หลังจากที่เมื่อวานนี้ SPACEBAR ได้เอาภาพช็อตเด็ด รวมถึงรีวิวของแต่ละคู่ในศึกมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีของ WWE อย่าง WrestleMania คืนแรกกันไปแล้ว ซึ่งต้องบอกว่านานแล้วที่เราไม่ได้ดูโชว์มวยปล้ำระดับคุณภาพเยี่ยมที่สนุกครบแทบทุกองค์ประกอบจาก WWE ตั้งแต่แมตช์การปล้ำที่ส่วนใหญ่สนุก เช่นเดียวกันกับการบุ๊คกิ้งในสิ่งที่คนดูรอคอยที่จะเห็นและต้องการมาตลอด
และก็เดินทางมาคืนที่ 2 แล้วสำหรับภาพสวยๆ และการรีวิวของ WrestleMania Night 2 ณ สนาม SoFi Stadium ที่เราจะเอามาฝากทุกคนกัน อย่างที่เราเคยเกริ่นตั้งแต่รีวิววันแรกแล้วด้วยว่าคู่เอกคืนที่ 2 ที่เป็นไฮไลท์ของ WrestleMania ในครั้งนี้ มีการสเวิร์ฟเกิดขึ้น แต่จะเป็นยังไง ถ้าพร้อมแล้ว ติดตามไล่เรียงไปตั้งแต่คู่แรกจนถึงคู่เอกได้เลยครับ
และก็เดินทางมาคืนที่ 2 แล้วสำหรับภาพสวยๆ และการรีวิวของ WrestleMania Night 2 ณ สนาม SoFi Stadium ที่เราจะเอามาฝากทุกคนกัน อย่างที่เราเคยเกริ่นตั้งแต่รีวิววันแรกแล้วด้วยว่าคู่เอกคืนที่ 2 ที่เป็นไฮไลท์ของ WrestleMania ในครั้งนี้ มีการสเวิร์ฟเกิดขึ้น แต่จะเป็นยังไง ถ้าพร้อมแล้ว ติดตามไล่เรียงไปตั้งแต่คู่แรกจนถึงคู่เอกได้เลยครับ



Brock Lesnar vs. Omos
หลังจากเปิดรายการด้วยโฮสต์ทั้งสองคนของ WrestleMania อย่าง The Miz และ Snoop Dogg ก็ถึงเวลาของแมตช์แรกกับการเจอกันของ ‘The Beast Incarnate’ Brock Lesnar กับ ‘The Nigerian Giant’ Omos และอย่างที่เราบอกไปว่าเมื่อมีแมตช์ที่ดีแล้วก็ต้องมีแมตช์ที่ไม่ดีเหมือนกัน สำหรับผมแล้วมันเริ่มตั้งแต่คู่เปิดรายการนี้เลยถ้าว่ากันจริงๆ แล้วแมตช์นี้น่าจะเกิดขึ้นจากความต้องการของ Vince McMahon เจ้าของสมาคมล้วนๆ เพราะในช่วงที่เขายังทำงานครีเอทีฟอยู่ เขาพยายามจะผลักดัน Omos มาตลอด เนื่องจากเขาชอบนักมวยปล้ำตัวใหญ่และคิดว่าเจ้ายักษ์ไนจีเรียนนี่แหละขายได้ แต่ถ้าว่ากันตามตรงแล้วคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยซื้อเท่าไหร่ว่าหมอนี้จะเก่งขึ้นได้ยังไง จากคาแรคเตอร์ที่แสนจะจืดชืด บวกกับการปล้ำที่มูฟเซ็ตมีอยู่ไม่เกิน 5 ท่า และก็เป็นตามนั้นคือ คนที่แบกแมตช์นี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Brock Lesnar นั่นเอง
เริ่มแมตช์มาก็เป็น Omos ที่ใช้ความใหญ่กว่าของตัวเองกุมความได้เปรียบ อัดไปที่หลังของ Brock เรื่อยๆ จับยกแล้วเหวี่ยงไป 1 ครั้ง ต่อด้วยจับ Slam อีก 3 ครั้ง กับ Bearhug ไปอีก 2 รอบ ก่อนจะ Chokeslam แบบฝืนๆ 1 ครั้ง แต่กดได้แค่ 2 และหลังจากนั้นก็คือจุดเปลี่ยนเมื่อ Omos จะวิ่งไปอัด Brock ที่มุม แต่ชนกับเสาเหล็ก เลยทำให้ Brock ได้พา Omos ไป ‘Suplex City’ จับใส่ German Suplex ไป 3 รอบ ก่อนจะพยายามยก F-5 ครั้งแรกแต่ไม่สำเร็จ เพราะเจ็บหลัง จน Omos มีโอกาสใส่ท้าไม่ตาย แต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายเลยเป็น Brock Lesnar ที่ยก Omos ขึ้นมาใส่ F-5 ได้สำเร็จ กดนับสามชนะไป
