกือบทุกพื้นที่ของโลกในอนาคต”
— Norman van Rijn ผู้ร่วมวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จากจินตนาการสู่ความจริง ‘The Last of Us’ และความตระหนักเรื่องเชื้อรา
ซีรีส์ยอดนิยม “The Last of Us” ของ HBO พูดถึงเชื้อรากลายพันธุ์ที่เปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นสัตว์ประหลาด แม้จะเป็นเรื่องแต่ง แต่ก็ช่วยสร้างความตระหนักในสังคมเกี่ยวกับอันตรายของเชื้อราในโลกจริงที่กำลังพรากชีวิตคนนับล้าน

เชื้อราที่ถูกจับตามองมากที่สุดในขณะนี้คือ Aspergillus fumigatus และ Aspergillus flavus ซึ่งสามารถปล่อยสปอร์ขนาดเล็กเข้าสู่อากาศ และเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ทางระบบทางเดินหายใจ โดยทั่วไปผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงจะสามารถต่อต้านสปอร์เหล่านี้ได้ แต่หากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้ที่มีโรคปอด เช่น หอบหืด ถุงลมโป่งพอง ซีสต์ในปอด หรือผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ หรือผู้ฟื้นตัวจากไข้หวัดใหญ่ หรือโควิด-19 เชื้ออาจก่อโรครุนแรงได้ โดยอัตราการเสียชีวิตจาก Aspergillosis อยู่ที่ประมาณ 20-40% และมักวินิจฉัยได้ยาก เนื่องจากอาการซ้อนทับกับโรคทั่วไป เช่น มีไข้และไอ
“ถ้าระบบภูมิคุ้มกันล้มเหลว เชื้อราก็จะเริ่มเติบโต และพูดกันตรงๆ ก็คือ มันจะเริ่มกินคุณจากข้างใน”
— กวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ กล่าว
ความท้าทายจากการดื้อยา
เชื้อรากำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่เพราะ “ดื้อยามากขึ้น” โดยขณะนี้มียาต้านเชื้อราเพียง 4 กลุ่มหลักเท่านั้นที่ใช้งานได้ โดยตัวอย่างเชื้อที่น่ากังวล Aspergillus flavus ชอบภูมิอากาศร้อนชื้น หากยังใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลต่อไป คาดว่าพื้นที่แพร่กระจายจะเพิ่มขึ้น 16% อาจรุกล้ำเข้าสู่พื้นที่ในอเมริกาเหนือ จีนตอนเหนือ และรัสเซีย มีคุณสมบัติต้านทานยาหลายชนิด และสามารถติดในพืชอาหารหลายชนิด เสี่ยงกระทบความมั่นคงทางอาหาร ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ขึ้นบัญชีเป็นเชื้อราระดับวิกฤต ตั้งแต่ปี 2022
ส่วน Aspergillus fumigatus พบในภูมิอากาศอบอุ่นปานกลาง มีแนวโน้มจะแพร่ไปทางเหนือ ใกล้ขั้วโลกเหนือ หากอุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าการแพร่กระจายจะเพิ่มขึ้นถึง 77.5% ภายในปี 2100 และผู้คนอีกกว่า 9 ล้านคนในยุโรปคือกลุ่มเสี่ยง ในทางตรงกันข้าม พื้นที่บางแห่ง เช่น แอฟริกาตอนใต้ทะเลทราย อาจร้อนเกินไปจนไม่เหมาะสำหรับเชื้อราเหล่านี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศที่เชื้อรามีบทบาทสำคัญ เช่น ดินและพืช

อุณหภูมิโลกสูงขึ้น อาจทำให้เชื้อราทนร้อนในร่างกายมนุษย์ได้ดีขึ้น
สภาพอากาศรุนแรง เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และคลื่นความร้อน อาจช่วยให้สปอร์แพร่กระจายได้ไกลขึ้น มีหลักฐานว่าหลังภัยธรรมชาติ เช่น พายุทอร์นาโดที่รัฐมิสซูรีในปี 2011 มีผู้ป่วยโรคเชื้อราเพิ่มขึ้น
Justin Remais ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัย UC Berkeley ทำการศึกษาผู้ป่วยกว่า 100 ล้านคนทั่วสหรัฐฯ พบผู้ป่วย Aspergillosis มากกว่า 20,000 ราย ระหว่างปี 2013-2023 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นปีละ 5% ทั้งนี้ ยังมีประเด็นที่ไม่แน่นอนมากมายที่ต้องการการวิจัยเพิ่มเติม
“แม้โรค Aspergillosis จะร้ายแรง แต่เรากลับมีข้อมูลน้อยมากว่าเชื้อนี้อยู่ที่ไหนในธรรมชาติ และใครคือกลุ่มเสี่ยงตัวจริง ขณะเดียวกันเราพบว่าเชื้อรากำลังเพิ่มจำนวนและดื้อยามากขึ้น และเราเพิ่งเริ่มเข้าใจว่า ภาวะโลกร้อนมีบทบาทแค่ไหน”
— ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัย UC Berkeley กล่าว