นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ ‘ศรีสุวรรณ จรรยา’ นักร้องเรียนชื่อดัง ถูกทำร้ายร่างกาย ระหว่างยื่นเรื่องร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบประเด็นการเมือง โดยครั้งแรก คือเหตุการณ์ที่ ‘พี่ศรี’ ไปแจ้งความเอาผิด ‘โน๊ต อุดม แต้พานิช’ ที่ บก.ปอท. เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ปี 65 กรณีพูดพาดพิงรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใน ทอล์กโชว์เดี่ยว 13 ซึ่งระหว่างที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อ ได้ถูกชายคนหนึ่ง บุกเข้าไปต่อยกลางวงสัมภาษณ์ ทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นต้องเข้าไปช่วยกันห้ามศึก
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พี่ศรี ยอมรับว่าต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะลูกยังเล็ก และได้เพิ่มทีมบอดี้การ์ดมาดูแลความปลอดภัย ตามประกบเวลาที่เขาไปยื่นหนังสื่อร้องรียนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมือง
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง โดยวันนี้ (11 พ.ค.) เวลาประมาณ 11.15 น. ที่บริเวณหน้า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ระหว่างที่ พี่ศรี กำลังแยกย้ายกับสื่อ หลังให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นที่มาข้อมูลกับ กกต. กรณีนโยบายเงินดิจิทัล ของพรรคเพื่อไทยเสร็จแล้ว
ได้มีชายสูงวัยคนหนึ่ง ต่อมาทราบชื่อ คือ ทศพล ธนานนท์โสภณกุล อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นประชาชนที่เดินทางมาทำธุระที่ศูนย์ราชการฯ ได้บังเอิญมาเจอกับพี่ศรี และได้หยุดฟังพร้อมกับอัดคลิปสัมภาษณ์จนจบ ได้เดินปรี่เข้าไปตบที่ใบหน้าของพี่ศรี 1 ครั้ง จนเป็นเหตุให้ปากแตก พร้อมตะโกนต่อว่าในทำนองว่า ศรีสุวรรณ ร้องเรียนมั่ว ร้องเรียนแต่เรื่องของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ร้องเรียนเรื่องพิธา ทำไม่ถึงไม่ร้องเรียนเรื่องปัญหาปากท้อง และมองว่าสิ่งที่ศรีสุวรรณร้องเรียน เป็นการขัดขวางระบบประชาธิปไตย ขณะที่พี่ศรี ได้ตะโกนตอบโต้กลับไปในทำนองว่า เป็นสิทธิของเขาที่จะร้องเรียน แต่คุณไม่มีสิทธิมาทำร้ายผม ระหว่างนั้นสื่อมวลชนและประชาชนที่อยู่บริเวณเกิดเหตุ ได้พยายามกันไม่ให้ทั้งคู่เผชิญหน้ากันอีก
หลังเกิดเหตุ ศรีสุวรรณ ได้เดินทางไปแจ้งความกับ ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อเอาผิดกับชายคนดังกล่าว ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ กกต. ได้พาชายคนนี้ ไปรอในห้องพักคอยของสำนักงาน เพื่อรอให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
ต่อมาเวลาประมาณ 12.40 น. ตำรวจ ได้เข้ามาควบคุมตัวทศพล ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจ โดยทศพล ยืนยันว่าเขาพร้อมสู้คดี เพราะมองว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรที่เกินกว่าเหตุ และมองว่าเป็นการสั่งสอนศรีสุวรรณ ฐานร้องเรียนมั่วๆ
ขณะที่หลังแจ้งความแล้ว ศรีสุวรรณ ย้ำว่าเขาจะไม่เจรจายอมความแน่นอน และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะไม่อยากให้คนแบบนี้กลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี คิดจะทำร้ายกันแค่เพราะเห็นต่างกันทางเมือง มองว่าไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง
พร้อมยืนยันว่าแม้เขาจะถูกทำร้ายร่างกายเป็นครั้งที่ 2 แต่ก็ไม่หวั่น ขอเดินหน้าร้องเรียนต่อไป เพราะมองว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่สามารถทำได้ เเละเป็นช่องทางหนึ่งของคนที่มีความเห็นต่างกัน ที่ต้องการร้องเรียนให้ตรวจสอบในประเด็นที่คิดว่าไม่ถูกต้อง แต่ต่อจากนี้คงต้องเพิ่มทีมบอดี้การ์ดไว้ดูเเลความปลอดภัยให้มากขึ้น
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พี่ศรี ยอมรับว่าต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะลูกยังเล็ก และได้เพิ่มทีมบอดี้การ์ดมาดูแลความปลอดภัย ตามประกบเวลาที่เขาไปยื่นหนังสื่อร้องรียนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมือง
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง โดยวันนี้ (11 พ.ค.) เวลาประมาณ 11.15 น. ที่บริเวณหน้า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ระหว่างที่ พี่ศรี กำลังแยกย้ายกับสื่อ หลังให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นที่มาข้อมูลกับ กกต. กรณีนโยบายเงินดิจิทัล ของพรรคเพื่อไทยเสร็จแล้ว
ได้มีชายสูงวัยคนหนึ่ง ต่อมาทราบชื่อ คือ ทศพล ธนานนท์โสภณกุล อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นประชาชนที่เดินทางมาทำธุระที่ศูนย์ราชการฯ ได้บังเอิญมาเจอกับพี่ศรี และได้หยุดฟังพร้อมกับอัดคลิปสัมภาษณ์จนจบ ได้เดินปรี่เข้าไปตบที่ใบหน้าของพี่ศรี 1 ครั้ง จนเป็นเหตุให้ปากแตก พร้อมตะโกนต่อว่าในทำนองว่า ศรีสุวรรณ ร้องเรียนมั่ว ร้องเรียนแต่เรื่องของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ร้องเรียนเรื่องพิธา ทำไม่ถึงไม่ร้องเรียนเรื่องปัญหาปากท้อง และมองว่าสิ่งที่ศรีสุวรรณร้องเรียน เป็นการขัดขวางระบบประชาธิปไตย ขณะที่พี่ศรี ได้ตะโกนตอบโต้กลับไปในทำนองว่า เป็นสิทธิของเขาที่จะร้องเรียน แต่คุณไม่มีสิทธิมาทำร้ายผม ระหว่างนั้นสื่อมวลชนและประชาชนที่อยู่บริเวณเกิดเหตุ ได้พยายามกันไม่ให้ทั้งคู่เผชิญหน้ากันอีก
หลังเกิดเหตุ ศรีสุวรรณ ได้เดินทางไปแจ้งความกับ ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อเอาผิดกับชายคนดังกล่าว ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ กกต. ได้พาชายคนนี้ ไปรอในห้องพักคอยของสำนักงาน เพื่อรอให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
ต่อมาเวลาประมาณ 12.40 น. ตำรวจ ได้เข้ามาควบคุมตัวทศพล ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจ โดยทศพล ยืนยันว่าเขาพร้อมสู้คดี เพราะมองว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรที่เกินกว่าเหตุ และมองว่าเป็นการสั่งสอนศรีสุวรรณ ฐานร้องเรียนมั่วๆ
ขณะที่หลังแจ้งความแล้ว ศรีสุวรรณ ย้ำว่าเขาจะไม่เจรจายอมความแน่นอน และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะไม่อยากให้คนแบบนี้กลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี คิดจะทำร้ายกันแค่เพราะเห็นต่างกันทางเมือง มองว่าไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง
พร้อมยืนยันว่าแม้เขาจะถูกทำร้ายร่างกายเป็นครั้งที่ 2 แต่ก็ไม่หวั่น ขอเดินหน้าร้องเรียนต่อไป เพราะมองว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่สามารถทำได้ เเละเป็นช่องทางหนึ่งของคนที่มีความเห็นต่างกัน ที่ต้องการร้องเรียนให้ตรวจสอบในประเด็นที่คิดว่าไม่ถูกต้อง แต่ต่อจากนี้คงต้องเพิ่มทีมบอดี้การ์ดไว้ดูเเลความปลอดภัยให้มากขึ้น
