Photo Story: รวมช็อตเด็ด พร้อมรีวิวแต่ละคู่ในศึก WrestleMania Night 1

จบลงไปแล้วเรียบร้อยสำหรับศึกมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีอย่าง WrestleMania ทั้งสองคืน ซึ่งในครั้งที่ผ่านมาเป็นครั้งที่ 39 ยกพลไปจัดกันที่สนาม SoFi Stadium ในเมือง Inglewood รัฐ California ณ มหานคร Los Angeles ดินแดนแห่งฮอลลีวูด เลยมีแท็กไลน์ประจำปีนี้ว่า ‘WrestleMania Goes Hollywood’ โดยทั้งสองคืนมีคนดูรวมแล้วถึง 161,892 คน แบ่งเป็นคืนแรก 80,497 คน กับคืนที่สอง 81,395 คน ซึ่งมีแมตช์ดีๆ กับโมเมนต์น่าประทับใจมากมายที่เสิร์ฟสิ่งที่คนดูต้องการ และเช่นเดียวกันเมื่อมีแมตช์ที่ดี ก็ต้องมีแมตช์ที่ไม่ดี รวมไปถึงโมเมนต์แบบ ‘อิหยังวะ’ และการ ‘สเวิร์ฟ’ หรือหักมุมใส่คนดู อย่างในคู่เอกคืนที่ 2 ที่เป็นไฮไลท์ของ WrestleMania ในครั้งนี้ ที่ถึงแม้บางคนก็อาจจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่ก็ไม่วายรู้สึกเศร้าและเสียดายอยู่ดี 

ซึ่งทาง SPACEBAR ก็เพิ่งมีโอกาสดูจบไปแล้วเรียบร้อย ก็เลยจะแวะเอาภาพสวยๆ รวมถึงรีวิวตามที่ผมได้ดูมาฝากเผื่อคนที่พลาดไปไม่ได้ดู แต่ติดตามมวยปล้ำอยู่บ้าง และอยากทราบผลหรือรู้เรื่องราวของศึกมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี โดยวันนี้จะเป็นในส่วนของ Night 1 หรือ คืนแรกกันก่อน ถ้าเกิดชอบและผลตอบรับโอเค สัญญาว่าในอนาคตเราจะเขียนเรื่องมวยปล้ำจาก WWE รวมไปถึงค่ายอื่นๆ อย่าง AEW (All Elite Wresting), ROH (Ring of Honor) และ NJPW (New Japan Pro Wrestling) มาฝากทุกคนแน่นอน 

ส่วนวันนี้ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว ตามไปดูภาพช็อตเด็ดบางแมตช์ และ รีวิวศึก WrestleMania ‘WrestleMania Goes Hollywood’ Night 1 กันได้เลยครับ 

The Miz และ Snoop Dogg โฮสต์ของ WrestleMania 39 ออกมาพูดต้อนรับแฟนๆ เข้าสู่โชว์อย่างเป็นทางการ และไล่เลียงแมตช์การ์ดที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดในคืนแรก

Austin Theory vs. John Cena (U.S. Championship) 

แมตช์แรกเป็นการป้องกันแชมป์ US ระหว่าง Austin Theory แชมป์คนปัจจุบัน เจอกับ John Cena แชมป์โลก 16 สมัย ดาราดังแห่งฮอลลีวูดในปัจจุบัน ซึ่งตัว Theory มี Cena เป็นไอดอลต้นแบบของเขาในวัยเด็ก และในเนื้อเรื่องนี้ก็คือ Theory ต้องการจะพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าตอนนี้เขาเจ๋งกว่าไอดอลของเขาแล้ว เขาคือปัจจุบันของสมาคมแห่งนี้ ไม่ใช่อดีตอย่าง Cena 

