เมื่อคืนที่ผ่านมาหลังจบเกมคู่สุดท้ายระหว่างบราซิลกับเซอร์เบียไป ทำให้เราเห็นภาพกันได้ชัดเจนมากขึ้นว่าทำไมอาร์เจนตินาถึงอาจจะไม่มีทางได้เป็นเต็ง 1 ในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกหนนี้ได้เลย ซึ่งคำตอบที่ง่ายสุดของเรื่องนี้เลยก็คือ คุณภาพของตัวผู้เล่นที่แตกต่างกันเยอะมากๆ ทำไมถึงกล้าใช้คำว่าเยอะมาก เพราะมันต่างกันทุกตำแหน่งเลยจริงๆ
ถ้าใครเคยได้ดูบราซิลเล่นเกมอุ่นเครื่องหรือในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ มาบ้าง จะพอเข้าใจได้เลยว่าแท็คติกของติเต้ เฮดโค้ชของบราซิลได้รับอิทธิพลหลักๆ มาจากผู้เล่นในสนามของเขา ทั้งความสามารถและพรสวรรค์ของนักเตะ
ทีนี้ถ้ามองย้อนไปที่อาร์เจนตินา เมื่อเงยหน้ามองไปในสนาม เราแทบจะไม่เห็นใครที่เป็นแบบนั้นได้นอกจากเมสซี่เลย ซึ่งตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นไม่เก่ง แต่พอถึงจังหวะทีเด็ดทีขาดที่มันต้องใช้ตัดสินเกม อาร์เจนตินาทำอะไรไม่ได้เลยทั้งที่เจอแค่ซาอุดิอาระเบีย ที่จริงๆ แล้วทั้งอันดับโลกและฝีมือห่างจากพวกเขาเยอะพอสมควร แต่ในวันนั้นซาอุฯ กลับเป็นทีมที่ดีกว่าอย่างชัดเจน
ถ้าใครเคยได้ดูบราซิลเล่นเกมอุ่นเครื่องหรือในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ มาบ้าง จะพอเข้าใจได้เลยว่าแท็คติกของติเต้ เฮดโค้ชของบราซิลได้รับอิทธิพลหลักๆ มาจากผู้เล่นในสนามของเขา ทั้งความสามารถและพรสวรรค์ของนักเตะ
ทีนี้ถ้ามองย้อนไปที่อาร์เจนตินา เมื่อเงยหน้ามองไปในสนาม เราแทบจะไม่เห็นใครที่เป็นแบบนั้นได้นอกจากเมสซี่เลย ซึ่งตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นไม่เก่ง แต่พอถึงจังหวะทีเด็ดทีขาดที่มันต้องใช้ตัดสินเกม อาร์เจนตินาทำอะไรไม่ได้เลยทั้งที่เจอแค่ซาอุดิอาระเบีย ที่จริงๆ แล้วทั้งอันดับโลกและฝีมือห่างจากพวกเขาเยอะพอสมควร แต่ในวันนั้นซาอุฯ กลับเป็นทีมที่ดีกว่าอย่างชัดเจน

เอาแค่ว่าแผงมิดฟิลด์ที่ไม่ต้องมองไปถึงตัวรุกเลยก็ได้ วันนั้นเราแทบไม่เห็น เลอันโดร ปาเรเดส หรือ โรดริโก้ เดอ ปอล ลำเลียงบอลไปถึงผู้เล่นแนวรุกได้เลยด้วยซ้ำ ในขณะที่เมื่อคืนนี้ คาเซมิโร่ กับ ลูคัส ปาเกต้า ทำได้ทั้งการตัดเกมและการเชื่อมเกมไปจนถึงพื้นที่สุดท้าย
กลับมาต่อที่บราซิลกับแทคติกของติเต้ เขาจะวางแผนการเล่นหลักๆ ไว้สองรูปแบบคือ 4-4-2 กับ 4-2-3-1 ซึ่งวันนี้เขาเลือกใช้แผนที่สองที่เหมาะกับ 11 ตัวจริงในวันนี้มากที่สุด
จากแผนการเล่นนี้ทำให้บราซิลเล่นได้แทบจะทุกรูปแบบในสนาม อย่างเวลาเล่นเกมรุกพวกเขาก็พร้อมที่จะปรับกองหลังเป็นสามคน แล้วยัดตัวรุกเข้าไปเป็นห้าคน ตามสไตล์เกมบุกที่ทีมทำประจำ พอถึงเวลาเล่นเกมรับ ทีมก็จะปรับมาเป็นกองหลังสี่เหมือนเดิม บวกกับกลางรับอีกสอง ทำให้มีผู้เล่นแนวรับคอยปัดกวาดอยู่ทั่วทุกพื้นที่ในสนาม
