เดินทางมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้ว สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่ฟาดแข้งกันมาให้พวกเราแฟนฟุตบอลได้ดูกันอย่างต่อเนื่องเกือบ 1 เดือนเต็ม ถึงในตอนนี้แล้วเหลือทีมที่เข้าแข่งขันเพียงแค่ 8 ทีมเท่านั้น เราก็จะได้รู้แล้วว่าใครจะได้คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกหนนี้ และเนื่องจากเหลือ 8 ทีมทั้งที วันนี้ SPACEBAR ก็เลยอยากจะมาวิเคราะห์กันแบบให้ลึกถึงแก่นกันหน่อยว่า โอกาสที่ 8 ทีมจะคว้าแชมป์โลกนี้มีมากน้อยขนาดไหน และปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้พวกเขาไปถึงความฝันสูงสุดของการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้

1. โครเอเชีย
เริ่มต้นกันที่ทีมแรกกับทีมตราหมากรุก ‘โครเอเชีย’ ที่ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายมาได้แบบหืดขึ้นคอจากการดวลจุดโทษชนะทีมชาติญี่ปุ่นไปได้ในช่วงท้าย โดยโครเอเชียถือว่าเป็นอีกหนึ่งทีมที่ในระยะหลังผลงานของพวกเขาในการแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์ ทำได้ดีมากๆ ทั้งการ เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายฟุตบอลยูโร 2020 และการทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 ทำให้ประสบการณ์ของพวกเขายิ่งนานวันไปยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แม้สไตล์การเล่นอาจจะไม่หวือหวาแต่เต็มไปด้วยระบบที่แข็งแกร่งจุดเด่นของพวกเขาในการแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้ก็คือ การมีมิดฟิลด์คู่กลาง 3 ประสานอย่าง ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล โบรโซวิช และ มาเตโอ โควาชิซ ที่ทำหน้าที่ในการคุมจังหวะเกมส์ได้อย่างเฉียบขาดทั้งเกมส์รุกและเกมส์รับ อีกนักเตะคนหนึ่งเลยที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ปราการหลังดาวรุ่งจอมแกร่งที่เป็นสันหลังของเกมส์รับของโครเอเชียอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีความสามารถในการพาบอลไปข้างหน้าได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย
เพราะฉะนั้นแล้วหากมองตอนนี้โครเอเชียก็มีโอกาสเช่นกันที่จะได้ลุ้นโทรฟี่อันทรงเกียรติครั้งนี้ หากเพียงแต่ว่าพวกเขาต้องผ่านบราซิลได้ก่อนแล้ว จากนั้นเทพนิยายที่พวกเขารอคอยถึงจะเกิดขึ้น หากฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วพวกเขาทะลุไปถึงรอบชิงได้ ทำไมฟุตบอลโลกครั้งนี้พวกเขาจะไม่มีโอกาสล่ะ จริงมั้ย ?
