พูดไปใครจะเชื่อว่าการที่นาโปลีต้องเสีย คาลิดู คูลิบาลี่ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักที่รับใช้ทีมมาอย่างยาวนานไป แล้วได้ คิม มิน-แจ กองหลังคนใหม่ชาวเกาหลีใต้ที่แฟนบอลแทบจะไม่รู้จักมาแทนที่ จะทำให้พวกเขาก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ
คิม มิน-แจ ย้ายจาก เฟร์เนบาเช่ บิ๊กทีมของลีกตุรกี มาร่วมทัพ ‘อัซซูร่า’ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 18 ล้านยูโร เพื่อมาทดแทนการจากไปของ คาลิดู คูลิบาลี่ กองหลังตัวหลักชาวเซเนกัลที่อยู่รับใช้ทีมมา 8 ปี ที่ย้ายไปร่วมทีม ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ เชลซี แรกๆ แฟนบอลก็พากันตั้งคำถามว่าทำไมถึงไปเอากองหลังร่างยักษ์รายนี้มาร่วมทีม มาแล้วจะช่วยทีมได้จริงหรือเปล่า หรืออย่างดีก็เป็นได้แค่ตัวเลือกในม้านั่งสำรอง แต่สุดท้าย คิม มิน-แจ ก็ตอบทุกอย่างด้วยผลงานกับการเป็นตัวหลักที่ทีมขาดไม่ได้ ลงเล่นตัวจริง 90 นาทีแทบทุกนัด เป็นคีย์แมนคนสำคัญของแชมป์สคูเด็ตโต้ที่นาโปลีรอคอยมา 33 ปีเส้นทางชีวิตของ คิม มิน-แจ ปราการหลังเลือดโสมขาวรายนี้ เริ่มต้นอย่างไร กว่าจะมีทุกวันนี้ได้ ติดตามไปพร้อมกันกับ SPACEBAR
เด็กเลือดนักสู้ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์
คิม มิน-แจ เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 1996 ณ เมืองชายฝั่งทงยอง ในจังหวัดคยองซังใต้ ประเทศเกาหลีใต้ เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีพ่อและแม่เป็นอดีตนักกีฬาทั้งคู่ ในขณะที่พี่ชายคนเดียวของเขาก็เป็นผู้รักษาประตูให้กับทีมฟุตบอลระดับมหาลัย โดยจุดเริ่มต้นของความเป็นเลือดนักสู้ของเขาเกิดตั้งแต่ในวัยเด็ก มิน-แจ เป็นเด็กที่ชอบมีเรื่องชกต่อยกับเด็กที่โตกว่า ซึ่งตรงข้ามกับพี่ชายของเขาที่มีนิสัยอ่อนโยน แม้จะถูกเพื่อนที่โรงเรียนรังแกก็ไม่เคยคิดจะแก้แค้น แต่ไม่ใช่กับน้องชายของเขา
“หลายครั้งที่ผมได้ยินว่าพี่ชายของผมโดนรังแก ผมก็จะตามไปดูพี่เสมอ” คิม มิน-แจ เล่าเรื่องราวเลือดร้อนของเขาในวัยเด็ก
“มีอยู่วันหนึ่ง ผมขึ้นไปห้องเรียนของพี่ชายที่โตกว่าหนึ่งปี และเห็นว่ามีคนแกล้งพี่ชายผมอยู่ ผมก็เลยซัดคนแกล้งพี่ไปทีนึง และก็ใส่หนักขึ้น เพราะคนที่โดนแกล้งเป็นพี่ชายของผม” คิม มิน-แจ บอกเพิ่ม
คิม มิน-แจ สู้ไม่เคยแพ้ผู้ชายที่โตกว่าเขา 2-3 ปีเลย นั่นเลยทำให้เขาทำตามคำแนะนำของผู้เป็นลุงที่บอกว่า เขาควรจะเอาพรสวรรค์ในการต่อสู้กับความก้าวร้าวไปสู่วงการฟุตบอล และเด็กหนุ่มชาวกิมจิก็เอาทั้งหมดนั้นใส่ลงไปในการเล่นกองหลังบนเกมฟุตบอลที่สวยงามจนถึงทุกวันนี้