เรตติ้ง: 2.5 ดาว

Women's WrestleMania Showcase Match
คู่ที่สองของคืนที่สองเหมือนกับฝั่งชายในวันแรก คือเป็น Showcase แมตช์แท็กทีมหญิง 4 ทีม ที่เหมือนให้คนที่ไม่มีแมตช์ปล้ำได้เข้าร่วม WrestleMania เห็นได้ชัดมากๆ โดยเฉพาะ Chelsea Green ที่ตั้งแต่คัมแบ็คกลับ WWE มา เธอยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ได้ปล้ำใน WrestleMania เฉยเลย ส่วนสี่ทีมก็มี Raquel Rodriguez และ Liv Morgan, Natalya และ Shotzi, Chelsea Green และ Sonya Deville และปิดท้ายด้วย Ronda Rousey และ Shayna Baszlerแมตช์การปล้ำเริ่มด้วยสปีดที่รวดเร็วจากการเจอกันของ Liv Morgan กับ Sonya Deville ก่อนที่ทั้ง 4 ทีมจะผลัดกันสู้ ส่วนไฮไลท์เดียวของแมตช์นี้ที่เห็นก็คือ Natalya จับ Chelsea Green และ Sonya Deville ใส่ Sharpshooter สองคนพร้อมกัน แต่สุดท้ายแมตช์ก็จบแบบน่าเบื่อที่ Ronda และ Shayna โผล่มาแท็กหลังจากที่หายไปทั้งแมตช์ เข้ามาใส่ Armbar กับ Shotzi จนตบพื้นยอมแพ้ไป
ถ้านับแค่ 6 คนที่ไม่ใช่ผู้ชนะ ถือว่าพวกเธอทำได้ดี แต่การที่ทั้ง 3 ทีมนั้นไม่มีใครชนะเลย ผมก็ไม่เห็นประโยชน์เลยว่าแมตช์นี้จะส่งผลดีอะไรต่อบทบาทของใครในอนาคต
เรตติ้ง: 2.5 ดาว

Drew McIntyre Vs. Gunther Vs. Sheamus (Intercontinental Championship)
และก็มาถึงแมตช์ที่ดีแมตช์แรกของคืนที่ 2 ของศึก WrestleMania นั่นก็คือการชิงแชมป์ Intercontinental แบบสามเส้าระหว่างสองเพื่อนรักที่ต้องมาห้ำหั่นกันอย่าง Drew McIntyre กับ Sheamus เจอแชมป์คนปัจจุบันสุดแกร่งอย่าง Gunther และแมตช์นี้ก็ไม่ทำให้คนดูที่สนามรวมถึงผมผิดหวังเลยแม้แต่นิดเดียวเริ่มแมตช์มาทั้ง 3 คนก็สู้กันแบบเอาเป็นเอาตาย ตามสไตล์ของทุกคนที่เป็นนักมวยปล้ำสายอัดหนักอยู่แล้ว ทั้งตบทั้งทุบกันจนอกแดงเห็นเส้นเลือด นอกจากนี้ยังมีการเล่าเรื่องราวความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของ Drew และ Sheamus ก่อนที่ในช่วงท้ายแมตช์ที่เป็นการสู้กันของเพื่อน 2 คน ที่จบด้วย Sheamus ใช้ท่าไม้ตาย Brogue Kick ใส่ Drew ได้ และกำลังจะกดนับสาม แต่เป็น Gunther ที่โผล่มาโดด Frog Splash อัดทั้งคู่ ก่อนจะจับ Sheamus ใส่ Powebomb ลงมาทับ Drew และจับ Drew มา Powerbomb อีกรอบ กดนับสามป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ
ต้องบอกว่าเป็นแมตช์ที่มันมากๆ แมตช์หนึ่งใน WrestleMania ปีนี้ สามารถไปอยู่เป็นรองคู่เอกได้สบายๆ แอบเสียดายนิดนึงที่แชมป์ไม่เปลี่ยนมือ แต่การที่ Gunther ป้องกันแชมป์ได้ก็ไม่แปลกอะไร เพราะเขาถูกบุ๊คให้เป็นนักมวยปล้ำที่แข็งแกร่งมากๆ คนหนึ่งของค่ายอยู่แล้ว
เรตติ้ง: 4 ดาว


Bianca Belair vs. Asuka (Raw Women's Championship)
แมตช์ที่ 4 ของค่ำคืนที่ 2 ที่เป็นการชิงแชมป์หญิงของฝั่ง Raw ระหว่างผู้ท้าชิงจากญี่ปุ่นที่เพิ่งรีกิมมิคของตัวเองมาอย่าง Asuka เจอกับแชมป์หญิงคนปัจจุบันของ Raw สุดแข็งแกร่งอย่าง Bianca Belair โดยเธอถือแชมป์เส้นนี้มาตั้งแต่ WrestleMania 38 ที่เอาชนะ Becky Lynch มาได้ และเธอก็หวังว่าเธอจะป้องกันแชมป์ได้ใน WrestleMania ครั้งนี้เหมือนกันเริ่มมาด้วยการเปิดตัวสุดประทับใจของ Bianca ที่ได้น้องๆ จากโครงการ Divas of Compton ที่เป็น Dance Leadership Program ชื่อดังสำหรับเด็กและวัยรุ่นใน Los Angeles
สำหรับแมตช์การปล้ำเป็นทาง Asuka ผู้ท้าชิงที่เปิดแมตช์ด้วยความดุดัน โจมตีใส่ Bianca รัวๆ จนคนดูเห็นได้เลยว่าแชมป์อาจจะมีการเปลี่ยนมือ แต่ Bianca ก็โต้ตอบได้บ้างด้วยการใช้จุดเด่นของเธออย่างความแข็งแกร่งมาอัด Asuka ซึ่งไฮไลท์ก็คือเธอได้จับผู้ท้าชิงใส่ Powerbomb ลงบนพื้นด้านล่างเวที กับการจับยก Asuka ใส่ Suplex ที่ยืนอยู่ตรงขอบเวทีเข้ามาในเวที จากนั้นทั้งสองก็ผลัดกันอัดกันไปมา ก่อนที่ในช่วงท้าย Asuka จะพยายามพ่นหมอกพิษที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเธอใส่ Bianca แต่ว่าแชมป์ก็หลบได้ทัน จนได้โอกาสใส่ท่าไม้ตาย KOD ได้ และกดนับสามป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ ทำให้ตอนนี้ Bianca ทำสถิติชนะใน WrestleMania 3 ครั้งรวดแล้ว
ส่วนความมันของตัวแมตช์อยู่ในระดับที่ดี เสียดายนิดหน่อยที่ Asuka อุตส่าห์รีกิมมิคมาใหม่แต่กลับพลาดแชมป์ ทำให้อาจจะเสียโมเมนตั้มในอนาคตไป
เรตติ้ง: 3.5 ดาว
The Miz, Snoop Dogg and Shane McMahon Segment
ไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ แต่ก็มีจนได้กับ Segment งงๆ ที่ไม่รู้จะใส่มาทำไม รอบนี้เป็น The Miz กับ Snoop Dogg ที่ออกมาเบรกรายการและเป็น Shane McMahon ที่ออกมาเซอร์ไพรส์เป็นคู่ต่อสู้ของ The Miz เหมือนกับ Pat McAfee ที่มาเมื่อวาน ส่วนแมตช์จบลงที่ Shane พยายามกระโดด Leapfrog แต่ลงไม่ดีเลยเจ็บเข่า ก่อนที่ Snoop Dogg จะเข้ามาต่อย The Miz ไป 2 รอบ และใส่ People's Elbow กดนับสามไปเฉยเลยอย่างที่บอกครับว่าแบบนี้คือช่วงเวลา ‘อิหยังวะ’ ที่ผมบอกไป เพราะไม่มีอะไรดีกับใครเลย ถ้าจะทำแบบนี้สู้เอา Bobby Lashley ที่ไม่มีแมตช์มาปล้ำกับ The Miz ยังจะดีซะกว่า
เรตติ้ง: 0.5 ดาว



Edge vs. Finn Bálor (Hell in a Cell)