ฟันธง: โอกาสที่โครเอเชียที่จะเป็นแชมป์โลก 20 เปอร์เซ็นต์

2. บราซิล
ทัพแซมบ้ากับรูปแบบการเล่นที่บ้าคลั่งกับการปิดเกมส์ได้อย่างรวดเร็วในรอบ 16 ทีมและการเอาตัวรอดจากรอบแบ่งกลุ่มมาได้แบบไม่ยากมาก ทำให้สภาพความฟิตของนักเตะบราซิลในเวลานี้ต้องถือว่าดีมากๆ ยกเว้นนักเตะ 2 รายอย่าง อเล็กซ์ เตเลซ กับ กาเบรียล เฮซุส ที่บาดเจ็บปิดฉากทัวร์นาเม้นท์ไปแล้ว นอกนั้นนักเตะหลายคนอยู่ในสภาพที่พร้อมลุย ความฟิตเต็มถังการมีเล่นฟุตบอลโลกในครั้งนี้ของบราซิลพวกเขาพกพามาพร้อมกับความเป็นเต็ง 1 ทั้งในแง่ของระบบการเล่นและตัวผู้เล่น ทำให้หลายคนอาจจะมองไปถึงรอบชิงชนะเลิศแล้วว่า พวกเขามีโอกาสทำได้ หากเพียงแต่ว่าสิ่งเดียวที่พวกเขาต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ตอนนี้ก็คือฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวาแบบนี้ การทำเกมส์ การเล่นร่วมกันเป็นทีมที่ทำได้ดีเสมอ หากพวกเขารักษาไว้ได้ คงไม่ต้องพูดแล้วว่า ทีมไหนจะต่อกรกับพวกเขาได้
จุดเด่นของบราซิลในครั้งนี้ หลายคนอาจจะมองว่า นักเตะหลายคนในเกมส์รุกจะเป็นหัวใจสำคัญของทีมชาติบราซิล แต่ความเป็นจริงแล้วในมุมของผมหลังจากที่ได้ดูบราซิลเล่นแล้ว จุดที่น่าสนใจคือ คู่หูแดนกลางอย่าง คาเซมิโร่ และ ลูคัส ปาเกต้า ที่สอดประสานกันได้อย่างลงตัวและเป็นคุมจังหวะของเกมส์ในทั้งหมด หากทั้งสองคนยังยืนอยู่ทุกนัดต่อจากนี้ โอกาสที่พวกเขาจะคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ หวังเพียงแต่ว่าทั้งคู่จะไม่ดวงแตกเจ็บไปเสียก่อนเท่านั้นเอง
ส่วนความยากของบราซิลตอนนี้หากผ่านโครเอเชียไปได้ก็จะอยู่ที่รอบรองชนะเลิศว่า พวกเขาต้องเจอใครระหว่าง เนเธอร์แลนด์ ที่เล่นฟุตบอลแบบเป็นระบบ กับ อาร์เจนตินา คู่ปรับตลอดการที่พวกเขาเพิ่งแพ้มาในศึกโคปาอเมริกา หากผ่านรอบรองไปได้ โอกาสเป็นแชมป์ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
ฟันธง: โอกาสที่บราซิลที่จะเป็นแชมป์โลก 65 เปอร์เซ็นต์

3. เนเธอร์แลนด์
อัศวินสีส้มกับการมาเล่นฟุตบอลโลกที่มาพร้อมกับปรัชญาของ หลุยส์ ฟาน กัล ที่ค่อยๆ ยกระดับการเล่นของเนเธอร์แลนด์ ให้มีมาตรฐานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้รูปแบบการเล่นอาจจะชวนง่วงนอน แต่หากดูรายละเอียดดีๆ แล้ว เนเธอร์แลนด์มักเล่นฟุตบอลเพื่อผลการแข่งขันตลอดและยิ่งในฟุตบอลโลกแบบนี้ด้วย บางครั้งความสวยงามอาจจะไม่ใช่หนทางสู่ความเป็นแชมป์ แต่ชัยชนะต่างหากที่จะทำให้คุณได้แชมป์ตัวผู้เล่นของเนเธอร์แลนด์ที่น่าสนใจเลยก็คือ แนวรับ ทั้ง 3 คนที่ เนธาน อาเก้, เวอร์จิล ฟาน ไดร์จ และ จูเลี่ยน ทิมเบอร์ ที่ค่อยบัญชาเกมส์รับที่อย่างมีระเบียบและวินัย อีกคนที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ อันเดรส โนปเปิร์ต นายทวารจอมเซฟที่ในฟุตบอลโลกหนนี้เจ้าตัวแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว พร้อมทั้งยึดมือ 1 ได้ตลอดจนมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายนี้