“มีอยู่วันหนึ่ง ผมขึ้นไปห้องเรียนของพี่ชายที่โตกว่าหนึ่งปี และเห็นว่ามีคนแกล้งพี่ชายผมอยู่ ผมก็เลยซัดคนแกล้งพี่ไปทีนึง และก็ใส่หนักขึ้น เพราะคนที่โดนแกล้งเป็นพี่ชายของผม” คิม มิน-แจ บอกเพิ่ม
คิม มิน-แจ สู้ไม่เคยแพ้ผู้ชายที่โตกว่าเขา 2-3 ปีเลย นั่นเลยทำให้เขาทำตามคำแนะนำของผู้เป็นลุงที่บอกว่า เขาควรจะเอาพรสวรรค์ในการต่อสู้กับความก้าวร้าวไปสู่วงการฟุตบอล และเด็กหนุ่มชาวกิมจิก็เอาทั้งหมดนั้นใส่ลงไปในการเล่นกองหลังบนเกมฟุตบอลที่สวยงามจนถึงทุกวันนี้

ถึงแม้ว่าพ่อและแม่ของเขาจะปลุกจิตวิญญาณให้สองพี่น้องเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนก็ยุ่งจากการทำงานในร้านอาหารซาชิมิเล็กๆ ธุรกิจครอบครัวที่คอยเลี้ยงดูพวกเขามาตลอด แต่ก็นับว่ายังโชคดีที่ทั้งคู่ได้ลุง (ที่มีอายุเพียงแค่ 14 ปี) คอยตระเวนพาคิม มิน-แจ และพี่ชายของเขาไปเล่นฟุตบอลหลังเลิกเรียนตามศูนย์ฝึกฟุตบอลหลายแห่งในเมืองทงยอง ทำให้มิน-แจ ในวัยประถมติดตามผู้เป็นลุงไปทุกที่ และลุงคนนี้ยังมีอิทธิพลอย่างมากในอาชีพนักฟุตบอลของเขา เพราะเขาได้ทำหน้าที่โค้ชคอยช่วยฝึกสอนหลานชายทั้ง 2 คนด้วย
ความสามารถในกีฬาฟุตบอลของคิม มิน-แจ นั้นว่ากันว่าได้พื้นฐานมาจากผู้เป็นพ่อและแม่ โดยพ่อของเขาเคยเป็นนักกีฬายูโด ในขณะที่แม่เคยเป็นนักกรีฑา ปราการหลังเลือดกิมจิเคยบอกว่าเขาได้ความแข็งแรงมาจากพ่อ ส่วนความเร็วเขาได้รับมาจากแม่เต็มๆ และถ้ามองย้อนกลับไปพ่อกับแม่ของเขาก็มีส่วนร่วมกับเส้นทางอาชีพนักเตะของเขาอยู่ไม่น้อย ซึ่งที่บ้านของเขาไม่เคยลังเลที่จะปิดร้านอาหารเพื่อตามไปดูเขาลงแข่งในช่วงสุดสัปดาห์เลย แต่ทุกครั้งที่ปิดร้านพวกเขาก็จะให้เบอร์โทรกับบรรดาลูกค้าประจำเพื่อโทรมาเช็คก่อนตลอด เพราะนี่คือรายได้หลักของครอบครัวคิมเสมอมา จนถึงวันนี้บ้านของเขาก็ยังคงเปิดร้านอาหารแห่งนี้อยู่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ลูกชายกลายเป็นสตาร์ที่โด่งดังในวงการฟุตบอลไปเรียบร้อยแล้ว
เขามีบทบาทสำคัญอย่างมากในเกมรับของทีมมหาวิทยาลัย ด้วยจุดเด่นในการเอาชนะคู่ต่อสู้ในการเล่นลูกกลางอากาศ ทำให้เขาได้รางวัลจากการแข่งขัน Spring Federation Game ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ปีสอง นั่นทำให้เขาเริ่มได้รับความสนใจจากแมวมองฟุตบอลทั่วประเทศ จนได้รับการทาบทามครั้งสำคัญ และก็เป็นเหตุผลมากพอที่มิน-แจ เลือกที่จะทิ้งการเรียนแล้วเดินตามความฝันของตัวอย่างจริงจัง แม้ว่าจะถูกทางมหาวิทยาลัยรั้งไว้ เขาก็ตัดสินใจเด็ดขาดจนถึงขั้นทะเลาะกับผู้บริหารของสถาบัน
