เปิดฤดูกาลกันมาได้สักพักแล้วสำหรับพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ที่ฟาดแข้งกันมาอย่างต่อเนื่อง และหลายๆ ทีมก็ทำผลงานได้ค่อนข้างน่าติดตามและน่าสนใจ โดยในครั้งนี้ทีมทีเราอยากหยิบยกมาพูดกันหลังจากที่บรรเลงเพลงแข่งไปแล้วก็คือ ทีมยอดฮิตของแฟนบอลชาวไทยอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับเรื่องราวฤดูกาลที่ 2 ของเอริก เทน ฮาก กับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเปิดฤดูกาลนี้ไปแล้ว โดยเราสรุปออกมาได้เป็น 4 เรื่องหลักๆ ดังต่อไปนี้

1.เอริก เทน ฮาก กับการออกสตาร์ทที่ไม่คงเส้นคงวาเหมือนฤดูกาลที่แล้ว
เหมือนภาพรีเพลย์ย้อนกลับไปให้แฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ดูภาพของฤดูกาลที่แล้วอีกครั้งกับฟอร์มการเล่นในช่วงเปิดหัวซีซัน 2023-2024 ที่มันมีความละม้ายคล้ายคลึงกับฤดูกาล 2022-2023 เสียเหลือเกินกับการคว้าได้เพียงแค่ 6 คะแนนจากการลงเล่นทั้งหมด 4 นัด ซึ่งหากดูจากคู่แข่งที่เจอในช่วงเปิดหัวฤดูกาลนี้แล้วก็เข้าใจได้ว่า การพบกับท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ อาร์เซนอล 2 ทีมจากลอนดอน ไม่ใช่งานง่ายๆ สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่แล้ว หากแต่เพียง 4 นัดกับคะแนนที่มีอยู่ในตอนนี้แล้ว ถือว่าเสมอตัวกับฤดูกาลที่แล้วเกินไปหน่อย หากอยากจะพัฒนาทีมให้กลายเป็นทีมชั้นนำ ปัญหาการเจอทีมใหญ่จึงเป็นโจทย์ใหญ่พอสมควรสำหรับ เอริก เทน ฮาก ที่ต้องทำให้ทีมชนะทีม Top7 หัวตารางได้ในเกมเยือนเสียที ไม่เช่นนั้นสุดท้ายภาพจำเดิมๆ ก็จะกลับมาหลอกหลอนแฟนบอลอย่างแน่นอน
2.ตลาดนักเตะที่เหมือนจะทำได้ดี แต่สุดท้ายปัญหาก็ยังคงอยู่
ตลาดนักเตะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะชี้วัดภาพรวมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2023-2024 ได้ดีกับขุมกำลังที่เข้ามาและออกไป หากเพียงแต่ในข้อดีที่เกิดขึ้นสำหรับตลาดนี้คือ ทีมสามารถคว้านักเตะมาได้ตามตำแหน่งที่ต้องการทั้ง อังเดร โอนาน่า นายทวารที่ใช้เท้าได้เป็นอย่างดีกับการมาแทนที่ ดาบิด เด เกอา หรือจะเป็น เมสัน เมาท์ , โซเฟียน อัมราบัต ในตำแหน่งกองกลางตัวหมุนเวียนที่จะลงมาสร้างความแตกต่างให้กับทีม เซอร์จิโอ เรกีลอน แบ็คซ้ายจำเป็นที่คว้ามาด้วยสัญญายืมตัวเพื่อทดแทนการบาดเจ็บของ ลุค ชอว์ หรือจะเป็นกองหน้าตัวความหวังอย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่ทีมตัดสินใจทุ่มงบเกือบทั้งหมดตลาดนี้ให้กับเขา และยังไม่รวมไปถึงอดีตปราการหลังลูกหม้อของทีมอย่าง จอห์นี่ อีแวนส์ ทำให้ดูเป็นการเสริมทัพที่ตรงจุดเหมือนกันสำหรับขาเข้าแต่ในรายของขาออก ต้องบอกว่า นี่คือหนึ่งในตลาดการซื้อขายที่ล้มเหลวอีกครั้งในการปล่อยตัวขาออกครั้งนี้ การปล่อยผู้เล่นและได้เงินกลับมาในหลักเพียงแค่ 40 กว่าล้านปอนด์ หากเทียบกับจำนวนขาเข้าที่เข้ามาแล้วต้องบอกว่า นี่คือการทำธุรกิจที่ไม่เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาเสียเลย นักเตะที่ไม่ได้ใช้งานแล้วอย่าง ดอนนี่ ฟาน เดอเบ็ค, แฮรี่ แม็คไกวร์ , อองโตนี่ มาซิอาล ยังคงอยู่ในทีมและรับค่าเหนื่อยมหาศาลอยู่ ยิ่งทำให้ตรงนี้เองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะต้องเผชิญกับปัญหากฏ FFP อีกแน่นอนในฤดูกาลหน้า และหากจะแก้ไขในตำแหน่งที่ควรแก้ไข แน่นอนตลาดต่อๆ ไปลำบากแน่ หากยังไม่แก้ปัญหาส่วนนี้ให้จบสิ้น

3.แดนกลางเริ่มร่วงโรย การทดแทนที่ยังไม่เกิดขึ้นในเวลานี้
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจและน่าติดตามเลยก็คือ การโรยของวันเวลาที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหยุดสิ่งเหล่านี้ได้ และปัญหานี้มันก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ออกอาการให้เห็นอย่างชัดเจนใน 4 นัดแรกที่เปิดฤดูกาลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่า พวกเขายังต้องพึ่งพาแดนกลางจอมเก๋าอย่าง คาเซมิโร่ และ คริสเตียน อิริกเซ่น อยู่ นั่นจึงทำให้การเข้ามาของ เมสัน เมาท์ ที่ยังปะติดปะต่อฟอร์มการเล่นกับทีมยังไม่ได้ จึงเป็นเหมือนจุดบอดที่หากวันใดกองกลางจอมเก๋าของแมนยูหมดแรงขึ้นมา การไม่เชื่อมต่อทางแดนกลางมีปัญหา การขับเคลื่อนเกมก็ลำบาก ตรงนี้จึงเป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายเช่นกัน ฉะนั้นแล้ว เมสัน เมาท์ และ โซเฟียน อัมราบัต จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับทีมใหม่ของพวกเขาโดยเร็ว มิเช่นนั้นอนาคตต่อจากนี้งานหนักแน่นอน