เริ่มแมตช์มาโดยที่ทั้งสองคนพยายามทดสอบแลกเบสิคใส่กัน ผลัดกันล็อคไปมา ก่อนจะเป็นทาง Theory ที่เริ่มได้เปรียบขึ้นมาเหนือแชมป์โลก 16 สมัย ก่อนที่ในช่วงท้าย Cena จะพลิกกลับมาได้ใส่มูฟเซ็ตของเขาไล่ตั้งแต่ ไหล่กระแทก, จับฟาด และ Five Knuckle Shuffle แต่ไม่มีโอกาสได้ใส่ท่าไม้ตาย Attitude Adjustment และได้ใส่ท่าซับมิชชั่น STF แต่กรรมการโดนชนล้มไปเลยไม่เห็นช็อตที่ Theory ตบพื้นยอมแพ้ เลยทำให้แชมป์ US ฉวยโอกาสล้วงลูกใส่ Cena และใส่ท่าไม้ตาย A-Town Down กดนับสาม เอาชนะไอดอลในวัยเด็กของตัวเอง และป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ 

สำหรับตัวแมตช์ก็ค่อนข้างโอเค แต่ก็ยังมีมุมที่ธรรมดาไปนิดหน่อย ไม่ค่อยสมกับการเป็นแมตช์ใน WrestleMania เท่าไหร่ ซึ่งจากที่ดูในแมตช์นี้ตัว Cena เองก็มีสปีดการปล้ำที่ค่อนข้างช้ากว่าหลายๆ แมตช์ก่อนหน้าที่กลับมาปล้ำไปเยอะพอสมควรด้วย 

เรตติ้ง: 3 ดาว 

Men's WrestleMania Showcase Match 

แมตช์ที่สองเป็นแท็กทีม 4 ทีม ระหว่าง Ricochet และ Braun Strowman, The Viking Raiders, Alpha Academy และ The Street Profits ที่เหมือนเป็นแมตช์ที่เพิ่มเข้ามาสำหรับคนที่ไม่มีแมตช์ปล้ำใน WrestleMania มากกว่า โดยตัวแมตช์ก็เป็นแมตช์แท็กทีม 4 ทีมทั่วไป เริ่มแบบเนิบๆ ก่อนจะมีตะลุมบอลกันตามสูตร แต่ละทีมได้ผลัดกันใส่ท่าของตัวเอง ซึ่งไฮไลต์อยู่ที่ Chad Gable จาก Alpha Academy สามารถใส่ท่า German suplex ใส่ Braun Strowman ที่ตัวใหญ่กว่าเขาได้ด้วย  

ก่อนที่แมตช์จะจบลงด้วย Montez Ford กระโดดใส่ท่าไม้ตาย From the Heaven จากเชือกเส้นสามลงมา และ Angelo Dawkins กดนับสามให้ The Street Profits เป็นผู้ชนะไป  

เรตติ้ง: 3 ดาว

Logan Paul vs. Seth Rollins 

แมตช์ต่อมาเป็นการเจอกันของ Logan Paul สตาร์ในโลกโซเชียลมีเดีย กับ Seth Rollins ที่เปิดตัวมาแบบอลังการทั้งคู่ โดยฝั่ง Logan โหนสลิงลงมาจากด้านบน แถมยังมากับชุดที่ให้อารมณ์ X-Men สุดๆ ส่วน Seth ก็มาในชุดแดง-ชมพูสุดหวาน เปิดตัวพร้อมกับวาทยากรที่ให้จังหวะเสียงร้องในเพลงเปิดตัวของเขา สำหรับเนื้อเรื่องของแมตช์นี้ก็คือ Seth Rollins มองว่าเวทีมวยปล้ำแห่งนี้ไม่ใช่ที่ของ Logan Paul ที่ไม่ได้เป็นนักมวยปล้ำอาชีพ ทำให้เกิดแมตช์นี้ขึ้นมา 

ในส่วนของแมตช์การปล้ำก็ถือว่าทำได้ดี เริ่มด้วยการผลัดกันล็อคก่อนที่ทางฝั่ง Seth จะคุมเกมได้เป็นส่วนใหญ่จากประสบการณ์ของเขา ส่วนทาง Logan ก็มีจังหวะสวนกลับบ้างและทำได้ค่อนข้างดี แถมยังมีพาร์ทเนอร์ธุรกิจของเขาอย่าง KSI ที่ใส่ชุดมาสค็อตเครื่องดื่ม Prime ของเขามาช่วยด้วย แต่สุดท้ายก็เป็นฝั่ง Seth ‘Freaking’ Rollins ที่ปิดท้ายด้วย Stomp กดนับสาม เอาชนะ Logan Paul ไปได้ตามคาด 