ความสามารถในกีฬาฟุตบอลของคิม มิน-แจ นั้นว่ากันว่าได้พื้นฐานมาจากผู้เป็นพ่อและแม่ โดยพ่อของเขาเคยเป็นนักกีฬายูโด ในขณะที่แม่เคยเป็นนักกรีฑา ปราการหลังเลือดกิมจิเคยบอกว่าเขาได้ความแข็งแรงมาจากพ่อ ส่วนความเร็วเขาได้รับมาจากแม่เต็มๆ และถ้ามองย้อนกลับไปพ่อกับแม่ของเขาก็มีส่วนร่วมกับเส้นทางอาชีพนักเตะของเขาอยู่ไม่น้อย ซึ่งที่บ้านของเขาไม่เคยลังเลที่จะปิดร้านอาหารเพื่อตามไปดูเขาลงแข่งในช่วงสุดสัปดาห์เลย แต่ทุกครั้งที่ปิดร้านพวกเขาก็จะให้เบอร์โทรกับบรรดาลูกค้าประจำเพื่อโทรมาเช็คก่อนตลอด เพราะนี่คือรายได้หลักของครอบครัวคิมเสมอมา จนถึงวันนี้บ้านของเขาก็ยังคงเปิดร้านอาหารแห่งนี้อยู่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ลูกชายกลายเป็นสตาร์ที่โด่งดังในวงการฟุตบอลไปเรียบร้อยแล้ว
เลือกพักการเรียนเพื่อเดินตามความฝันของตัวเอง
อย่างที่บอกไปว่า คิม มิน-แจ ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่รักในวิชาการเท่าไหร่ บางครั้งหากโรงเรียนที่เขาเรียนอยู่ตัดสินใจยุบทีมฟุตบอลลงแบบกะทันหัน เขาก็ไม่ลังเลที่จะย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่นที่สนับสนุนการเล่นฟุตบอลทันที นอกจากนี้ในช่วงที่เขาลงแข่งฟุตบอลระดับมัธยม เจ้าตัวยังเคยได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมด้วย และเมื่อจบมัธยม เขาก็เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยยอนเซ ที่ๆ เขายังคงเป็นคนดังในวงการฟุตบอลเหมือนกับตอนสมัยมัธยมเขามีบทบาทสำคัญอย่างมากในเกมรับของทีมมหาวิทยาลัย ด้วยจุดเด่นในการเอาชนะคู่ต่อสู้ในการเล่นลูกกลางอากาศ ทำให้เขาได้รางวัลจากการแข่งขัน Spring Federation Game ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ปีสอง นั่นทำให้เขาเริ่มได้รับความสนใจจากแมวมองฟุตบอลทั่วประเทศ จนได้รับการทาบทามครั้งสำคัญ และก็เป็นเหตุผลมากพอที่มิน-แจ เลือกที่จะทิ้งการเรียนแล้วเดินตามความฝันของตัวอย่างจริงจัง แม้ว่าจะถูกทางมหาวิทยาลัยรั้งไว้ เขาก็ตัดสินใจเด็ดขาดจนถึงขั้นทะเลาะกับผู้บริหารของสถาบัน

หลังออกจากมหาวิทยาลัย คิม มิน-แจ ก็ได้เดบิวต์ในฐานะนักเตะอาชีพทันทีกับสโมสรคย็องจู เคเอ็ชเอ็นพี ใน เอ็นลีก หรือ เค 3 ลีก ลีกฟุตบอลระดับสามของประเทศเกาหลีใต้ และพาทีมเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศเพลย์ออฟเลื่อนชั้นสู่ เคลีก 2 แม้สุดท้ายต้นสังกัดในเวลานั้นของเขาจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่จากฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นก็ทำให้เจ้าตัวถูก ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส บิ๊กทีมประจำศึกเคลีก 1 คว้าตัวไปร่วมทีมในช่วงปลายปี 2016
