



เป็นอีกครั้งที่ สถานบริการ ‘ลาลิซ่า อาบอบนวด’ ภายในซอยรัชดา 17 ถูกตำรวจนำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ภายใน และพื้นที่โดยรอบ หลังก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นกรณีได้รับเบาะแสว่ามีการเปิดให้บริการโดยไม่มีใบอนุญาตไปแล้วเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับการตรวจค้นวันนี้ นำโดย พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จุดประสงค์สำคัญ คือ ต้องการทราบว่าสถานบริการแห่งนี้ มีการลักลอบใช้น้ำบาดาลหรือไม่ ขณะที่สื่อมวลชน ทำได้เพียงรออยู่บริเวณทางเข้าเท่านั้น เนื่องจากเจ้าของสถานบริการ ไม่อนุญาตให้เข้าไปด้านใน
หลังเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 30 นาที พล.ต.ต.อรรถพล เปิดเผยว่า การตรวจค้นวันนี้สืบเนื่องจาก สถานประกอบการเดิม เคยถูกดำเนินคดีเรื่องลักลอบเจาะน้ำบาดาลมาก่อน เมื่อช่วงปี 61 ก่อนจะมีการเปลี่ยนมือ เปิดสถานประกอบการใหม่ในชื่อ ‘ลาลิซ่า’ จึงต้องเข้ามาตรวจสอบตรงจุดเดิมอีกครั้ง แต่พบว่ามีการปิดจุดเดิมไปแล้ว และไม่พบการลักลอบใช้น้ำบาดาลในพื้นที่อื่นอีก ส่วนคุณภาพน้ำที่ใช้พบว่าได้มาตรฐาน
ส่วนประเด็นที่มีการลักลอบเปิดให้บริการก่อนได้รับอนุญาต และการซื้อกิจการต่อจากเจ้าของเดิม พบว่าเจ้าของคนปัจจุบันมีความเข้าใจเรื่องกฎหมายที่คลาดเคลื่อน เพราะเจ้าของคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นคนไทย เข้าใจว่าซื้อตึกเดิมมาแล้ว จะได้ใบอนุญาตมาด้วย แล้วประกอบกิจการได้เหมือนเดิม เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ไปขอใบอนุญาตใหม่ เพราะ ผู้ประกอบการคนปัจจุบันใช้ชื่อว่าบริษัทว่า ‘ลาลิซ่า 2020’ ขณะที่ผู้ประกอบการเดิม คือ หจก.เวนิส และ หจก.ชวาลา ซึ่งเปิดบริการในชื่อ โคปาคาบาน่า
นอกจากนี้ พล.ต.ต.อรรถพล ยังบอกว่าตำรวจได้มีการตรวจสอบเชิงลึกว่า ผู้ประกอบการ ‘ลาลิซ่า’ เข้าข่ายเป็นตัวนอมินี เพื่ออำพรางในการทำธุรกิจอย่างอื่น หรือเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีประวัติถูกอายัดทรัพทย์หรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบมีข้อมูลพอสมควรแล้ว ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่หากดำเนินกิจการอย่างตรงไปตรงมาก็ไม่ต้องกังวล
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก อ้างว่า เจ้าของตัวจริงของสถานบริการ ‘ลาลิซ่า อาบอบนวด’ ก็ คือ ‘นายกำพล วิคตอเรีย’ ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์เด็กสาวอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่หนีคดีไปเมื่อหลายปีก่อน และได้ใช้เส้นสายกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อกลับมาเปิดสถานบริการใหม่อีกครั้งในลักษณะเดิม
สำหรับการตรวจค้นวันนี้ นำโดย พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จุดประสงค์สำคัญ คือ ต้องการทราบว่าสถานบริการแห่งนี้ มีการลักลอบใช้น้ำบาดาลหรือไม่ ขณะที่สื่อมวลชน ทำได้เพียงรออยู่บริเวณทางเข้าเท่านั้น เนื่องจากเจ้าของสถานบริการ ไม่อนุญาตให้เข้าไปด้านใน
หลังเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 30 นาที พล.ต.ต.อรรถพล เปิดเผยว่า การตรวจค้นวันนี้สืบเนื่องจาก สถานประกอบการเดิม เคยถูกดำเนินคดีเรื่องลักลอบเจาะน้ำบาดาลมาก่อน เมื่อช่วงปี 61 ก่อนจะมีการเปลี่ยนมือ เปิดสถานประกอบการใหม่ในชื่อ ‘ลาลิซ่า’ จึงต้องเข้ามาตรวจสอบตรงจุดเดิมอีกครั้ง แต่พบว่ามีการปิดจุดเดิมไปแล้ว และไม่พบการลักลอบใช้น้ำบาดาลในพื้นที่อื่นอีก ส่วนคุณภาพน้ำที่ใช้พบว่าได้มาตรฐาน
ส่วนประเด็นที่มีการลักลอบเปิดให้บริการก่อนได้รับอนุญาต และการซื้อกิจการต่อจากเจ้าของเดิม พบว่าเจ้าของคนปัจจุบันมีความเข้าใจเรื่องกฎหมายที่คลาดเคลื่อน เพราะเจ้าของคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นคนไทย เข้าใจว่าซื้อตึกเดิมมาแล้ว จะได้ใบอนุญาตมาด้วย แล้วประกอบกิจการได้เหมือนเดิม เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ไปขอใบอนุญาตใหม่ เพราะ ผู้ประกอบการคนปัจจุบันใช้ชื่อว่าบริษัทว่า ‘ลาลิซ่า 2020’ ขณะที่ผู้ประกอบการเดิม คือ หจก.เวนิส และ หจก.ชวาลา ซึ่งเปิดบริการในชื่อ โคปาคาบาน่า
นอกจากนี้ พล.ต.ต.อรรถพล ยังบอกว่าตำรวจได้มีการตรวจสอบเชิงลึกว่า ผู้ประกอบการ ‘ลาลิซ่า’ เข้าข่ายเป็นตัวนอมินี เพื่ออำพรางในการทำธุรกิจอย่างอื่น หรือเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีประวัติถูกอายัดทรัพทย์หรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบมีข้อมูลพอสมควรแล้ว ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่หากดำเนินกิจการอย่างตรงไปตรงมาก็ไม่ต้องกังวล
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก อ้างว่า เจ้าของตัวจริงของสถานบริการ ‘ลาลิซ่า อาบอบนวด’ ก็ คือ ‘นายกำพล วิคตอเรีย’ ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์เด็กสาวอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่หนีคดีไปเมื่อหลายปีก่อน และได้ใช้เส้นสายกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อกลับมาเปิดสถานบริการใหม่อีกครั้งในลักษณะเดิม