เรตติ้ง: 3.5 ดาว

Damage CTRL vs. Lita, Becky Lynch and Trish Stratus 

แมตช์ที่สี่เป็นแท็กทีม 6 คนของฝั่งหญิงระหว่าง Damage CTRL ที่มี Bayley, Iyo Sky และ Dakota Kai เจอกับสองตำนานอย่าง Trish Stratus และ Lita กับ ‘The Man’ Becky Lynch ซึ่งสองคนหลังเป็นแชมป์แท็กทีมหญิงทีมปัจจุบันด้วย โดยแมตช์เปิดมาด้วยกันตะลุมบอลกัน ก่อนที่จะเหลือ Becky โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวในเวที และโดน Damage CTRL รุมอัดอยู่นานกว่าจะไปแท็ก Lita ได้ หลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ผลัดกันสู้ไปมา มีช่วงที่ Becky และ Bayley ผลัดกันแลก ก่อนที่ทางฝั่ง ‘The Man’ จะจับ Bayley ใส่ Manhandle Slam จากเชือกเส้นสองลงมา กดนับสามชนะไป  

ซึ่งภาพรวมแมตช์ก็มีอะไรที่โดดเด่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ดีมาก เหมือนเป็นแมตช์เอาตำนานมาเรียกสป็อตในรายการให้แฟนๆ หายคิดถึงมากกว่า 

เรตติ้ง: 2.5 ดาว

Dominik Mysterio vs. Rey Mysterio 

แมตช์ต่อมาสำหรับผมถือเป็นหนึ่งในเส้นเนื้อเรื่องที่ปูบทเรื่องราวมาได้ดีมากๆ ระหว่างพ่อที่รักลูกสุดๆ อย่าง Rey Mysterio ที่เพิ่งเข้า Hall of Fame 2023 ไปหมาดๆ เจอกับลูกทรพี Dominik Mysterio ที่บอกในเส้นเรื่องมาตลอดว่า Rey คือพ่อที่แย่ เห็น WWE สำคัญกว่าเขาเสมอมา ทำให้เขาไปเจอครอบครัวใหม่ที่ดีกว่านั่นก็คือ The Judgement Day โดย Dominik ก็พยายามยั่วยุพ่อมาตลอด แต่ Rey ด้วยความรักลูกก็บอกตลอดเหมือนกันว่าจะไม่ยอมสู้กับลูกชายเด็ดขาด แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่เกิดแมตช์นี้ขึ้นมาก็คือ Dominik ไปต่อว่าแม่ของตัวเอง ทำให้ Rey ระเบิดเข้าไปต่อยหน้าลูกชายนิสัยเสีย และรับคำท้าเจอกันใน WrestleMania 

เริ่มแมตช์มาด้วยการเปิดตัวของ Dominik ที่มาในรถตำรวจออกมาเป็นผู้ต้องหา โดยเขาใส่หน้ากากเหมือนพ่อมาด้วย ส่วน Rey ก็เปิดตัวเท่ไม่แพ้ลูกชาย นั่งมาในรถ Low-rider ที่ขับโดย Snoop Dogg แถมเปิดตัวเข้าสนามด้วยเพลงของ Eddie Guerrero เพื่อนรักของเขา พอระฆังดังทั้งคู่ก็ปล้ำกันด้วยสปีดที่เร็วตามสไตล์ของทั้งคู่ ก่อนที่กลางแมตช์ Dominik จะลงไปแย่งแก้วน้ำจากน้องสาวแล้วสาดใส่หน้า ทำให้ Rey ต้องเข้าไปห้าม จนโดนลูกชายฉวยโอกาสอัดจากด้านหลัง 