มิน-แจ กลายเป็นกองหลักตัวหลักของทีมในทันที และยังโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนพาสโมสรคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาครองได้สำเร็จตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับทีมปีแรก แถมยังได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมในปีเดียวกัน พร้อมกับติดทีมยอดเยี่ยมถึง 2 ปีติดต่อกัน น่าเสียดายตรงที่เจ้าตัวควรจะได้ไปโลดแล่นในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย แต่ดันมาได้รับบาดเจ็บกระดูกน่องก่อน และหลังจากจบฟุตบอลโลก 2018 เขาก็เลือกย้ายไปหาความท้าทายใหม่ในลีกสูงสุดแดนมังกรกับ ปักกิ่ง กั๋วอัน
มิน-แจ กลายเป็นกองหลักตัวหลักของทีมในทันที และยังโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนพาสโมสรคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาครองได้สำเร็จตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับทีมปีแรก แถมยังได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมในปีเดียวกัน พร้อมกับติดทีมยอดเยี่ยมถึง 2 ปีติดต่อกัน น่าเสียดายตรงที่เจ้าตัวควรจะได้ไปโลดแล่นในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย แต่ดันมาได้รับบาดเจ็บกระดูกน่องก่อน และหลังจากจบฟุตบอลโลก 2018 เขาก็เลือกย้ายไปหาความท้าทายใหม่ในลีกสูงสุดแดนมังกรกับ ปักกิ่ง กั๋วอัน

หลังจากลงเล่นลีกสูงสุดในจีนได้ 2 ปี คิม มิน-แจ ก็มีข่าวลือว่าได้รับความสนใจจากท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่มี ซอน เฮือง-มิน แนวรุกเพื่อนร่วมชาติเล่นอยู่ แต่สุดท้ายดีลก็ไม่เกิดขึ้น ก่อนที่เขาจะตอบตกลงย้ายไปร่วมทีม เฟร์เนบาเช่ ยักษ์ใหญ่ลีกตุรกีแทน ซึ่งทำผลงานได้โดดเด่นเหมือนเคยด้วยการเป็นกองหลังที่เข้าสกัดได้มากที่สุดของทีม และติดทีมยอดเยี่ยมของลีก จนทำให้เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ปีที่แล้ว เขาจรดปากกาเซ็นสัญญาย้ายมาซบทัพ ‘อัซซูร่า’ นาโปลี ด้วยค่าตัว 18.05 ล้านยูโร ซึ่งก่อนออกจากเฟร์เนบาเช่ เจ้าตัวบอกกับแฟนบอลของทีมด้วยว่าสโมสรแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่บันไดของตัวเอง แต่เป็นส่วนสำคัญในเส้นทางอาชีพของเขา
พัฒนาไปอีกขั้นจนเฉิดฉายสุดๆ กับนาโปลี
