เดินทางมาถึงเรซที่ 16 แล้วสำหรับศึกรถสูตรหนึ่ง หรือ Formula 1 ที่หลังจากสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งไปแข่งกันที่ประเทศสิงคโปร์ กับ Singapore Grand Prix ซึ่งเป็นการแข่งขันบนหน้าปฏิทินที่ใกล้เมืองไทยที่สุดแล้ว หลายๆ คนที่ติดตามการรายงานผลของเราอาจจะแปลกใจว่า ทำไมเราไม่มีสรุปผลของเรซสิงคโปร์ นั่นก็เพราะว่าตัวผู้เขียนเองได้มีโอกาสบินไปดูแบบติดขอบสนามมานั่นเอง แล้วสัญญาว่า Spacebar VIBE จะมีรีวิวมาฝากแน่นอน อดใจรอกันแปปหนึ่งนะครับ
ส่วนวันนี้ตามไปดูเรซล่าสุดกันก่อนกับ ‘Japanese Grand Prix’ ที่สนาม Suzuka International Racing Course ในเมืองซูซูกะ จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น กันก่อน จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ติดตามได้เลยครับ
สำหรับ Suzuka International Racing Course สนามแข่งขันชื่อคล้ายยี่ห้อรถยนต์ของ Japanese Grand Prix ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับรถยนต์ซูซูกิแม้แต่น้อย เพราะเจ้าของสนามแห่งนี้คือบริษัท ‘ฮอนด้า มอเตอร์’ อีกหนึ่งค่ายรถยนต์ใหญ่ของแดนปลาดิบ โดย Japanese Grand Prix เริ่มแข่ง Formula 1 อย่างเป็นทางการครั้งแรกตั้งแต่ปี 1987 ยาวไปจนถึงปี 2006 ก่อนจะหยุดพักไป 2 ปี แล้วก็กลับมาแข่งอีกรอบในปี 2009 – 2019 จากนั้นก็หยุดอีกครั้งในช่วงโรคโควิด-19 เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นปิดประเทศ เพื่อลดการระบาดแบบจริงจัง และเพิ่งกลับมาอีกรอบในปีที่แล้ว


มาต่อกันที่ข้อมูลของสนาม Japanese Grand Prix กันบ้าง แทร็คนี้มีความยาวทั้งหมด 5.807 กิโลเมตร ทำการแข่งขันกันทั้งหมด 53 รอบ เป็นเซอร์กิตที่มีทางตรงยาวแค่ช่วงเดียว และเต็มไปด้วยโค้งที่มีมากถึง 18 โค้ง โดยโค้งยากเริ่มตั้งแต่โค้งเหมือนตัวงูตั้งแต่โค้ง 3 ถึง 7 เรียกว่า ‘S’ Curves จากนั้นก็ไปยากอีกทีตรงโค้ง 11 ที่เป็นเหมือนโค้งหักศอก เรียกว่า ‘Hairpin’ และช่วงสุดท้ายคือ Chicanes ที่เรียกว่า ‘Casio Triangle’ บริเวณโค้ง 16 ต่อเนื่อง 17 ส่วนโซนทางตรงยาวที่สามารถเปิดปีกท้ายเพื่อเพิ่มความเร็ว หรือ DRS ได้มีแค่โซนเดียว คือทางตรงยาวช่วงแรกที่เราบอก คือ หลังออกโค้ง 18 ยาวผ่านเส้นชัยและจุดสตาร์ท ไปจนถึงก่อนเข้าโค้ง 1
สำหรับ Starting Grid สนามนี้ Max Verstappen นักขับแชมป์โลกกลับมาคว้าตำแหน่ง Pole Position ได้สำเร็จ หลังจากที่เรซที่แล้วออกสตาร์ทในอันดับ 11 ส่วนอันดับที่ 2 กับ 3 ต้องบอกว่าทีม McLaren ทำได้ดีมากๆ เพราะทั้ง Oscar Piastri และ Lando Norris ได้อยู่หัวแถวด้วยกันทั้งคู่ ในขณะที่ทางฝั่งของ Ferrari อย่าง Carlos Sainz ที่ได้ออกสตาร์ทอันดับ 1 ที่สิงคโปร์ สนามนี้อยู่อันดับที่ 6 ส่วน Charles Leclerc เพื่อนร่วมทีมได้อันดับ 4 ต่อด้วยทางฝั่งของ Mercedes อย่าง Lewis Hamilton และ George Russell ออกสตาร์ทในอันดับ 7 กับ 8 ตามลำดับ นอกจากนี้อันดับอื่นๆ ที่น่าสนใจก็มี ‘Checo’ Sergio Perez อันดับ 5, Fernando Alonso ของ Aston Martin อันดับ 10 และ Alexnder Albon นักแข่งชาวไทย ออกสตาร์ทอันดับที่ 13


