28 เมษายน 2567 ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรม 'รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ' โดยสมาชิกมีจำนวนมากเข้าร่วมงาน หนึ่งในนั้นคือ 'พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล' ที่วันนี้เดินทางมาในฐานะนายกสมาคม นำหมู่คณะร่วมพิธีสงฆ์ และรดน้ำดำหัวผู้อาวุโสอย่างคึกคัก
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีการ 'พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์' ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวในวงการตำรวจว่า กรณีปลดป้ายชื่อออกจากหน้าห้องทำงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในเว็บไซต์ ไม่ได้เป็นฝีมือของลูกน้องตนเอง เพราะเมื่อทราบคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ก็ให้ลูกน้องเข้าไปเก็บของในห้องทำงานทันที
ส่วนกรณีที่สื่อสารออกไปว่าจะยื่นฟ้อง 'พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร' รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กรณีเซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการโดยมิชอบ ตอนนี้ขอรวบรวมเอกสารก่อน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์
พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวถึงกระแสข่าว ว่าจะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่ามีประชาชนหลายคนอยากให้ลงสมัครเป็นผู้แทนประชาชน ซึ่งส่วนตัวขอดูรายละเอียดก่อนเพราะช่วงนี้ก็ว่าง และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้ทำประโยชน์เพื่อประชาชน เพราะส่วนตัวยังแข็งแรงอยู่ยังมีพลังพร้อมทำงานให้ประชาชน
"เรื่องตำรวจผมยังไม่ทิ้ง การต่อสู้ก็ยังทำอยู่เหมือนเดิมฉะนั้นต้องอย่าลืมว่าพี่น้องชาวปักษ์ใต้ 14 จังหวัดยังให้กำลังใจผมอยู่ แล้วผมเป็นตัวแทนของพี่น้องชาวใต้ ถ้าผมไม่สู้เขาก็เสียกำลังใจด้วย"
ทั้งนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ได้กล่าวยอมรับ ว่าการให้ออกจากราชการไว้ก่อน ยังมีภารกิจอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำในงานที่รับผิดชอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย ยืนยันว่าไม่อยากได้อำนาจ แต่อยากกลับไปเพื่อทำงานให้พี่น้องประชาชน จากอำนาจที่ได้มาเพื่อประชาชนและแผ่นดิน
อย่างไรก็ดี ในประเด็นที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุด จะมีการเรียกประชุมเพื่อกำหนดแนวทางในการสอบสวนบิ๊กโจ๊กพร้อมพวก 5 คน เป็นครั้งแรก พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่าไม่ได้หนักใจ ให้ตามหน้าที่ไป ซึ่งตนเองก็ได้ทำหนังสือคัดค้านกรณีคณะกรรมการบางท่าน ที่เป็นคู่ขัดแย้ง และเชื่อมั่นในการทำงานของ 'พลตำรวจเอกสราวุฒิ การพานิช' รอง ผบ.ตร. ที่เป็นประธานกรรมการ