หลังย้ายมาร่วมทีมดังของลีกสูงสุดอิตาลี นับเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของปราการหลังชาวเกาหลีใต้ จากค่าตัว 18.05 ล้านยูโร ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนค้างสูงสำหรับกองหลังต่างชาติ ทำให้ในวันที่ย้ายมา เขาโดนเสียงวิจารณ์จากแฟนบอลนาโปลีบางส่วนด้วยอย่างเช่น “ไม่มีแฟนบอลนาโปลีคนไหนแฮปปี้กับการเซ็นสัญญาในครั้งนี้ ออกมาพูดกันเยอะๆ เถอะพวกเรา” แถมในวันแรก คิม มิน-แจ ยังแนะนำตัวเองกับทีมด้วยการร้องและเต้นเพลง กังนัม สไตล์ ด้วย และแน่นอนว่าก็ไม่รอดสายตาแฟนบอลเช่นเคย “หวังว่าเขาจะเล่นฟุตบอลได้ดีกว่าการร้องเพลงและเต้นนะ”
แต่ตัดภาพมาตอนนี้เชื่อว่าแฟนบอลรายนั้นคงหมดข้อสงสัยทุกอย่างในตัวของ คิม มิน-แจ ไปแล้วเรียบร้อย เพราะจากผลงานสุดหรูในปีแรกของเขากับทัพ ‘อัซซูร่า’ ที่บอกเลยว่าคุ้มค่าเกินราคาที่ทีมจ่ายไป เป็นกองหลังตัวหลักของทีมตลอดซีซัน ลงเล่นให้นาโปลีไปแล้วทุกรายการ 48 นัด และยืนเป็นตัวจริง 90 นาที เกือบทุกเกม นับจำนวนนาทีก็เกิน 4,000 นาที เข้าไปแล้ว ส่วนสถิติเด่นอื่นๆ ของเขาก็มีทั้ง ค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดบอล 1.5 ครั้งต่อเกม, ค่าเฉลี่ยการตัดบอล 1.4 ครั้งต่อเกม, ค่าเฉลี่ยการเคลียร์บอล 3.4 ครั้งต่อเกม, ผ่านบอลสำเร็จ 90.2% ต่อเกม และ เรตติ้งเฉลี่ย 7.05 ต่อเกม
กองหลังโสมขาวรายนี้มีทักษะสำหรับเซ็นเตอร์แบ็คสมัยใหม่ครบถ้วน ทั้งร่างกายที่สูงใหญ่ แข็งแกร่ง ไม่มีปัญหาเรื่องลูกกลางอากาศ การเข้าปะทะที่ถึงลูกถึงคน การออกบอลยาวที่แม่นยำ สำคัญที่สุดคือความเร็ว ที่ทำให้เข้าได้เปรียบทั้งการพาบอลไปข้างหน้า และการกลับมาเล่นเกมป้องกันยามที่ทีมเป็นฝ่ายรับ ซึ่งในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่พบกับลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 7 กันยายน ปีที่แล้ว คิม มิน-แจ ได้แสดงให้โลกเห็นถึงระดับของเขา ด้วยการหยุดเกมรุกของทีม ‘หงส์แดง’ ที่มีทั้ง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่, ลุยซ์ ดิอาซ ได้อย่างหมดจด พาทีมถล่มลิเวอร์พูลราบคาบ 4-1
กองหลังโสมขาวรายนี้มีทักษะสำหรับเซ็นเตอร์แบ็คสมัยใหม่ครบถ้วน ทั้งร่างกายที่สูงใหญ่ แข็งแกร่ง ไม่มีปัญหาเรื่องลูกกลางอากาศ การเข้าปะทะที่ถึงลูกถึงคน การออกบอลยาวที่แม่นยำ สำคัญที่สุดคือความเร็ว ที่ทำให้เข้าได้เปรียบทั้งการพาบอลไปข้างหน้า และการกลับมาเล่นเกมป้องกันยามที่ทีมเป็นฝ่ายรับ ซึ่งในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่พบกับลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 7 กันยายน ปีที่แล้ว คิม มิน-แจ ได้แสดงให้โลกเห็นถึงระดับของเขา ด้วยการหยุดเกมรุกของทีม ‘หงส์แดง’ ที่มีทั้ง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่, ลุยซ์ ดิอาซ ได้อย่างหมดจด พาทีมถล่มลิเวอร์พูลราบคาบ 4-1