หลังจากนั้น Damian Priest และ Finn Bálor จาก The Judgement Day ก็โผล่มาช่วย Dominik แต่ทางฝั่ง Rey ก็ได้ Legado del Fantasma ที่กลายเป็นกลุ่ม LWO ใหม่มาช่วยเหมือนกัน ซึ่งในช่วงท้ายแมตช์ผู้เป็นลูกชายก็จะใช้โซ่ฉวยโอกาสตีพ่อ แต่โดนทาง Bad Bunny แร็ปเปอร์ชื่อดังที่มานั่งเป็นทีมผู้บรรยายภาษาสเปนในแมตช์นี้มาแย่งโซ่ไป จนโดน Rey ใส่ 619 กดนับสาม สั่งสอนลูกไม่รักดีไปในที่สุด ซึ่งแมตช์นี้นับว่าเป็นแมตช์เดี่ยวที่ดีที่สุดของ Dominik Mysterio  ด้วย 

เรตติ้ง: 3.5 ดาว

Charlotte Flair vs. Rhea Ripley (SmackDown Women's Championship) 

มาถึงแมตช์รองคู่เอกที่เป็นการชิงแชมป์หญิงของ SmackDown ระหว่าง Charlotte Flair แชมป์คนปัจจุบัน กับ Rhea Ripley ผู้ท้าชิง ที่มีปมในเนื้อเรื่องว่าเธอไม่เคยก้าวข้ามผ่าน ‘The Queen’ Charlotte Flair ลูกสาวของ ‘The Nature Boy’ Ric Flair ได้สักที หลังจากที่เมื่อสามปีก่อน Charlotte มากระชากแชมป์หญิง NXT ไปจากเธอได้ใน WrestleMania นี่แหละ นั่นเลยทำให้ Rhea มีแรงกระตุ้นมากเป็นพิเศษที่อยากจะเอาชนะ Charlotte ให้ได้ในครั้งนี้ 

เริ่มแมตช์มาด้วยการดูเชิงของทั้งสองคน ล็อกกันช้าๆ วัดใจกันไปมา แต่พอได้จังหวะปะทะกันแล้วแมตช์ก็เร็วขึ้นทันที ทั้งสองผลัดกันอัดแลก โดย Charlotte ได้โอกาสตบอก และอัดที่ขาของ Rhea เพื่อจะหาโอกาสใส่ Figure Eight และถึงแม้ทั้งคู่จะผลัดกันใส่ท่าไม้ตาย แต่ด้วยการที่บุ๊คกิ้งคาแรคเตอร์ให้ทั้งสองคนเป็นผู้หญิงที่แกร่งสุดในค่าย เลยทำให้ยังผลัดกันทนได้ กดได้แค่ 2 ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น Rhea Ripley ที่ได้จังหวะใส่ท่าไม้ตาย Riptide จากเชือกเส้นสอง กดนับ 3 คว้าแชมป์หญิง SmackDown มาจาก Charlotte Flair ก้าวข้ามปมของตัวเองได้สำเร็จ 

เอาจริงๆ แมตช์นี้ปล้ำกันมันมาก มันในระดับที่ให้เป็นคู่เอกยังได้ ตัวแมตช์ค่อยๆ ไต่ระดับสปีดและทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และจบได้อย่างสวยงามกับการที่ Rhea Ripley ได้แชมป์ ทำให้คนดูแฮปปี้มากๆ 

เรตติ้ง: 4.5 ดาว

The Miz vs. Pat McAfee 

มาถึงแมตช์ที่ไม่รู้จะมีทำไมที่เอามาคั่นคู่เอกซะเฉยๆ ระหว่าง The Miz ที่ออกมาโม้กับ Snoop Dogg ว่าเขาเก่งจนไม่มีใครอยากเจอ จนเป็นทาง Pat McAfee อดีตผู้บรรยายของ WWE ออกมา และ Snoop Dogg ประกาศให้แมตช์นี้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยสปอตของแมตช์นี้ก็มีแค่ The Miz ไปหาเรื่อง George Kittle จนสตาร์ของทีมอเมริกันฟุตบอล San Francisco 49ers ออกมาผลัก The Miz และจบแมตช์ด้วยการที่ Pat วิ่งเตะฟิลด์โกลใส่ The Miz ชนะไป  

สิ่งดีที่สุดสองอย่างของแมตช์นี้คือการตีลังกากลับหลังของ Pat McAfee และ การที่เปิดโอกาสให้คนดูออกไปเข้าห้องน้ำและซื้อเบียร์ ก่อนจะเข้ามาเอ็นจอยกับคู่เอก 