กลับมาต่อที่บราซิลกับแทคติกของติเต้ เขาจะวางแผนการเล่นหลักๆ ไว้สองรูปแบบคือ 4-4-2 กับ 4-2-3-1 ซึ่งวันนี้เขาเลือกใช้แผนที่สองที่เหมาะกับ 11 ตัวจริงในวันนี้มากที่สุด
จากแผนการเล่นนี้ทำให้บราซิลเล่นได้แทบจะทุกรูปแบบในสนาม อย่างเวลาเล่นเกมรุกพวกเขาก็พร้อมที่จะปรับกองหลังเป็นสามคน แล้วยัดตัวรุกเข้าไปเป็นห้าคน ตามสไตล์เกมบุกที่ทีมทำประจำ พอถึงเวลาเล่นเกมรับ ทีมก็จะปรับมาเป็นกองหลังสี่เหมือนเดิม บวกกับกลางรับอีกสอง ทำให้มีผู้เล่นแนวรับคอยปัดกวาดอยู่ทั่วทุกพื้นที่ในสนาม

โดยที่คีย์แมนของแผนนี้เอาจริงๆ แทบจะไม่ใช่เนย์มาร์เลยด้วย แต่เป็นคู่กองกลางสองคนอย่าง คาเซมิโร่ และ ลูคัส ปาเกต้า ที่มีส่วนร่วมกับเกมมากกว่าสตาร์ของเปเอสเชเสียอีก
คาเซมิโร่ คอยทำหน้าที่สกัดกั้นเกมรุกของคู่ต่อสู้ที่บุกมาตามสไตล์ที่เขาถนัด ทำให้คู่เซ็นเตอร์แทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรมาก นอกจากคอยซัพพอร์ตเขา และจุดเด่นอีกอย่างก็คือการเปลี่ยนจังหวะเกมจากรับเป็นรุกที่ทำได้ดีมาก แถมยังมีลูกทีเด็ดจากการยิงไกลในพื้นที่แดนสองอีกต่างหาก
ส่วนปาเกต้า คือคนที่คอยช่วยคาเซมิโร่อีกที และพร้อมที่จะเชื่อมเกมจากกลางไปหน้าให้ไหลลื่น เราเลยจะเห็นเขาป้วนเปี้ยนอยู่แถวกรอบ 18 หลาอยู่ตลอด ซึ่งก็มีจังหวะนึงที่ไปทำชิ่งให้ราฟินญ่าได้หลุดเดี่ยวจนเกือบได้ประตูขึ้นนำในครึ่งแรก
พอมาถึงเกมรุก เมื่อมีคู่กองกลางที่ไว้ใจได้ ตำแหน่งอื่นก็พร้อมดาหน้าบุกเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างแบ็คซ้ายที่ดันสูงไปช่วยปีกได้ โดยไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก เพราะรู้ว่าหลังเขาจะมี คาเซมิโร่ คอยช่วยอยู่เสมอ
สำหรับปีกสองข้างก็จะมีรูปแบบการเข้าทำที่แตกต่างกัน ฝั่งซ้ายก็จะคอยหุบเข้ามาตรงกลาง เพื่อเข้าไปช่วยกองหน้า ในขณะที่ฝั่งขวาก็จะยืนชิดริมเส้น และทำเกมร่วมกับปาเกต้าเป็นหลัก ส่วนริชาร์ลิซอนก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ยืนตำแหน่งของตัวเองให้ดี แล้วลูกบอลจากเพื่อนจะเคลื่อนที่ไปหาเขาเอง ซึ่งที่มาของสองประตูในเกมนี้ก็เป็นแบบนั้น
ทำให้แทคติกนี้เราอาจจะไม่ได้เห็นเนย์มาร์มีจังหวะยิงเป็นกอบเป็นกำสักเท่าไหร่ เพราะเขาจะเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องคอยมาเชื่อมเกมให้กับทีม เรียกฟาวล์จากคู่แข่ง และสร้างโอกาสให้กับเกมรุกในพื้นที่สุดท้ายซะมากกว่าที่จะรอคอยแต่โอกาสยิงประตู
คาเซมิโร่ คอยทำหน้าที่สกัดกั้นเกมรุกของคู่ต่อสู้ที่บุกมาตามสไตล์ที่เขาถนัด ทำให้คู่เซ็นเตอร์แทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรมาก นอกจากคอยซัพพอร์ตเขา และจุดเด่นอีกอย่างก็คือการเปลี่ยนจังหวะเกมจากรับเป็นรุกที่ทำได้ดีมาก แถมยังมีลูกทีเด็ดจากการยิงไกลในพื้นที่แดนสองอีกต่างหาก