มาต่อที่ช่วงของการแข่งขัน Japanese Grand Prix ที่ออกสตาร์ทยังไม่ถึง 10 วินาที ก็มีการชนกันเกิดขึ้นแล้ว โดยผู้โชคร้ายก็คือ Alexander Albon จากทีม Williams Racing ที่โดนชนจากการที่ Valtteri Bottas ของทีม Alfa Romeo โดนรถของ Alpine เบียดมาทำให้ไปชนกับ Albon เข้าอย่างจัง จนถึงขั้นรถฝั่งขวาลอย รถเสียหายค่อนข้างเยอะ สุดท้ายต้องรีไทร์ออกจากการแข่งขันในรอบที่ 26 นอกจากนี้ก็ยังมีจังหวะชนกันอีก 2 ช็อตใหญ่ๆ โดยช็อตแรกอยู่ในรอบที่ 5 ที่เป็นทาง Logan Sargeant มีปัญหาล้อล็อกจนไถลไปชน Valtteri Bottas ลอยเคว้งรถหมุนไป 1 รอบ แล้วก็ทำให้ทั้งสองคนต้องรีไทร์เอารถไปนอนอู่ทั้งคู่ ต่อด้วยในรอบที่ 12 ที่ต้องบอกว่าทาง Sergio Perez ขับจังหวะนี้ได้น่าผิดหวังมาก เพราะเขาพยายามจะแซง Kevin Magnussen ด้วยการเข้าไลน์ใน แต่พื้นที่ไม่มากพอ เลยไปปะทะกับล้อหลังฝั่งซ้ายของคู่แข่งแทน จนเขาต้องเข้าไปเปลี่ยนปีกหน้าใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดต้องออกจากการแข่งในรอบที่ 15 (แต่ช่วงท้ายเขาออกมาวิ่งอีกครั้ง เพื่อรับโทษในจังหวะดังกล่าว) และนอกจาก 4 คันที่บอกไป ก็มีฝั่ง Lance Stroll ของ Aston Martin ที่ต้องออกจากการแข่งขันอีกคน เนื่องจากปีกท้ายมีปัญหา
สำหรับการแข่งขันในเรซนี้ต้องบอกว่าทางทีม Mercedes เหมือนจะมีปัญหาไม่เข้าใจกันระหว่างนักแข่งทั้ง 2 คนให้เห็นค่อนข้างเยอะ เริ่มจากในรอบที่ 16 ที่ทั้งสองคนตีคู่กันมา แต่เป็นทางแชมป์โลก 7 สมัย ที่ไม่เปิดทางเข้าโค้ง แล้วเหมือนไปบีบให้ทางฝั่งรุ่นน้องหลุดออกจากสนาม จนถึงขั้นที่ George Russell บ่นออกทางวิทยุว่า “พวกเราต้องสู้กับใครที่นี่ คันอื่น หรือ พวกเดียวกันเอง?” ต่อด้วยในรอบที่ 49 ที่ทางทีมวิทยุมาบอก Russell ว่าฝั่ง Hamilton ที่อยู่ข้างหลังเขาทำเวลาได้ดีกว่า แล้วอยากให้มีการสลับตำแหน่ง แต่ Russell ก็ตอบกลับไปว่าจะให้แซงในรอบสุดท้าย เพื่อจะรักษาระยะห่างจาก Carlos Sainz ที่ตามหลังรุ่นพี่ในทีมไว้ก่อน เพื่อสุดท้ายทีมจะได้เสียแค่อันดับเดียว แล้วจบอันดับ 5-6 ทั้งสองคัน แต่ทีมยืนกรานว่ามันเป็นแผนที่เราต้องทำ ให้สลับทันที จนสุดท้ายเขาก็ยอมให้ Hamilton แซงขึ้นไป และในที่สุดเขาก็มาโดน Sainz แซงจริงๆ ในรอบที่ 50 ทำให้จบเรซด้วยอันดับที่ 7


