หลังจากที่ศึกรถสูตรหนึ่ง หรือ Formula 1 กลับมาแข่งขันกันอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกับ Dutch Grand Prix ก็มีเวลาให้หยุดพักกันไม่ถึงอาทิตย์ แล้วก็มาต่อเลยกับเรซที่ 14 ประจำปีนี้กับ ‘Grand Premio D’Italia’ หรือ ‘Italian Grand Prix’ ที่สนาม Autodromo Nazionale Monza ในเมืองมอนซา ประเทศอิตาลี และ Spacebar VIBE ก็จะมาสรุปผลการแข่งขันมาให้ทุกคนเหมือนเช่นเคย แล้ว Italian Grand Prix ปีนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ติดตามได้เลยครับ
สำหรับ Autodromo Nazionale Monza สนามแข่งขันชื่อยาวของ Italian Grand Prix ถือเป็นอีกแทร็คที่มีการแข่งขันมาอย่างยาวนาน โดย Italian Grand Prix ครั้งแรกเริ่มตั้งแต่ปี 1922 แล้วมาถูกบรรจุอยู่บนหน้าปฏิทินของ Formula 1 ครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1950 หลังจากนั้นก็จัดการแข่งขันมาตลอดทุกปี โดยผู้ที่คว้าชัยในสนามนี้ได้เยอะที่สุดมีทั้งหมด 2 คน นั่นก็คือ Michael Schumacher ตำนานนักขับ F1 และ Lewis Hamilton อีกหนึ่งสุดยอดนับขับในยุคปัจจุบัน
มาต่อกันที่ข้อมูลของสนาม Autodromo Nazionale Monza กันบ้าง แทร็คนี้มีความยาวทั้งหมด 5.793 กิโลเมตร ทำการแข่งขันกันทั้งหมด 53 รอบ เป็นเซอร์กิตที่มีทางตรงยาวๆ เยอะพอสมควร แต่ก็แอบมีโค้ง Chicanes หรือโค้งที่มีลักษณะแคบๆ เล็กๆ ติดกัน พอให้ได้ใช้งานเบรก และเพิ่มความยากของสนาม โดยสนามนี้มีโค้งทั้งหมด 11 โค้ง เป็นโค้ง Chicanes ไปแล้วถึง 3 ช่วง บริเวณโค้ง 1 และ 2 ต่อด้วยโค้ง 4 และ 5 แล้วปิดท้ายตรงโค้ง 8, 9 และ 10 ส่วนโซนทางตรงที่สามารถเปิดปีกท้ายเพื่อเพิ่มความเร็ว หรือ DRS ทั้งหมด 2 โซน ซึ่งอยู่ในช่วงทางตรงยาวที่สุด 2 ช่วง ของสนามก็คือ หลังออกจากโค้ง 7 วิ่งตรงยาวก่อนเข้า Chicanes ตรงโค้ง 8 และโซนที่สองอยู่ตรงหลังออกโค้ง 11 หลังจุดสตาร์ทและเส้นชัยยาวไปจนสุดทางตรงก่อนเข้าโค้ง 1
สำหรับ Autodromo Nazionale Monza สนามแข่งขันชื่อยาวของ Italian Grand Prix ถือเป็นอีกแทร็คที่มีการแข่งขันมาอย่างยาวนาน โดย Italian Grand Prix ครั้งแรกเริ่มตั้งแต่ปี 1922 แล้วมาถูกบรรจุอยู่บนหน้าปฏิทินของ Formula 1 ครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1950 หลังจากนั้นก็จัดการแข่งขันมาตลอดทุกปี โดยผู้ที่คว้าชัยในสนามนี้ได้เยอะที่สุดมีทั้งหมด 2 คน นั่นก็คือ Michael Schumacher ตำนานนักขับ F1 และ Lewis Hamilton อีกหนึ่งสุดยอดนับขับในยุคปัจจุบัน
มาต่อกันที่ข้อมูลของสนาม Autodromo Nazionale Monza กันบ้าง แทร็คนี้มีความยาวทั้งหมด 5.793 กิโลเมตร ทำการแข่งขันกันทั้งหมด 53 รอบ เป็นเซอร์กิตที่มีทางตรงยาวๆ เยอะพอสมควร แต่ก็แอบมีโค้ง Chicanes หรือโค้งที่มีลักษณะแคบๆ เล็กๆ ติดกัน พอให้ได้ใช้งานเบรก และเพิ่มความยากของสนาม โดยสนามนี้มีโค้งทั้งหมด 11 โค้ง เป็นโค้ง Chicanes ไปแล้วถึง 3 ช่วง บริเวณโค้ง 1 และ 2 ต่อด้วยโค้ง 4 และ 5 แล้วปิดท้ายตรงโค้ง 8, 9 และ 10 ส่วนโซนทางตรงที่สามารถเปิดปีกท้ายเพื่อเพิ่มความเร็ว หรือ DRS ทั้งหมด 2 โซน ซึ่งอยู่ในช่วงทางตรงยาวที่สุด 2 ช่วง ของสนามก็คือ หลังออกจากโค้ง 7 วิ่งตรงยาวก่อนเข้า Chicanes ตรงโค้ง 8 และโซนที่สองอยู่ตรงหลังออกโค้ง 11 หลังจุดสตาร์ทและเส้นชัยยาวไปจนสุดทางตรงก่อนเข้าโค้ง 1