ส่วนปาเกต้า คือคนที่คอยช่วยคาเซมิโร่อีกที และพร้อมที่จะเชื่อมเกมจากกลางไปหน้าให้ไหลลื่น เราเลยจะเห็นเขาป้วนเปี้ยนอยู่แถวกรอบ 18 หลาอยู่ตลอด ซึ่งก็มีจังหวะนึงที่ไปทำชิ่งให้ราฟินญ่าได้หลุดเดี่ยวจนเกือบได้ประตูขึ้นนำในครึ่งแรก
พอมาถึงเกมรุก เมื่อมีคู่กองกลางที่ไว้ใจได้ ตำแหน่งอื่นก็พร้อมดาหน้าบุกเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างแบ็คซ้ายที่ดันสูงไปช่วยปีกได้ โดยไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก เพราะรู้ว่าหลังเขาจะมี คาเซมิโร่ คอยช่วยอยู่เสมอ
สำหรับปีกสองข้างก็จะมีรูปแบบการเข้าทำที่แตกต่างกัน ฝั่งซ้ายก็จะคอยหุบเข้ามาตรงกลาง เพื่อเข้าไปช่วยกองหน้า ในขณะที่ฝั่งขวาก็จะยืนชิดริมเส้น และทำเกมร่วมกับปาเกต้าเป็นหลัก ส่วนริชาร์ลิซอนก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ยืนตำแหน่งของตัวเองให้ดี แล้วลูกบอลจากเพื่อนจะเคลื่อนที่ไปหาเขาเอง ซึ่งที่มาของสองประตูในเกมนี้ก็เป็นแบบนั้น
ทำให้แทคติกนี้เราอาจจะไม่ได้เห็นเนย์มาร์มีจังหวะยิงเป็นกอบเป็นกำสักเท่าไหร่ เพราะเขาจะเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องคอยมาเชื่อมเกมให้กับทีม เรียกฟาวล์จากคู่แข่ง และสร้างโอกาสให้กับเกมรุกในพื้นที่สุดท้ายซะมากกว่าที่จะรอคอยแต่โอกาสยิงประตู

จากรูปแบบการเล่นทั้งหมดนี้ที่เหลือบราซิลก็แค่ต้องเล่นตามสไตล์และจังหวะเกมของตัวเองคือ เสียบอลเมื่อไหร่ต้องเพรสสูงกดดันคู่แข่งเพื่อเอาบอลคืนมาให้เร็วที่สุด จากนั้นก็ค่อยๆ คอนโทรลเกม นวดคู่ต่อสู้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเร่งให้เสียจังหวะ เอาให้ชัวร์ บวกกับการเข้าทำที่หลากหลายอยู่แล้ว ผลลัพธ์ดีๆ ที่พวกเขาต้องการมันก็จะออกมาเองแบบที่เราเห็นเมื่อคืนนี้
และนี่คือตัวอย่างของทีมที่ดีสมราคาเต็ง 1 แชมป์โลก ย้ำอีกทีว่าบราซิลเป็นอีกหนึ่งทีมที่ดีจริงๆ ในฟุตบอลโลกหนนี้ (อีกทีมที่ผมชอบมากคือเยอรมัน) เพราะพวกเขามีครบหมดทั้งคุณภาพนักเตะและคุณภาพแท็คติกที่ยอดเยี่ยม
สุดท้ายเราจะได้เห็นบราซิลเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 6 ไหม ก็คงต้องขึ้นอยู่กับผลงานในสนามต่อจากนี้ของพวกเขานั่นแหละ เพราะทุกอย่างมันเอื้อและพร้อมสำหรับพวกเขาหมดแล้ว
และนี่คือตัวอย่างของทีมที่ดีสมราคาเต็ง 1 แชมป์โลก ย้ำอีกทีว่าบราซิลเป็นอีกหนึ่งทีมที่ดีจริงๆ ในฟุตบอลโลกหนนี้ (อีกทีมที่ผมชอบมากคือเยอรมัน) เพราะพวกเขามีครบหมดทั้งคุณภาพนักเตะและคุณภาพแท็คติกที่ยอดเยี่ยม
สุดท้ายเราจะได้เห็นบราซิลเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 6 ไหม ก็คงต้องขึ้นอยู่กับผลงานในสนามต่อจากนี้ของพวกเขานั่นแหละ เพราะทุกอย่างมันเอื้อและพร้อมสำหรับพวกเขาหมดแล้ว