ปัญหาหลักของเนเธอร์แลนด์ที่ผ่านมาคือ พวกเขายังไม่เคยเจอคู่แข่งที่โจมตีด้วยความสามารถเฉพาะตัวและความรวดเร็ว ทำให้การเจอกับอาร์เจนตินาในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนี้ น่าจะเป็นโจทย์ที่ใหญ่พอสมควรเลยกับการฝ่าฟันไปให้ได้เพื่อเข้ารอบต่อไป แต่หากมองถึงปรัชญาของ หลุยส์ ฟาน กัล ที่คนดูมักคาดเดาไม่ถูก ไม่แน่อาจจะมีเซอร์ไพร์สในคู่นี้ก็เป็นได และหากพวกเขาผ่านเข้ารอบไปได้ บราซิล หรือ โครเอเชีย ก็จะเป็นโจทย์ใหญ่ต่อไปให้พวกเขาต้องพิชิตให้จงได้ในฟุตบอลโลกหนนี้
อย่างไรก็ดีถึงตอนนี้อัศวินสีส้มก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมแล้วในฟุตบอลโลกครั้งนี้
ฟันธง: โอกาสที่เนเธอร์แลนด์ที่จะเป็นแชมป์โลก 30 เปอร์เซ็นต์

4. อาร์เจนตินา
อีกหนึ่งทีมที่มีแฟนฟุตบอลชาวไทยคอยเอาใจช่วยและให้กำลังใจกันอยู่กับอาร์เจนตินาที่ฟุตบอลโลกหนนี้พวกเขามาพร้อมกับเทพเจ้าฟุตบอลอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่อาจจะตัดสินใจประกาศอำลาจากทีมชาติหลังจบทัวร์นาเม้นท์นี้โดยฟอร์มการเล่นของอาร์เจนตินาต้องบอกว่า ค่อยๆ ดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ จากนัดแรกที่พวกเขาพลาดให้กับซาอุดิอาระเบีย หลังจากนั้นมาพวกเขาก็เดินหน้าคว้าชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องพร้อมกับเติมเต็มในส่วนที่ผิดพลาดหลายๆ ส่วนในการเล่นฟุตบอลโลกหนนี้
จุดเด่นของอาร์เจนตินาก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก เมสซี่ การขึ้นเกมส์ของเขายังคงน่ากลัวและอันตรายอยู่เสมอ ทำให้จุดนี้เองถือว่าเป็นจุดชี้ขาดผลงานในแต่ละนัดของอาร์เจนตินาได้เลยว่า หากนัดไหนที่เมสซี่เล่นได้อันตรายและน่ากลัวผลลัพธ์ก็คืออาร์เจนตินาจะสามารถกุมชัยชนะได้อย่างไม่ยากเย็น หากนัดไหนที่เมสซี่เงียบหายไปก็น่าหวั่นๆ นิดนึง ฉะนั้นแล้วการเจอกับเนเธอร์แลนด์ไม่ง่าย การหลุดเข้ารอบไปโอกาสเจอบราซิลก็ค่อนข้างสูงทำให้ผลงานของอาร์เจนตินาต้องลุ้นกันนัดต่อนัดหลังจากนี้ หากถามว่ามีโอกาสเป็นแชมป์ได้มั้ยก็ตอบได้เลยว่า มี แต่มากน้อยขึ้นอยู่ที่โอกาสที่พวกเขาสร้างขึ้นในแต่ละเกมส์เลย
ฟันธง: โอกาสที่อาร์เจนตินาที่จะเป็นแชมป์โลก 40 เปอร์เซ็นต์

5. โมร็อกโก
ทีมม้ามืดของฟุตบอลโลกครั้งนี้หลังจากหักปากกาเซียนพิชิตชัยเหนือทั้ง เบลเยี่ยม และ สเปน ไปได้ทำให้ผลงานของพวกเขากระแทกเข้าสายตาของแฟนฟุตบอลอย่างจัง อีกทั้งรูปแบบการเล่นของโมร็อกโกก็ดูน่าสนใจไม่น้อยเพราะในฟุตบอลโลกครั้งนี้พวกเขาเสียประตูไปแค่ 1 ประตูเท่านั้น ตรงนี้จึงเป็นจุดที่ชี้ให้เราเห็นได้เห็นว่า ฝีมือของพวกเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกันจุดเด่นของโมร็อกโกที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ รูปแบบการเล่นเกมส์สวนกลับที่พวกเขาทำได้ดีมากๆ ทั้งการสวนกลับแบบหวังผลและการสวนกลับเพื่อครอบครองเกมส์ได้ระยะสั้นๆ ที่มักทำได้ดีกับยามที่ต้องเจอทีมใหญ่ ฉะนั้นแล้วการโคจรมาเจอกับโปรตุเกสในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ถึงตอนนี้แล้วไม่มีอะไรต้องเสียอีกต่อไปสำหรับโมร็อกโก หากโปรตุเกสกดดันและเล่นไม่เป็นตัวเองเมื่อไหร่ โมร็อกโกก็พร้อมที่จะจัดให้เหมือนที่ เบลเยี่ยมและสเปนเจอมาก่อนหน้านี้
ดังนั้นแล้วไม่แน่ม้ามืดตัวนี้อาจจะสร้างเซอร์ไพร์สในรอบ 8 ทีมสุดท้ายอีกครั้งก็เป็นได้ แต่หากจะมองไปถึงแชมป์โลกได้เลยหรือไม่ ถึงตรงนี้ยังคงบอกว่า ยากอยู่
ฟันธง: โอกาสที่โมร็อกโกที่จะเป็นแชมป์โลก 15 เปอร์เซ็นต์

6. โปรตุเกส
ทัพฝอยทองกับการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกับโอกาสที่เป็นไปได้ ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าฟุตบอลโลกครั้งนี้ของโปรตุเกสมีเรื่องราวมากมายให้พูดถึงเต็มไปหมดทั้งผลงานในสนามก็ดี หรือจะเป็นเรื่องราวนอกสนามของสตาร์ดังประจำชาติอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่มีกระแสให้ได้พูดถึงกันทุกวัน ทำให้ชื่อของพวกเขามักจะอยู่บนหน้าสื่อตลอดทัวร์นาเม้นท์ครั้งนี้จุดเด่นของโปรตุเกสในฟุตบอลโลกหนนี้ที่จับได้ชัดเลยก็คือ การเล่นฟุตบอลแบบเป็นระบบไม่พึ่งพาผู้เล่นคนใดคนหนึ่งจนมากเกินไป อย่างล่าสุดในนัดที่พวกเขาถล่มเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ไปด้วยสกอร์ 6-1 ก็เป็นอีกนัดที่ทำให้เห็นว่า บอลระบบสำคัญกว่าบอลบุคคลมากขนาดไหน และเมื่อมองดูแล้ว การไม่มีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในสนามก็ทำให้รูปแบบการเล่นของพวกเขาไวขึ้นอีกด้วย
การโคจรมาเจอกับโมร็อกโกจึงถือว่าเป็นงานที่ไม่หนักหนาจนเกินไป แต่ก็ประมาทไม่ได้เช่นกันเพราะหากเจอรูปแบบเกมส์รับของโมร็อกโกแล้วอาจจะมีเป๋ได้ แต่หากผ่านโมร็อกโกไปได้ คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่าง ฝรั่งเศสและอังกฤษก็จะรอเจอพวกเขาอยู่ ฉะนั้นแล้วโอกาสในการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกถึงตอนนี้อาจจะพูดไม่ได้มาก แต่โอกาสผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายหากเทียบกับคู่อื่นๆ โปรตุเกสก็น่าจะมีภาษีดีสุดในรอบนี้
ฟันธง: โอกาสที่โปรตุเกสที่จะเป็นแชมป์โลก 30 เปอร์เซ็นต์

7. อังกฤษ