สำหรับ Starting Grid สนามนี้ Max Verstappen นักขับแชมป์โลกทำได้ดีที่สุดแค่อันดับ 2 เพราะตำแหน่ง Pole Position ตกเป็นของนักขับทีมเจ้าถิ่นจาก Ferrari อย่าง Carlos Sainz ในขณะที่ Charles Leclerc เพื่อนร่วมทีมได้อันดับ 3 ตามมาด้วย George Russell จาก Mercedes ในอันดับที่ 4 ส่วน ‘Checo’ Sergio Perez นักขับจากทีม Red Bull อีกคนได้อันดับที่ 5 และที่ต้องยินดีมากๆ สำหรับแฟนๆ F1 ชาวไทยก็คือ Alexander Albon นักขับจาก Williams ได้ออกสตาร์ทในอันดับที่ 6 นอกจากนี้อันดับอื่นๆ ที่น่าสนใจก็มี Oscar Piastri กับ Lando Norris จาก McLaren อันดับ 7 และ 9 ตามลำดับ, Lewis Hamilton จาก Mercedes อันดับ 8 และ Fernando Alonso ของ Aston Martin อันดับ 10
มาต่อที่ช่วงของการแข่งขัน Italian Grand Prix ที่มีนักแข่งต้องรีไทร์ออกจากการแข่งขันตั้งแต่ยังไม่เริ่มรอบแรก เพราะทาง Yuki Tsunoda นักขับชาวญี่ปุ่น ของทีม AlphaTauri มีปัญหาเครื่องยนต์ในการออกวิ่งรอบ Formation Lap จนไม่สามารถทำการแข่งขันได้ ทำให้ทาง Race Control ตัดสินใจให้อีก 19 คันที่เหลือกลับไปที่ Starting Grid ในระหว่างที่รอเคลียร์รถของ Tsunoda ซึ่งก็มีการอนุญาตให้ทีมช่างของแต่ละทีมออกมาเตรียมความพร้อมของรถได้อีกครั้ง โดยการแข่งขันดีเลย์ออกไปประมาณ 20 นาที และได้ทำการลดจำนวนรอบลงจาก 53 รอบ เหลือ 51 รอบ เนื่องจากมีการวิ่ง Formation Lap ไปแล้ว 2 รอบนั่นเอง และนอกจาก Tsunoda แล้ว ในเรซนี้ยังมี Esteban Ocon จากทีม Alpine อีกคันที่ไม่จบการแข่งขัน เพราะรถมีปัญหาในรอบที่ 39
มาต่อที่ช่วงของการแข่งขัน Italian Grand Prix ที่มีนักแข่งต้องรีไทร์ออกจากการแข่งขันตั้งแต่ยังไม่เริ่มรอบแรก เพราะทาง Yuki Tsunoda นักขับชาวญี่ปุ่น ของทีม AlphaTauri มีปัญหาเครื่องยนต์ในการออกวิ่งรอบ Formation Lap จนไม่สามารถทำการแข่งขันได้ ทำให้ทาง Race Control ตัดสินใจให้อีก 19 คันที่เหลือกลับไปที่ Starting Grid ในระหว่างที่รอเคลียร์รถของ Tsunoda ซึ่งก็มีการอนุญาตให้ทีมช่างของแต่ละทีมออกมาเตรียมความพร้อมของรถได้อีกครั้ง โดยการแข่งขันดีเลย์ออกไปประมาณ 20 นาที และได้ทำการลดจำนวนรอบลงจาก 53 รอบ เหลือ 51 รอบ เนื่องจากมีการวิ่ง Formation Lap ไปแล้ว 2 รอบนั่นเอง และนอกจาก Tsunoda แล้ว ในเรซนี้ยังมี Esteban Ocon จากทีม Alpine อีกคันที่ไม่จบการแข่งขัน เพราะรถมีปัญหาในรอบที่ 39



หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จสิ้น การแข่งขันในรอบแรกของ Italian Grand Prix ก็กลับมาเริ่มอีกครั้ง โดยรถส่วนใหญ่เลือกใช้ยาง Medium ก่อนเป็นหลัก เนื่องจากจำนวนรอบที่ไม่เยอะมาก หากว่ายางมีการดีเกรดน้อย และขับรักษาสภาพยางได้ดี ก็จะทำให้การวางแผนเข้าพิทรอบเดียวเพื่อเปลี่ยนเป็นยาง Hard ออกมาวิ่งจนจบก็เพียงพอแล้ว ซึ่งในรอบแรกต้องบอกว่าทาง Carlos Sainz ที่ได้ตำแหน่ง Pole Position ในเรซนี้ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะยังกันไม่ให้ Max Verstappen แซง สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ ส่วนในรอบที่ 2 ต้องชมทาง Alexander Albon ที่เสียอันดับไปในรอบแรก สามารถแซง Oscar Piastri กลับขึ้นไปอยู่อันดับที่ 6 ได้ และก็ต้องชมทางทีม Williams Racing ด้วยเช่นกัน ที่หลังจากได้ชุดอัพเกรดรถมา ก็ทำให้เพซเรซของทีมในช่วงทางตรงที่ดีอยู่แล้วดีขึ้นกว่าเดิม บวกกับแก้ปัญหาในช่วงโค้งความเร็วต่ำที่เป็นจุดอ่อนของทีมได้ดีขึ้นพอสมควร
สำหรับการแข่งขันแย่งชิงอันดับ 1 ในเรซนี้สนุกตั้งแต่รอบแรกๆ ของการแข่งขัน เพราะทาง Carlos Sainz สามารถกัน Max Verstappen ที่พยายามแซงได้ในรอบที่ 6 ช่วงโค้ง Chicanes โค้งแรกและ 2 ได้อย่างสวยงาม เรียกเสียงเฮจากกองเชียร์เจ้าถิ่นที่เข้ามาเชียร์ Ferrari ไปตามๆ กัน โดยกว่าที่ Max จะแซงได้ต้องรอถึงรอบที่ 15 ที่ขับเข้ามาเบียดไลน์ในและแซงได้ในโค้งที่ 4 เรียกว่าเหนื่อยถึงขนาดที่ Max ยังเอ่ยปากชม Top Speed ช่วงทางตรงในเรซนี้ของ Ferrari ว่าทำได้ดี จนทำให้เขาแซงยากมากๆ ในขณะที่การแข่งขันเดินทางมาถึงรอบที่ 41 ก็มีการชนกันเกิดขึ้นระหว่าง Lewis Hamilton กับ Oscar Piastri ซึ่งเป็นทาง Hamilton ที่โดน Race Control ลงโทษปรับลดเวลาไป 5 วินาที เพราะเขาไม่ยอมเหลือช่องให้คู่แข่งวิ่งจนปะทะกัน แล้วจากช็อตนั้นก็ทำให้ Oscar Piastri ต้องเข้าพิทไปเปลี่ยนปีกหน้าที่เสียหายจากการปะทะด้วย
สำหรับการแข่งขันแย่งชิงอันดับ 1 ในเรซนี้สนุกตั้งแต่รอบแรกๆ ของการแข่งขัน เพราะทาง Carlos Sainz สามารถกัน Max Verstappen ที่พยายามแซงได้ในรอบที่ 6 ช่วงโค้ง Chicanes โค้งแรกและ 2 ได้อย่างสวยงาม เรียกเสียงเฮจากกองเชียร์เจ้าถิ่นที่เข้ามาเชียร์ Ferrari ไปตามๆ กัน โดยกว่าที่ Max จะแซงได้ต้องรอถึงรอบที่ 15 ที่ขับเข้ามาเบียดไลน์ในและแซงได้ในโค้งที่ 4 เรียกว่าเหนื่อยถึงขนาดที่ Max ยังเอ่ยปากชม Top Speed ช่วงทางตรงในเรซนี้ของ Ferrari ว่าทำได้ดี จนทำให้เขาแซงยากมากๆ ในขณะที่การแข่งขันเดินทางมาถึงรอบที่ 41 ก็มีการชนกันเกิดขึ้นระหว่าง Lewis Hamilton กับ Oscar Piastri ซึ่งเป็นทาง Hamilton ที่โดน Race Control ลงโทษปรับลดเวลาไป 5 วินาที เพราะเขาไม่ยอมเหลือช่องให้คู่แข่งวิ่งจนปะทะกัน แล้วจากช็อตนั้นก็ทำให้ Oscar Piastri ต้องเข้าพิทไปเปลี่ยนปีกหน้าที่เสียหายจากการปะทะด้วย