ในส่วนของทีมที่ทำได้ดีมากๆ ในเรซนี้อีกทีมต้องยกให้ McLaren ที่นอกจากพวกเขาจะมีรถที่ดีขึ้นมากๆ ในช่วงหลัง การขับของนักแข่งทั้งสองคนก็ทำได้ดีมากทั้งคู่ มีช็อตแซงสวยๆ ให้เห็นอย่างในรอบที่ 38 Lando Norris ได้โอกาสจี้ติด George Russell บริเวณทางตรงยาวเส้นชัย และเปิด DRS ออกไลน์ขวา แซงขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ได้ ต่อเนื่องในรอบที่ 42 กับ Oscar Piastri ที่จี้ท้ายฝั่ง Russell เหมือนกัน แล้วเปิด DRS ออกไลน์นอก แซงขึ้นไปได้บริเวณช่วงเข้าโค้ง 1 ขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ได้ โดยก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมทีมเขาขึ้นไปอยู่อันดับ 2 แล้วเรียบร้อย จากนั้นตรงโค้งเดิม นักแข่งคนเดิมอย่าง Russell ก็มาโดน Charles Leclerc ออกไลน์นอก แซงเขาไปได้อีกคันในรอบที่ 45


สำหรับผู้ชนะเรซนี้ก็กลับมาเป็น Max Verstappen แชมป์โลกคนล่าสุดที่แก้ตัวจากเรซก่อนหน้า วิ่งเข้าไปรับธงตราหมากรุกเป็นคันแรก คว้าชัยสนามนี้เป็นหนที่ 2 ติดต่อกัน บวกกับทำ Fastest Lap ได้ในรอบที่ 39 ด้วยเวลา 1:34.183 โดยชัยชนะสนามนี้สำคัญตรงที่มันส่งผลให้ Red Bull Racing คว้าแชมป์ผู้ผลิตในปีนี้ทันที ทำให้ทีมเป็นแชมป์สมัยที่ 6 แล้ว และเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่าปีนี้ทีมกระทิงจากออสเตรียยังทำผลงานได้ดีเหมือนนเคย ในขณะที่อันดับ 2 และ 3 ก็ต้องยินดีกับ McLaren เพราะ Lando Norris กับ Oscar Piastri เรียงหน้ากันมาเข้าเส้นชัย ขึ้นไปยืนบนโพเดียมด้วยกันทั้งคู่
ส่วนผลการแข่งขันของนักขับคนอื่นๆ ใน Japanese Grand Prix รวมถึงอันดับคะแนนสะสมล่าสุดของนักแข่งและทีมผู้ผลิต จะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามด้านล่างนี้ได้เลยครับ


ผลการแข่งขัน Italian Grand Prix
- Max Verstappen (Red Bull Racing)
- Lando Norris (McLaren)
- Oscar Piastri (McLaren)
- Charles Leclerc (Ferrari)
- Lewis Hamilton (Mercedes)
- Carlos Sainz (Ferrari)
- George Russell (Mercedes)
- Fernando Alonso (Aston Martin)
- Esteban Ocon (Alpine)
- Pierre Gasly (Alpine)
- Liam Lawson (AlphaTauri)
- Yuki Tsunoda (AlphaTauri)
- Zhou Guanyu (Alfa Romeo)
- Nico Hulkenberg (Haas F1 Team)
- Kevin Magnussen (Haas F1 Team)
ไม่จบการแข่งขัน: Sergio Perez (Red Bull Racing), Alexander Albon (Williams), Valtteri Bottas (Alfa Romeo), Logan Sargeant (Williams), Lance Stroll (Aston Martin)
5 อันดับคะแนนสะสมนักแข่ง
- Max Verstappen 400 คะแนน
- Sergio Perez 223 คะแนน
- Lewis Hamilton 190 คะแนน
- Fernando Alonso 174 คะแนน
- Carlos Sainz 150 คะแนน
อันดับคะแนนสะสมทีมผู้ผลิต
- Red Bull Racing 623 คะแนน
- Mercedes 305 คะแนน
- Ferrari 285 คะแนน
- Aston Martin 221 คะแนน
- McLaren 172 คะแนน
- Alpine 84 คะแนน
- Williams 21 คะแนน
- Haas F1 Team 12 คะแนน
- Alfa Romeo 10 คะแนน
- AlphaTauri 5 คะแนน