กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ตอนนี้การลุ้นแชมป์ฤดูกาล 2024/25 ทางด้าน ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ดูจะได้เปรียบฝั่ง ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซน่อล รองจ่าฝูงอยู่เยอะพอสมควร จากแต้มที่ห่างมากถึง 15 คะแนนแม้จะแข่งน้อยกว่า 1 นัด ซึ่งลิเวอร์พูลต้องการอีกแค่ 16 คะแนนพวกเขาก็จะการันตีคว้าแชมป์ปีนี้ได้แล้ว นี่ยังไม่นับว่าหากอาร์เซน่อลผิดพลาดเองอีกต่างหาก
แต่ประเด็นที่เราจะมาพูดถึงวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลุ้นจ่าฝูงของทั้งสองทีมนี้แต่อย่างใด อาจจะมีเกี่ยวกับอาร์เซน่อลนิดหน่อยเพราะเราจะมาเล่าเรื่องราวของ เอย์เดน เฮฟเว่น อดีตเด็กเฮลเอนด์ อะคาเดมี่ของทีมปืนใหญ่ที่ขอเลือกไม่รอโอกาสจากสโมสรเหมือนเพื่อนๆ ของเขา ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ และ อีธาน เอ็นวาเนรี่ ที่ได้ขึ้นไปโลดแล่นในทีมชุดใหญ่แล้ว เจ้าตัวขอเลือกย้ายมาฝากอนาคตกับทัพ ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ก็ได้ประเดิมสนามลงเจอต้นสังกัดเก่าไปแล้วแถมทำผลงานได้น่าจับตามองด้วย
เซ็นเตอร์แบ็กดาวรุ่งอดีตเด็กปั้นอาร์เซน่อลคนนี้เป็นใคร ทำไมเขาถึงเลือกย้ายมาอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด ติดตามไปพร้อมกันกับ Spacebar VIBE ได้เลยครับ

เริ่มต้นและเดินไปพร้อมกับพลังซัพพอร์ตของครอบครัว
เอย์เดน เฮฟเว่น เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2006 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หนึ่งในเมืองหลวงของโลกฟุตบอล เจ้าหนู เฮฟเว่น หลงใหลในกีฬาลูกหนังมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยมีคนเคยบอกไว้ว่าเคยเห็นเขาเตะฟุตบอลเล่นในสวนตั้งแต่ตอนยังเด็กแล้ว และแน่นอนว่าเขาก็เหมือนกับผู้เล่นในอังกฤษทั่วไปนั่นก็คือการเริ่มต้นมาจากระดับเยาวชน โดยเจ้าตัวเริ่มเดินทางก้าวแรกกับอะคาเดมี่ของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ตลอดเวลา 4 ปีกับทีมขุนค้อน เฮฟเว่น ได้เริ่มเรียนรู้สกิลเกมรับต่างๆ พื้นฐานของการยืนตำแหน่ง, การเข้าปะทะ และ การคอนโทรลบอล
หลังจากสิ้นสุดเวลา 4 ปีกับเวสต์แฮมหนุ่มน้อยผู้นี้ก็เติบโตขึ้นไปอีกขั้นด้วยการก้าวเท้าเข้าสู่รั้ว ‘เฮลเอนด์’ อะคาเดมี่ของทัพ ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซน่อล โดยเขาอยู่ในรุ่นเดียวกับ ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ และ อีธาน เอ็นวาเนรี่ สองดาวรุ่งอาร์เซน่อลที่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ไปแล้วเรียบร้อย เฮฟเว่น เติบโตและพัฒนาขึ้นมากจากการมาอยู่กับอาร์เซน่อล เขาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการอ่านเกม การตัดสินใจที่ชาญฉลาดในสนาม รวมไปถึงพัฒนาทั้งเรื่องเกมรุกและรับไปพร้อมกัน ทำให้เขาเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดเหนือคนอื่นๆ ในอะคาเดมี่ของทีมปืนใหญ่
ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เขามาถึงจุดนี้ในอะคาเดมี่อาร์เซน่อลนอกจากความพยายามของตัวเองแล้ว อีกหนึ่งเบื้องหลังที่คอยซัพพอร์ตเขามาโดยตลอดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นอาชีพก็คือ ‘ครอบครัว’ โดยเฉพาะ ‘คุณแม่’ ที่พาเขาเข้าสู่วงการฟุตบอลตั้งแต่อายุ 5 ขวบกับทีมท้องถิ่น
“ครอบครัวของผมมีส่วนสำคัญมาก พวกเขาคือแรงบันดาลใจของผม ผมมีน้องๆ สองคนและพี่สาวอีกหนึ่งคน ทั้งหมดเหมือนเป็นโลกทั้งใบของผม” เฮฟเว่น ให้สัมภาษณ์ถึงความสำคัญของครอบครัวที่มีต่อเขา
“ผมอยากยกเครดิตทั้งหมดให้กับแม่ ไม่ว่าผมจะล้มลงกี่ครั้งแม่คือคนที่จะบอกผมให้ลุกขึ้นมาเสมอ ผมคงมาอยู่ตรงจุดนี้ไม่ได้ถ้าขาดความรักและการสนับสนุนจากแม่ในทุกๆ ก้าวของผม” เฮฟเว่น บอกอีกว่าคุณแม่คือส่วนสำคัญที่ทำให้เขามาถึงตรงนี้ได้

ช่วงเวลาเฉิดฉายกับอะคาเดมี่ของอาร์เซน่อล
“เมื่อโอกาสของอาร์เซน่อลมาเคาะถึงหน้าประตูบ้าน ทุกๆ อย่างมันดูเพอร์เฟคต์และเข้าที่เข้าทางไปหมด” เฮฟเว่น บอกถึงความรู้สึกตอนที่ได้รับโอกาสจากอาร์เซน่อล
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า เฮฟเว่นคือหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งของอาร์เซน่อลที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดเหนือคนอื่น ความสามารถของเขาไม่เคยถูกมองข้าม เจ้าตัวมีผลงานที่ดีสม่ำเสมอตลอดมาทั้งในรุ่น U18 และ U21 จนในที่สุดก็ได้รับโอกาสให้ขึ้นมาฝึกซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่ของสโมสร
โดยในฤดูกาลนี้กลายเป็นช่วงเวลาสำคัญในอาชีพของ เฮฟเว่น จากการที่อาร์เซน่อลมีโปรแกรมต้องลงแข่งขันหลายรายการจึงทำให้บรรดาดาวรุ่งได้มีโอกาสลงสัมผัสเกมมากขึ้น และโอกาสนั้นก็มาถึงในวันที่ 30 ตุลาคม 2024 เมื่อเขาได้ลงสนามกับทีมชุดใหญ่ในศึก คาราบาว คัพ รอบ 4 ที่เจอเปรสตัน นอร์ธ เอนด์ ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม
แต่นั่นก็เป็นโอกาสเดียวที่เขาได้รับจากทีมชุดใหญ่ของอาร์เซน่อล เพราะหลังจากนั้น เฮฟเว่น มีโอกาสมากสุดคือแค่มีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองของทีมในหลายรายการทั้ง พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ เอฟเอ คัพ ต่างจากเพื่อนร่วมรุ่นทั้งสองคน ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ และ อีธาน เอ็นวาเนรี่ ที่ได้ลงสนามอยู่เรื่อยๆ จึงเป็นจุดเปลี่ยนให้เขาตัดสินใจครั้งใหญ่ในการเลือกเปลี่ยนเส้นทางอนาคตของตัวเองใหม่อีกครั้ง

จากม้านั่ง ‘ปืนใหญ่’ สู่การลงสนามกับทีมชุดใหญ่ ‘ปีศาจแดง’