สิงโตคำรามกับวลียอดฮิตอย่าง Football Coming Home ที่พวกเขารอให้เกิดขึ้นจริงเสียทีกับผลงานการทะลุเข้ารอบลึกๆ ในทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ๆ หลายรายการล่าสุดทั้งการคว้าอันดับ 4 ของฟุตบอลโลก 2018 และการเป็นรองแชมป์ยูโร 2020 ทำให้พวกเขาอยู่ในจุดที่พร้อมรอวันที่จะก้าวเข้าสู่การคว้าแชมป์รายการใหญ่ให้ได้สักครั้งในชีวิตทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลกหนนี้พวกเขามาพร้อมกับตัวผู้เล่นชุดหลักๆ ที่ยกมาจากฟุตบอลโลก 2018 และ ยูโร 2020 ที่หลายๆ คนยังเป็นแกนหลักให้กับทีมต่อเนื่องมา การเล่นของพวกเขาจึงมีมาตรฐานและระบบระเบียบที่น่าสนใจทั้งการขึ้นเกมส์รุกและการร่วมเล่นเกมส์รับ ขาดเพียงแต่ว่า ถึงตอนนี้แล้วพวกเขายังคงใช้ความสามารถนักเตะเยอะไปจากมาตรฐานที่พวกเขาทำไว้อยู่นิดนึง ตรงจุดนี้เองจึงทำให้เราได้เห็นหลายผู้เล่นโดดเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจน อาทิเช่น แฮรี่ เคน กับบทบาทของตัวรุกค่อยจ่ายบอลทำเกมส์ หรือจะเป็น จู๊ดส์ บิลลิ่งแฮม ที่ขับเคลื่อนแดนกลางอยู่ตลอดเวลา ตรงนี้เองจึงเป็นจุดที่ดูคล้ายกับเป็นจุดแข็งและจุดอ่อนของพวกเขาในเวลาเดียวกัน
ส่วนในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนั้นการโคจรมาพบกับทีมชาติฝรั่งเศสถือว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อมากๆ เพราะด้วยความสามารถของนักเตะที่มี การเล่นเกมส์เป็นระบบที่สนใจ ทำให้คู่นี้จะเป็นอีกหนึ่งคู่ที่ชิงดำกันไปเลยว่าใครจะดีกว่ากันและหากผ่านรอบนี้ไปได้โอกาสในการเข้าชิงก็ค่อนข้างสูงเช่นกัน ถึงตรงนี้แล้วก็ต้องมาดูกันว่าเกมส์วันนั้นจังหวะของอังกฤษหรือฝรั่งเศสใครจะทำได้ดีกว่ากัน
ฟันธง: โอกาสที่อังกฤษที่จะเป็นแชมป์โลก 40 เปอร์เซ็นต์

8. ฝรั่งเศส
แชมป์เก่าฝรั่งเศสกับเป้าหมายที่จะกลับมาป้องกันแชมป์ฟุตบอลโลกจงได้เพื่อลบล้างอาถรรพ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ทำให้การมาครั้งนี้ของฝรั่งเศสพวกเขาเน้นผลการแข่งขันทุกนัดเพื่อให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด ตั้งแต่ต้นจนถึงรอบ 8 ทึมสุดท้ายนี้ ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในทีมที่ยังคงไม่แพ้ใครในฟุตบอลโลกหนนี้แม้จะมีผู้เล่นตัวหลักที่บาดเจ็บไปหลายคนแต่กองทัพขุนพลตราไก่ก็พร้อมทีจะเดินหน้าคว้าชัยต่อเนื่อง ด้วยรูปแบบการเล่นที่เรียกได้ว่า สมบูรณ์แบบในทุกจุด พร้อมกับสตาร์ดังอย่าง คิลียัน เอ็มปัปเป้ ที่ทำผลงานได้ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลายทำให้ ฝรั่งเศสลงเล่นทุกเกมส์ได้อย่างน่าสนใจ หากเพียงแต่ว่า ปัญหาของผู้เล่นเปลี่ยนเกมส์ที่พวกเขาไม่มี ตรงนี้อาจจะเป็นข้อด้อยที่เสียเปรียบทีมอื่นในรอบลึกๆ
การมาเจอกับอังกฤษ ถือว่าเป็นการตัดเชือกกันไปเลยว่า พวกเขามีดีพอที่จะทะลุเข้าไปรอบลึกๆ ต่อไปได้หรือไม่ หากผ่านไปได้โอกาสที่จะไปเป็นคู่ชิงในฝันที่หลายๆ คนอยากเห็นให้เกิดระหว่าง บราซิล กับ ฝรั่งเศส ก็อาจจะเป็นไปได้ก็ได้ใครจะไปรู้ ที่สำคัญถึงตรงนี้แล้วด้วยฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงของฝรั่งเศส อาถรรพ์ที่เคยเกิดขึ้นอาจจะไม่สัมฤทธิ์ผลก็เป็นได้ในฟุตบอลโลกหนนี้
ฟันธง: โอกาสที่ฝรั่งที่จะเป็นแชมป์โลก 45 เปอร์เซ็นต์