คณะทำงานประสานและดูแลมาตรฐานชุดสิทธิประโยชน์ทันตกรรมสำหรับผู้ประกันตน เตรียมเสนอแนวทางการขยายสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการทันตกรรมได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น และมีสิทธิไม่ด้อยไปกว่าสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) หรือสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
ผศ.ดร.ทพ.วีระศักดิ์ พุทธาศรี ประธานคณะทำงานประสานและดูแลมาตรฐานชุดสิทธิประโยชน์ทันตกรรมสำหรับผู้ประกันตน เปิดเผยว่า คณะทำงานชุดนี้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมให้กับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม โดยมีผู้แทนจากสำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ร่วมอยู่ในคณะทำงาน มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนไม่ด้อยไปกว่าสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) หรือ สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ นอกจากนั้น ยังช่วยดูสิทธิประโยชน์ในภาพรวมทั้ง 3 กองทุนด้วย
ทพ.วีระศักดิ์ กล่าวว่า ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทันตแพทยสภาได้เข้าพบกับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อเสนอแนวทางปรับระบบดูแลผู้ประกันตน ซึ่งครั้งนั้นมีการเสนอไป 3 ทางเลือก
“จากนั้นมีการตั้งคณะทำงานฯ ชุดดังกล่าวขึ้นมา และได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 โดย สปส. รับ 1 ข้อเสนอที่มีความเป็นไปได้ที่สุดในตอนนี้ คือ การให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการด้านทันตกรรมในโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง ไม่จำกัดวงเงิน และไม่ต้องสำรองจ่าย สำหรับการบริการพื้นฐานที่จำเป็น เช่น การอุดฟัน การขูดหินปูน และการถอนฟัน ซึ่งประกันสังคมจะเป็นผู้จัดการเรื่องการเคลมเอง โดยราคาการให้บริการนั้น จะเบิกจ่ายตามอัตราของกรมบัญชีกลาง ดังนั้น ความรู้สึกของผู้ประกันตน คือ ไม่ด้อยกว่าสิทธิข้าราชการและสิทธิบัตรทองอย่างแน่นอน”
ส่วนความกังวลในประเด็นที่ว่าการเปิดให้ใช้บริการทำฟันในโรงพยาบาลของรัฐ แล้วคิวจะยาว ทพ.วีระศักดิ์ กล่าวว่า หากมีการปรับระบบนี้ ทุกสิทธิ (ประกันสังคม บัตรทอง ข้าราชการ) จะเท่าเทียมกันในเรื่องการเข้ารับบริการในโรงพยาบาลรัฐ ดังนั้น หากคิวยาว ทุกคนก็จะเจอสถานการณ์เดียวกัน
“แต่หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งของผู้ประกันตน คือ สิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมวงเงิน 900 บาทต่อปี ที่ผู้ประกันตนเคยได้รับและสามารถนำไปใช้บริการที่คลินิกทันตกรรมเอกชน โดยส่วนใหญ่ไม่ต้องสำรองจ่ายเช่นกันนั้น จะยังคงมีอยู่ ไม่ได้ถูกยกเลิกไป เพียงแต่ขยายการให้บริการไปยังโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งจะเหมือนกับผู้ที่มีสิทธิบัตรทองและสิทธิข้าราชการ นั่นหมายความว่า ผู้ประกันตนจะมีทางเลือกในการเข้ารับบริการถึงสองช่องทาง คือ โรงพยาบาลของรัฐแบบไม่จำกัดวงเงินและจำนวนครั้ง สำหรับบริการพื้นฐาน หรือคลินิกเอกชนโดยใช้สิทธิ 900 บาทต่อปี”
ทพ.วีระศักดิ์ ยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ในส่วนของการทำฟันเทียม ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มเล็กน้อย จากเดิมที่อาจมีการตีความให้ครอบคลุมเพียง 1 ชิ้น อาจจะปรับปรุงให้สามารถเบิกจ่ายสำหรับการทำฟันเทียมได้ 2 ชิ้น (เช่น บนและล่าง) โดยอ้างอิงอัตราเบิกจ่ายตามที่กรมบัญชีกลางกำหนดเช่นกัน
ทั้งนี้ จะมีการประชุมคณะทำงานฯ ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ เพื่อหารือถึงข้อเสนอแนวทางขยายสิทธิประโยชน์ครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเดินหน้าสู่การปฏิบัติจริงต่อไป
โดยการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพช่องปากให้กับผู้ประกันตนหลายล้านคนทั่วประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