“ข้อเสนอของนาโปลีมาถึงมือผมเมื่อช่วงซัมเมอร์ ผมไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะตอบตกลง ตลอดเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ย้ายมาผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะดีขนาดนี้ ตอนนี้ทุกอย่างมันเกินที่ผมเคยจินตนาการไว้เยอะมาก” คิม มิน-แจ ให้สัมภาษณ์กับสื่ออิตาลี หลังจากย้ายมาร่วมทีมใหม่ได้ 3 เดือน
“เป้าหมายของพวกเราคือเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้นาโปลี ผมรู้ว่าเมืองนี้รอคอยแชมป์มานานกว่า 30 ปีแล้ว และผมมั่นใจว่าเราจะเป็นแชมป์สคูเด็ตโต้ได้ ถ้าเราเล่นได้แบบนี้ไปตลอดทั้งซีซัน” เขาพูดถึงเป้าหมายของตัวเองที่อยากทำได้กับทีม
นั่นคือสิ่งที่กองหลังวัย 25 ปี เคยพูดไว้ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมดังแห่งเมืองเนเปิลส์ใหม่ๆ ซึ่งวันนี้เขาพิสูจน์ตัวเองได้แบบที่เคยบอกแล้วเรียบร้อย นาโปลี คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ หรือ กัลโช่ เซเรีย อา ลีกสูงสุดของประเทศได้ในรอบ 33 ปี
คิม มิน-แจ ต่อสู้เพื่อพาตัวเองมาถึงวันนี้ ถ้าเขาจะบอกว่ามันเกินจินตนาการ เกินฝัน ก็คงไม่ผิดอะไร เพราะการทิ้งการเรียนเพื่อเข้าสู่เส้นทางสายฟุตบอล เพื่อมาสัมผัสกับความสำเร็จในตอนนี้ มันก็คือคำตอบของทุกคำถามที่หลายคนมีต่อตัวเขาไปหมดแล้ว และในอนาคตข้างหน้าเราอาจจะได้เห็นกองหลังเกาหลีใต้คนนี้ไปไกลกว่าเดิมก็ได้
“เป้าหมายของพวกเราคือเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้นาโปลี ผมรู้ว่าเมืองนี้รอคอยแชมป์มานานกว่า 30 ปีแล้ว และผมมั่นใจว่าเราจะเป็นแชมป์สคูเด็ตโต้ได้ ถ้าเราเล่นได้แบบนี้ไปตลอดทั้งซีซัน” เขาพูดถึงเป้าหมายของตัวเองที่อยากทำได้กับทีม
นั่นคือสิ่งที่กองหลังวัย 25 ปี เคยพูดไว้ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมดังแห่งเมืองเนเปิลส์ใหม่ๆ ซึ่งวันนี้เขาพิสูจน์ตัวเองได้แบบที่เคยบอกแล้วเรียบร้อย นาโปลี คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ หรือ กัลโช่ เซเรีย อา ลีกสูงสุดของประเทศได้ในรอบ 33 ปี
คิม มิน-แจ ต่อสู้เพื่อพาตัวเองมาถึงวันนี้ ถ้าเขาจะบอกว่ามันเกินจินตนาการ เกินฝัน ก็คงไม่ผิดอะไร เพราะการทิ้งการเรียนเพื่อเข้าสู่เส้นทางสายฟุตบอล เพื่อมาสัมผัสกับความสำเร็จในตอนนี้ มันก็คือคำตอบของทุกคำถามที่หลายคนมีต่อตัวเขาไปหมดแล้ว และในอนาคตข้างหน้าเราอาจจะได้เห็นกองหลังเกาหลีใต้คนนี้ไปไกลกว่าเดิมก็ได้