เรียกได้ว่า ‘ช็อตฟีล’ ไปตามๆ กัน ภายหลังจากวานนี้ (20 มี.ค.) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เซ็นคำสั่งให้ ‘บิ๊กต่อ’ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 60 วัน อันสืบเนื่องจากปมปัญหาขัดแย้งส่วนตัว
ส่วนวันนี้ เมื่อช่วงประมาณ 09.55 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เดินทางเข้ามาที่สำนักงานสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานตัวกับ ธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเลี่ยงให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ดักรออยู่
จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมาที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในเวลา 09.55 เพื่อรายงานตัวเช่น ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่สังเกตได้ว่า ตาทั้งสองข้างแดงบวมไม่เท่ากัน ขณะที่ทั้งคู่ใช้เวลารายงานตัวนานกว่า 50 นาที
ยอมรับสภาพ ไม่เครียด แต่รู้มานานแล้ว
‘บิ๊กต่อ’ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับมอบหมายให้ดูงานจิตอาสา รวมถึงให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลชุมนุม เนื่องจากเป็น ผบ.ตร.มา ซึ่งจะเดินทางเข้ามาทำงานทุกวัน แต่ยังคงต้องเข้าเวรราชองครักษ์อยู่
ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายไม่ให้มีการแบ่งฝ่ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกว่า ถ้าเราออกมาแล้ว ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดีขึ้น มันไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราอยู่กันแบบพี่น้อง โดยพยายามสร้างตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับตำแหน่งว่า เราจะทำบ้านให้เปลี่ยนแปลง แต่มันออกมาในลักษณะนี้ นายกฯ จึงต้องเข้าไปจัดระเบียบ และเชื่อว่าในการบริหารราชการแผ่นดิน นายกฯ ทำหน้าที่บริหารได้อย่างถูกต้อง
รับและยินดีอยู่แล้ว ไม่ได้คิดหรือกังวลอะไร อยู่ที่นี่ก็ดี เรื่องรับงานเอกสารก็ทำอยู่แล้ว ขออย่าห่วงว่าจะเครียด หรืออะไร
— พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล

เมื่อถามถึงกรณีนายกฯ ขอให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกว่า เมื่อลุกมาแล้ว เรื่องของรักษาการ ผบ.ตร. เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อถามว่า หนังสือคำสั่งย้ายเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ใช้คำค่อนข้างรุนแรง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกว่า ยอมรับ และในฐานะเป็นหัวหน้าหน่วย ทำให้องค์กรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้ ถือเป็นความบกพร่อง เมื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารต้องกำกับดูแลในส่วนนี้ ซึ่งยอมรับสภาพ ตลอดจนรู้ และก็คาใจอยู่
นอกจากนี้ยังบอกกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่าเราไม่ได้นั่งคุยกัน ขณะที่ พยายามทำสภากาแฟให้พี่น้องได้มาคุยกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่หัวหน้า ซึ่งก็โอเคในระดับหนึ่ง
เปรียบเปรย ‘ถอดหัวโขน’ โรงละครเลิกก็เก็บฉาก-หอบเสื่อกลับบ้าน
เมื่อถามว่า จำเป็นจะต้องมีการทำเอกสารชี้แจงคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา สอบเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ถ้ามีการเรียก ก็พร้อมที่จะยื่นเอกสาร ยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกน้อยใจ แม้อายุราชการจะเหลือน้อยก็ตาม จะช้าหรือเร็ว อย่างไรก็ต้องลุก ถึงอย่างไร งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา
วันนี้พี่ถอดหัวโขน อยู่แค่ตำแหน่ง ผบ.ตร. หัวโขนในการปฏิบัติหน้าที่ เราก็ถอดออก พี่มานั่งที่นี่ ก็ใส่หัวโขนที่นี่ โรงละครของเราเลิกแล้วก็เก็บฉาก เก็บเครื่องแต่งตัว ปิดไฟ หอบเสื่อกลับบ้านเรา ก็เท่านั่น ชีวิตเรามีเท่านี้ คุณจะมาเครียดอะไร มาเร็วก็ต้องจากกัน ผมไม่เครียดหรอก ยืนยันไม่ช็อคเพราะรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว รู้ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเรียกเข้าพบด้วย รู้ส่วนตัวอยู่แล้ว
— พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
เมื่อถามย้ำว่า ที่โดนเด้งครั้งนี้ เป็นเพราะจัดการเรื่องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ‘ไม่ได้’ ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า “ใช่” พร้อมยกนิ้วโป้งขึ้น
ยิ้มรับกลับบ้านเก่า เคยอยู่มา 2 ปี