มาถึงรองคู่เอกที่เป็นแมตช์ Hell in a Cell ครั้งแรกในรอบ 7 ปีของ WrestleMania และเป็น Hell in a Cell ครั้งที่ 4 ใน WrestleMania โดยคราวนี้ตัวกรงเหล็กกลับมาใช้สีดั้งเดิมอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้เปลี่ยนมาใช้สีแดงมานาน ซึ่งเอาจริงๆ มันมองยากมากสำหรับแมตช์นี้ทั้งสองคนมาในกิมมิคที่เหนือธรรมชาติ โดย Edge มาในกิมมิค ‘The Brood’ และ Finn Balor กลับมาในกิมมิค ‘The Demon’ อีกครั้ง เช่นเดียวกันกับอาวุธในแมตช์นี้ เช่น เก้าอี้, ไม้เคนโด้ ก็ใช้เป็นสีม่วงและแดง ที่เป็นสีตัวแทนของทั้งคู่ โดยเนื้อเรื่องของแมตช์นี้จะเป็นการจบเรื่องราว 10 เดือนที่ Edge ถูกขับไล่ออกจากกลุ่ม The Judgement Day และ Balor เข้ามาเป็นหัวหน้าคนใหม่ของกลุ่มนี้แทน
ในส่วนของการปล้ำช่วงแรกเป็นทาง Balor ที่ได้เปรียบมากกว่าอัดทาง Edge อยู่เรื่อยๆ ทั้งบนเวที และด้านล่าง มีการใช้อาวุธครบไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้, ไม้เคนโด้, บันไดเหล็ก และ โต๊ะ แต่ก็มีช็อตหนึ่งที่ทาง Edge โยนบันไดอัดใส่ Balor จนหัวแตก ต้องพักปฐมพยาบาลกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาสู้กันอีกครั้งและทำได้ค่อนข้างดี มีช็อตสวยๆ พอสมควร แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่สมกับเนื้อเรื่องความบาดหมางที่ยาวนานถึง 10 เดือนเท่าไหร่ จนช่วงท้ายเป็น Balor ที่จะกระโดดใส่ท้าไม้ตาย Coup de Grace กับ Edge ที่นอนอยู่บนโต๊ะ แต่พลาดและโดน Edge พุ่ง Spear ใส่ ก่อนจะปิดท้ายด้วย Con-chair-to กดนับสามชนะไป
ความน่าเสียดายที่สุดของแมตช์นี้คือการที่ Balor เป็นคนแพ้ เพราะอย่างที่คนติดตามส่วนใหญ่รู้กันว่าอีกไม่นาน Edge ก็น่าจะรีไทร์เลิกปล้ำแล้ว การที่ WWE เอากิมมิค The Demon ของ Balor มาใช้อีกครั้ง แถมกำลังดันกลุ่ม The Judgement Day อยู่ด้วย การให้ Edge ชนะเลยไม่เป็นผลดีกับใครเลย ทั้งคนชนะที่ก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ กับคนแพ้ที่ต้องสูญเสียโมเมนตั้มของตัวเองและกลุ่มไปโดยเปล่าประโยชน์ นี่จึงถือถือเป็นการบุ๊คกิ้งที่น่าผิดหวังอีกครั้ง
เรตติ้ง: 3.5 ดาว





Roman Reigns vs. Cody Rhodes (Undisputed WWE Universal Championship)
ปิดท้ายกันด้วยคู่เอกคืนที่ 2 ที่หลายคนคิดกันแล้วว่านี่คือไฮไลท์ของ WrestleMania ในปีนี้ ยิ่งคืนแรกจบสวยด้วยการที่ Kevin Owens กับ Sami Zayn เอาชนะ The Usos คว้าแชมป์แท็กทีมไปครองได้ ส่งคนดูกลับบ้านไปนอนหลับฝันดี พร้อมมาลุ้นกันต่อกับคู่เอกคืนที่ 2 ที่อาจส่งให้เป็นการล่มสลายของกลุ่ม Bloodlineการชิงแชมป์ Undisputed WWE Universal ในครั้งนี้เป็นการเจอกันของแชมป์ปัจจุบันที่ครองแชมป์มาแล้ว 900+ วัน ‘The Tribal Chief’ Roman Reigns เจอกับ ‘The American Nightmare’ Cody Rhodes โดยการกลับมาครั้งนี้ของ Cody เขาต้องการกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเขาคู่ควรกับที่ตรงนี้ เพราะตอนอยู่ WWE หนแรกเขาไม่มีความโดดเด่นอะไรเลย แทบจะล้มเหลว จนออกไปเป็นนักมวยปล้ำอินดี้ แล้วเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของค่ายมวยปล้ำ AEW ซึ่ง Cody เองก็ออกไปเพื่อพัฒนาตัวเอง มีคาแรคเตอร์ที่ไม่เคยยอมแพ้กับอะไร จนสุดท้ายกลับมา WWE ในฐานะคนใหม่ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายเพื่อจะ ‘Finish the Story’ หรือจบเรื่องราวของเขา ที่ตระกูลของเขายังไม่เคยมีใครทำได้ซักที นั่นก็คือการคว้าแชมป์โลกนั่นเอง
เริ่มแมตช์มาทั้งคู่ก็อัดกันเรื่อยๆ ตามปกติ แต่สิ่งที่ Cody ต้องเจอก็คืออุปสรรคของกลุ่ม Bloodline ที่ในวันนี้ก็มีทาง Solo Sikoa อยู่ที่ข้างเวที ซึ่งก็คอยตอดเล็กตอดน้อยอยู่เรื่อยๆ จนสุดท้ายโดนกรรมการไล่ออกจากสนามไป พอเหลือสู้กันแบบตัวต่อตัวทั้งสองคนก็มีลุ้นชนะกันทั้ง Cody ใส่ท้าไม่ตาย Cross Rhodes, Pedigree, Figure-four ส่วน Roman ก็ใส่ Rock Bottom, Guillotine Choke แต่ก็ยังทำอะไรกันไม่ได้
จนมาถึงช่วงหนึ่งของแมตช์ที่ Cody พลาดไปอัดโดนกรรมการ และอุปสรรคที่สองของ Cody จากกลุ่ม Bloodline ก็คือ The Usos ขึ้นมาช่วย Roman จับผู้ท้าชิงใส่ท่าไม้ตาย 1D แต่ทาง Kevin Owens กับ Sami Zayn ก็มาช่วย Cody จัดการ The Usos ไป ก่อนที่ Owens และ Zayn จะจับแชมป์ใส่ Stunner และ Helluva Kick ไปคนละที ทำให้ถึงตรงนี้ใครก็มองว่า Cody ชนะใสๆ เพราะ Bloodline ไม่เหลือใครแล้ว จน The American Nightmare ได้ใช้ Bionic Elbow และ Cross Rhodes ติดต่อกัน แต่ก็โดน Paul Heyman ขึ้นมาเรียกร้องความสนใจกรรมการ และเป็น Solo Sikoa กลับมาอีกรอบ (ได้ยังไง) เพื่อใส่ Samoan Spike กับ Cody จากนั้นก็ปิดท้ายด้วย Roman Reigns พุ่ง Spear ใส่ Cody Rhodes กดนับสามป้องกันแชมป์ได้ ส่งให้คนดู 80,000 กว่าคนใน SoFi Stadium นั่งเงียบกันไปทั้งสนาม
รวมถึงผมเองที่ก็นั่ง ‘ช็อก’ ตอนนั่งดูว่าทำไมมันถึงจบแบบนี้ เพราะทุกอย่างที่สร้างมามันบิลด์อัพให้ Cody Rhodes ต้องจบแมตช์ด้วยการเป็นแชมป์ใหม่ การบุ๊คกิ้งครั้งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ผิดพลาดและอันตรายมากๆ ครั้งหนึ่งใน WWE เพราะทุกอย่างสูญเสียไปหมดไม่ว่าจะเป็นโมเมนตั้มของ Cody รวมไปถึงตัว Roman Reigns เองด้วยว่าเนื้อเรื่องของเขาจะเป็นยังไงต่อ เพราะตอนนี้ทั้งค่ายไม่มีใครแกร่งพอที่จะล้มเขาได้แล้ว สำหรับผมนี่คือการจบ WrestleMania ที่น่าเสียดายมากและขมขื่นสุดๆ ต่างกับคืนแรกราวฟ้ากับเหว เรตติ้งที่ผมให้ไปคือคุณภาพของแมตช์ล้วนๆ ไม่ได้เต็ม 5 เพราะเนื้อเรื่องที่จบแบบน่าผิดหวัง
เรตติ้ง: 4.5 ดาว