เรตติ้ง: 2 ดาว

The Usos vs. Sami Zayn and Kevin Owens (WWE Undisputed Tag Team Championships) 

มาถึงคู่เอกของ WrestleMania Night 1 ที่เป็นการชิงแชมป์แท็กทีมของสมาคมระหว่าง The Usos จาก Bloodline เจอกับ Sami Zayn and Kevin Owens ที่ปูบทกันมาอย่างยาวนานและเข้มข้น ตั้งแต่ที่ Zayn เลือก Bloodline มากกว่า Owens ที่เป็นเพื่อนของเขา ทั้งที่เพื่อนเตือนมาเสมอว่าเขาไม่ใช่สายเลือดของพวกนั้น ยังไงวันหนึ่งก็หมดประโยชน์และโดนเฉดหัวทิ้งอยู่ดี แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะตัวเขาก็แตกหักกับ Bloodline ในที่สุด ซึ่ง Zayn ก็โดนอัดอยู่นาน จนสุดท้ายคนที่คอยอยู่เคียงข้างเขามาเสมอก็คือ Kevin Owens ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการมวยปล้ำ เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่น้อง ทำให้เกิดแมตช์ Brother Vs. Brother ชิงแชมป์แท็กทีมนี้ขึ้นมาใน WrestleMania 

เริ่มแมตช์มาก็เห็นความประทับใจแล้วจากชุดปล้ำของ Sami Zayn และ Kevin Owens ที่มีโลโก้ค่าย PWG (Pro Wrestling Guerrilla) ค่ายมวยปล้ำที่ให้โอกาสทั้งคู่มีทุกวันนี้ได้ ตัวแมตช์เริ่มด้วยการแลกเปลี่ยนท่าและโต้กลับกันไปมาง่ายๆ ก่อนที่ Zayn จะซัดกับ Jey Usos คนที่เขาเคยไว้ใจมากที่สุดใน Bloodline แต่สุดท้ายก็เป็น Usos ที่คุมความได้เปรียบในแมตช์ได้ ไล่อัดสองเพื่อนรักจนคนดูเริ่มรู้สึกท้อปนสงสาร และไม่เห็นวี่แววจะชนะ ยิ่งทางตอนที่ Jimmy และ Jey จับ Owens ฟาดกับโต๊ะผู้บรรยาย และจับ Zayn ใส่ท่าไม้ตาย 1D ได้ แต่ไม่ครับ Zayn ยังทนได้ และเป็นคนแรกที่ทนท่าไม้ตาย 1D ได้ด้วย เรียกเสียงเฮจากแฟนๆ ได้ทั้งสนาม  

หลังจากนั้น Jey ก็ใส่ท่า Helluva Kick ท่าไม้ตายของ Zayn ใส่เจ้าของท่า แต่ Zayn ก็พลิกกลับมาใส่ Exploder Suplex ใส่ Jey ได้ พลิกโมเมนตั้มกลับมาพอดีเมื่อ Kevin Owens ฟื้นตัวมาและแท็กเข้ามาใช้ Pop-up Powerbomb ใส่สองพี่น้องฝาแฝด ก่อนที่ทั้งสองทีมจะผลัดกันแลกกันอยู่อีกพัก แต่สุดท้ายก็เป็น Sami Zayn ที่แท็กเข้ามา Helluva Kick ใส่โจทย์อย่าง Jey Usos ไปสามรอบ กดนับสาม กลายเป็นแชมป์แท็กทีมใหม่ได้จนได้ 

บอกเลยว่าแมตช์นี้เป็นแมตช์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ ทั้งในแง่ของความมันและสตอรี่การเล่าเรื่องที่จบแบบปิดฉากเส้นเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์ คนดูต่างแฮปปี้กับการบุ๊คกิ้งที่ดีมากของเรื่องราวนี้ สองเพื่อนรักกอดกัน ยินดีกันด้วยน้ำตาแห่งความภูมิใจในความสำเร็จของพวกเขา คว้าแชมป์แท็กทีมสมัยแรกร่วมกันใน WWE ได้สักที ปิดฉาก WrestleMania 39 Night 1 ได้อย่างงดงาม 

เรตติ้ง: 5 ดาว