ด้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่า คุ้นเคยกับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รู้ห้องทั้งหมด เหมือนกลับบ้านเก่า เพราะเคยอยู่ที่นี่มาสองปีก่อนหน้านี้ การมาครั้งนี้ไม่กดดัน ทราบว่าได้เตรียมห้องทำงานไว้ให้แล้ว มีงานอะไรเราก็ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลถึงตำแหน่งในอนาคตหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้กังวล เราเป็นข้าราชการ ได้รับมอบหมายอะไรให้ทำ เราก็ต้องทำ และทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีนายกฯ กล่าวระหว่างการมอบนโยบายให้ข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา ว่า ไม่ให้แบ่งฝักแบ่งฝ่ายนั้นมองเช่นไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า วันนี้ก็ทำให้เป็นเช่นนั้นอยู่ การพูดคุยเมื่อวันที่ 20 มี.ค. นายกฯ ก็เน้นเรื่องความสามัคคีเป็นหลัก ส่วนที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นไม่กังวลใจอะไร เพราะทุกท่านทำหน้าที่ได้อย่างดี และกรรมการทุกคนเป็นผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว
ส่วนกรณีคดีความต่างๆ ที่ ผบ.ตร.จะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ก็เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะดำเนินการ ส่วนการรับทราบข้อกล่าวหากับกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) นั้นไม่สามารถไปรับได้ เพราะยังไม่ได้รับหมาย

ย้ำต่อจากนี้ความขัดแย้งต้องยุติ ส่วนคดีฟ้องร้องต้องคุยกันใหม่กับ ‘บิ๊กต่อ’
เมื่อถามว่า ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่มีอีกแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ก็ต้องยุติ ต้องไม่มีใครขัดแย้งกับใคร
เมื่อถามต่อไปว่า หลังจากนี้จะสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาให้ยุติความขัดแย้งที่มีก่อนหน้านี้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ทุกอย่างต้องยุติ ต้องไม่มีความขัดแย้งในองค์กร ต้องเดินหน้าทำงานให้ประชาชน และไม่ห่วงงานที่ค้างอยู่ เชื่อว่าทุกคนทำหน้าที่ได้ ซึ่งรักษาการ ผบ.ตร.จะมีการมอบหมายงาน
ส่วนกรณีที่มีการฟ้องร้องระหว่างกันจะยุติหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ คงนัดคุย ต้องเริ่มกันใหม่ เพราะคดีความมีหลายส่วน ตอนนี้ยังไม่ได้คุยอะไร
เมื่อถามว่า รู้สึกสบายใจขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สบายใจอยู่แล้ว และเมื่อคืนก็นอนหลับดีอยู่แล้ว การมาสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไม่เครียด เพราะเหมือนกลับมาบ้านเก่า และก่อนมาในวันนี้ได้ต่อสายกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นัดหมายกันมาในเวลา 09.30 น.
สำหรับกรณีที่เคยมาอยู่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมาก่อน จะแนะนำอะไร พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บ้างนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ไม่มีอะไร เพียงแต่เรียนว่าอยู่ห้องไหน อย่างไร ส่วนจะได้รับมอบหมายอะไรให้ทำนั้น ยังไม่ทราบ ต้องรอปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมายก่อน
เมื่อถามอีกว่า การย้ายมาพร้อมกับ ผบ.ตร.แบบนี้ ทำให้อุ่นใจขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ก็ปกติ ไม่มีอะไร เพราะมาทำหน้าที่

ปัดเป็นสายตรง ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ ยันปม ‘คำสั่งเด้ง’ ไม่เกี่ยวขึ้นเชียงใหม่อารักขา ‘ทักษิณ’
ต่อมาประมาณ 10.24 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์หลังรายงานตัวกับปลัดสำนักนายกฯ โดยปฏิเสธถึงกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่ไปใกล้ชิด ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้เหตุการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้
ที่ผมไป จ.เชียงใหม่ คือไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ เพราะนายทักษิณ เป็นอดีตนายกฯ ไม่มีเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น และการโยกย้ายครั้งนี้ เป็นการแก้ปัญหาของนายกฯ เพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน
— พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังปฏิเสธถึงกรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็น ‘สายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า’ โดนระบุว่า “ไม่มี ไม่มีสายไหน เป็นรอง ผบ.ตร. ตอนนี้เขาให้มาช่วยราชการที่สำนักปลัดสำนักนายกฯ ก็มา”
ส่วนจากคำสั่งโยกย้ายที่ออกมา เหมือนยอมรับว่ามีความแตกแยกเกิดขึ้นนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า วันนี้นายกฯ ต้องการแก้ปัญหาให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน ทุกคนต้องทำหน้าที่เพื่อประชาชน เพื่อส่วนรวม เรื่องส่วนตัวต้องทิ้งไปให้หมด ทั้งนี้ ได้มารายงานตัว ถือว่าขั้นตอนเรียบร้อย จากนี้จะไปดูห้องทำงาน และจะมาทำงานทุกวัน โดยห้องทำงานอยู่ที่ตึกสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถนนพิษณุโลก และได้รับมอบหมายให้เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร การกระจายอำนาจ
เมื่อถามถึงมุมมองต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ รุนแรงกว่าที่เคยเกิดขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า ทุกอย่างต้องจบ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ก็คุยกันแล้ว ทุกอย่างต้องเรียบร้อย องค์กรต้องอยู่และแข็งแรง ทุกคนต้องทำงานให้ประชาชน ลูกน้องต้องไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย
เมื่อถามย้ำว่า ได้มีการกำชับลูกน้องสาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และสาย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ห้ามมีความขัดแย้งหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ไม่ต้องมีการกำชับ เพราะคุยกันหมดแล้ว ไม่มีความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น
โดนแซว ‘ชีวิตที่สิบ-สิบเอ็ด’ แต่ไม่รู้รอบนี้จะ ‘Never Die’ หรือไม่ ส่วนกลับ ‘ตร.’ แล้วแต่นายกฯ
เมื่อผู้สื่อข่าวแซวในทำนองว่า ‘ชีวิตที่สิบ-สิบเอ็ดมาแล้ว’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงพยักหน้าทวนคำผู้สี่อข่าวว่า มาอีกแล้ว มาแล้ว และยิ้ม พร้อมกล่าวอีกว่า ไม่มีอะไรหรอก ทำหน้าที่ปกติ เขาให้โอกาสทำงานก็มาทำงาน
เมื่อถามย้ำว่า รอบนี้จะ Never Die หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ไม่รู้ ก็ทำหน้าที่ไปตามปกติ ได้รับการมอบหมายให้ไปทำงานที่ไหนก็ต้องไป เราต้องมีวินัย โดยต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้ประชาชนมีความมั่นใจ ศรัทธา คลายทุกข์เขาให้ได้
ส่วนเมื่อถามว่า ทำไมสีหน้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังยิ้มแย้มแตกต่างจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่ดูเครียด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า
ก็ไม่ได้เครียด อันนี้ก็กลับบ้าน และผมไม่รู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อน รู้พร้อมกับทุกคน เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้ว ให้มาปฏิบัติหน้าที่ที่นี่ และมาตรวจสอบเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมด ต้องเข้าใจว่านายกฯ ใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้การทำงานเรียบร้อย นายกฯ เป็นประธาน ก.ตร. (คณะกรรมการข้าราชการตํารวจ) ก็มีหน้าที่ในการกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
— พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจจะได้กลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ไม่รู้เลย อยู่ที่นายกฯ เขาให้อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น สบายใจ ทุกที่มีงานให้ทำหมด เขาให้ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้ารายงานตัวที่สำนักปลัดสำนักนายกฯ เสร็จสิ้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พร้อมด้วย มงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินข้ามจากฝั่งทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปดูห้องทำงานที่ชั้น 4 ภายในห้องศูนย์ประสานงานจิตอาสาภาครัฐ ที่สำนักงาน ก.พ.เดิม ถนนพิษณุโลก
โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวติดตลกว่า “นี่เรายิ่งกว่าดาราอีกนะ วันนี้มาดูห้องทำงาน จะเข้ามานั่งทำงาน” ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อไปว่า จะเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.เลยหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกว่า ติดราชการ 3 วัน ต้องดูภารกิจอื่นก่อน
จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เดินตามมาสมทบ เพื่อเข้าไปพูดคุย โดยระบุว่า จะไปพูดถึงภารกิจอื่นที่ยังค้างอยู่ จากนั้น ได้ไปดูห้องทำงานซึ่งอยู่ที่ชั้น 3 ของสำนักงาน ก.พ.เดิม