สำหรับผู้ชนะเรซนี้ก็ยังคงเป็น Max Verstappen นักขับแชมป์โลกที่วิ่งเข้าไปรับธงตราหมากรุกเป็นคันแรก คว้าชัยสนามนี้เป็นหนที่ 3 ติดต่อกัน แล้วสร้างสถิติให้กับตัวเองและทีม โดยเขาเป็นนักขับในประวัติศาสตร์ F1 คนแรกที่สามารถชนะได้ 10 เรซติด และ Red Bull Racing ก็กลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ชนะการแข่งขัน F1 ได้มากถึง 15 เรซติดต่อกัน ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมอย่าง Sergio Perez ก็ไล่บี้จนสุดท้ายแซง Carlos Sainz ขึ้นมาจบอันดับ 2 ได้สำเร็จ ทำให้สนามนี้จบแบบ Red Bull 1-2 อีกครั้ง ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ Carlos Sainz นักขับจาก Ferrari ทีมเจ้าถิ่น ที่ถึงแม้จะไม่ชนะ แต่อย่างน้อยก็ยังคว้าโพเดียมมาครองได้
และอีกคนที่น่าชื่นชมเลยก็คงจะต้องเป็น Alexander Albon นักขับชาวไทยจากทีม Williams Racing ที่ก่อนหน้านี้บอกไปแล้วว่าทีมอัพเกรดรถมาดีมาก แก้ไขจุดบกพร่องที่มีตอนครึ่งฤดูกาลแรกได้อย่างยอดเยี่ยม บวกกับฝีมือการขับของ Alex ที่พัฒนาขึ้นเยอะ รวมไปถึงจุดเด่นของเขากับการขับรักษายางได้ดี ทำให้จบในอันดับที่ 7 น่าเสียดายที่ยื้อทางด้าน Hamilton ไม่ไหว แต่โดยรวมก็ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว
ส่วนผลการแข่งขันของนักขับคนอื่นๆ ใน Italian Grand Prix รวมถึงอันดับคะแนนสะสมล่าสุดของนักแข่งและทีมผู้ผลิต จะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามด้านล่างนี้ได้เลยครับ
และอีกคนที่น่าชื่นชมเลยก็คงจะต้องเป็น Alexander Albon นักขับชาวไทยจากทีม Williams Racing ที่ก่อนหน้านี้บอกไปแล้วว่าทีมอัพเกรดรถมาดีมาก แก้ไขจุดบกพร่องที่มีตอนครึ่งฤดูกาลแรกได้อย่างยอดเยี่ยม บวกกับฝีมือการขับของ Alex ที่พัฒนาขึ้นเยอะ รวมไปถึงจุดเด่นของเขากับการขับรักษายางได้ดี ทำให้จบในอันดับที่ 7 น่าเสียดายที่ยื้อทางด้าน Hamilton ไม่ไหว แต่โดยรวมก็ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว
ส่วนผลการแข่งขันของนักขับคนอื่นๆ ใน Italian Grand Prix รวมถึงอันดับคะแนนสะสมล่าสุดของนักแข่งและทีมผู้ผลิต จะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามด้านล่างนี้ได้เลยครับ


ผลการแข่งขัน Italian Grand Prix
- Max Verstappen (Red Bull Racing)
- Sergio Perez (Red Bull Racing)
- Carlos Sainz (Ferrari)
- Charles Leclerc (Ferrari)
- George Russell (Mercedes)
- Lewis Hamilton (Mercedes)
- Alexander Albon (Williams)
- Lando Norris (McLaren)
- Fernando Alonso (Aston Martin)
- Valtteri Bottas (Alfa Romeo)
- Liam Lawson (AlphaTauri)
- Oscar Piastri (McLaren)
- Logan Sargeant (Williams)
- Zhou Guanyu (Alfa Romeo)
- Pierre Gasly (Alpine)
- Lance Stroll (Aston Martin)
- Nico Hulkenberg (Haas F1 Team)
- Kevin Magnussen (Haas F1 Team)
5 อันดับคะแนนสะสมนักแข่ง
- Max Verstappen 364 คะแนน
- Sergio Perez 219 คะแนน
- Fernando Alonso 170 คะแนน
- Lewis Hamilton 164 คะแนน
- Carlos Sainz 117 คะแนน
อันดับคะแนนสะสมทีมผู้ผลิต
- Red Bull Racing 583 คะแนน
- Mercedes 273 คะแนน
- Ferrari 228 คะแนน
- Aston Martin 217 คะแนน
- McLaren 115 คะแนน
- Alpine 73 คะแนน
- Williams 21 คะแนน
- Haas F1 Team 11 คะแนน
- Alfa Romeo 10 คะแนน
- AlphaTauri 3 คะแนน