1 กุมภาพันธ์ 2025 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศเซ็นสัญญาคว้าตัว เอย์เดน เฮฟเว่น มาจาก อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัวราวๆ 1.5 ล้านปอนด์ และเซ็นยาวจนถึงเดือนมิถุนายน 2029 แถมยังมีออปชันขยายเพิ่มอีกด้วย โดยการย้ายทีมครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่แฟนปืนโตมากมายเพราะบรรดาแฟนบอลต่างเชื่อว่าเซ็นเตอร์แบ็กดาวรุ่งวัย 18 ปีรายนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้ทีมได้ในอนาคต
“สโมสรนี้มีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการปั้นดาวรุ่งหลายคนให้กลายเป็นสตาร์ระดับโลก ผมพร้อมที่จะทำงานหนักและสร้างประวัติศาสตร์ของตัวเองเช่นกัน”
เอย์เดน เฮฟเว่น ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังจากที่เขาเลือกเดินออกจากสโมสรที่เขาเชียร์มาตั้งแต่ยังเด็กอย่าง อาร์เซน่อล สู่บ้านหลังใหม่ของเขานั่นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เขาก็บอกด้วยเหมือนกันว่านี่คืออีกหนึ่งฝันที่กลายเป็นจริงของเขาเช่นเดียวกัน
โดยหลายๆ ฝ่ายเชื่อกันว่าหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ เฮฟเว่น ตัดสินใจย้ายมาร่วมทัพ ‘ปีศาจแดง’ ก็คือการ ‘การันตี’ ว่าเจ้าตัวจะมีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่อย่างแน่นอนซึ่งเขาก็มีชื่อบนม้านั่งสำรองมาตลอดตั้งแต่ย้ายมา มีลงไปปรับตัวด้วยการเล่นกับทีมอะคาเดมี่ในพรีเมียร์ลีก 2 อยู่หนึ่งนัด ก่อนจะได้ประเดิมสนามกับทีมในช่วงต่อเวลาพิเศษเกมที่ ยูไนเต็ด พลาดท่าแพ้ ฟูแล่ม ตกรอบเอฟเอ คัพ เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา
และเกมที่เจ้าตัวแจ้งเกิดและสร้างความประทับใจให้แฟนบอลปีศาจแดงก็คือเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบกับทีมเก่าของเขาอย่าง อาร์เซน่อล ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเกมนั้นเจ้าตัวได้ลงเล่นตั้งแต่ช่วงเริ่มครึ่งหลังแทนที่ เลนี่ โยโร ที่บาดเจ็บตอนจบครึ่งแรกซึ่งก็ทำหน้าที่ในเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยมจนแฟนบอลพากันชื่นชมว่าไอ้เด็กหนุ่มคนนี้คือ ‘ของดี’ จากฟอร์มที่ยอดเยี่ยมนี้ เฮฟเว่น ก็ได้รับโอกาสต่อทันทีในเกมกับ เรอัล โซเซียดาด ในศึก ยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง และโชว์ฟอร์มได้ดีเหมือนเคย ได้รับเรตติ้งหลังจบเกมไปถึง 7.4 คะแนน มีส่วนช่วยพาทีมถล่มโซเซียดาดไปยับเยิน 4-1 ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

“ผมพร้อมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป ผมจะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถเป็นได้”
นี่คืออีกหนึ่งคำพูดที่ เอย์เดน เฮฟเว่น ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นครั้งแรก จากคำพูดนี้ของเขาบวกกับฟอร์มการเล่นในช่วงสองนัดล่าสุดที่ผ่านมาเชื่อเหลือเกินว่าน่าจะทำให้บรรดาแฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ ชื่นใจไม่น้อยที่ได้เห็นว่าเจ้าหนูรายนี้พร้อมที่จะทุ่มเทและเป็นอนาคตให้สโมสรต่อไปนานๆ ขอแค่อย่างเดียวก็พอคือ ‘อย่าได้เจ็บบ่อย’ ละกันนะไอ้น้อง