หลังจบศึกรถสูตรหนึ่ง หรือ Formula1 ‘Qatar Grand Prix’ มาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม การแข่งขันก็พักไป 1 อาทิตย์ ก่อนที่จะข้ามน้ำข้ามทะเลโยกย้ายทวีปมาซิ่งกันที่โซนอเมริกายาวๆ 4 สนามติด โดยเริ่มประเดิมสนามแรกในสัปดาห์นี้กับ ‘United States Grand Prix’ เรซที่ 18 ของฤดูกาลนี้ ซึ่งก็เป็นสนามที่ 5 ของปีที่มีการแข่งขัน Sprint Race ถึงแม้ว่าในแง่ของการคว้าแชมป์โลกทั้งประเภทนักขับและทีมผู้ผลิตจะทราบผลกันไปแล้ว แต่ก็ยังมีการช่วงชิงอันดับ 2 ที่ยังมีให้ลุ้นให้ติดตามกันอยู่ และ US Grand Prix ณ สนาม Circuit of the Americas ในเมืองออสติน รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา จะดุเดือดขนาดไหน ติดตามได้เลยครับ






สำหรับ Circuit of the Americas จัดการแข่งขัน Formula 1 ครั้งแรกในปี 2012 และยาวต่อเนื่องไปจนถึงปี 2019 ก่อนที่จะหยุดไปในปี 2020 เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 แล้วกลับมาแข่งกันอีกครั้งในปีถัดมาต่อเนื่องมาถึงในฤดูกาลปัจจุบัน และจะยิงยาวไปจนถึงปี 2026 เป็นอย่างน้อย ซึ่งในปีนี้ก็มีคนดังจากหลากหลายวงการ เดินทางมาเยี่ยมเยือนด้วยเริ่มตั้งแต่วันแรกกับ Adam Driver ดาราชื่อดังจากฮอลลีวูดที่มาในฐานะนักแสดงนำของภาพยนตร์ Ferrari ที่เตรียมเข้าฉายปลายปีนี้ โดยเขารับบทเป็น Enzo Ferrari ผู้ก่อตั้งแบรนด์ม้าลำพอง ต่อด้วย Rory McIlroy กับ Anthony Joshua นักกอล์ฟและนักมวยชื่อดัง ซึ่งทั้งคู่เป็นนักกีฬาที่ร่วมลงทุนกับทีม Alpine F1 ด้วย ส่วนในคืนวันเสาร์ที่ 21 ก็มีคอนเสิร์ตจากวง Queen + Adam Lambert นอกจากนี้ยังมี Reid Wiseman นักบินอวกาศชาวอเมริกันจากองค์การนาซ่า รวมไปถึง Elon Musk ซีอีโอของ SpaceX กับ X และ Prince Harry ดยุกแห่งซัสเซกซ์ เดินทางมาชมการแข่งขันด้วย
มาต่อกันที่ข้อมูลของสนาม Circuit of the Americas หรือ COTA สนามแข่งขันประจำศึก US Grand Prix กันบ้าง แทร็คนี้มีความยาวทั้งหมด 5.513 กิโลเมตร ทำการแข่งขันกันทั้งหมด 56 รอบ เป็นเซอร์กิตที่มีทางตรงยาวน้อยเพียงแค่ 2 ช่วงเท่านั้น คือช่วงหลังออกจากโค้งที่ 11 ยาวไปจนถึงก่อนเข้าโค้งที่ 12 กับช่วงออกจากโค้งสุดท้ายแล้ววิ่งผ่านจุดสตาร์ท โดยเป็นจุดที่สามารถใช้ DRS หรือการเปิดปีกท้ายเพิ่มความเร็วได้ สำหรับสนามนี้มีโค้งทั้งหมด 20 โค้ง มีทั้งโค้งเล็กโค้งน้อย และโค้งลึกๆ ที่ต้องมีกริปรถที่ดีบวกกับฝีมือการควบคุมรถ ซึ่งการมีโค้งเยอะๆ จากการวิ่งความเร็วสูงๆ และต้องเหยียบเบรกบ่อยๆ ก็ทำให้ COTA เป็นอีกหนึ่งแทร็คที่ยางจะดีเกรด หรือเกิดการกินหน้ายางเยอะมากพอสมควร

และต่อเนื่องจากการแข่งขัน Sprint Race หรือการแข่งระยะสั้น 1 ใน 3 ของระยะทางทั้งหมด เพื่อเพิ่มโอกาสในการเก็บคะแนนสะสม ที่ Qatar Grand Prix เรซนี้ก็มีเหมือนกัน โดยเป็นสนามที่ 5 บนปฏิทิน F1 โดยรอบนี้มีนักแข่งเพียงแค่คนเดียวที่ไม่สามารถจบการแข่งขันได้ นั่นก็คือ Lance Stroll จากทีม Aston Martin ซึ่งคราวนี้ Max Verstappen ไม่พลาดเหมือนสนามที่แล้ว เพราะเขาสามารถคว้าตำแหน่ง Pole Position ในรอบ Sprint Shootout และเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 ได้ในการแข่งขันจริง ในขณะที่อันดับ 2 และ 3 ตกเป็นของ Lewis Hamilton จาก Mercedes และ Charles Leclerc จาก Ferrari ส่วน Alexander Albon จบแค่อันดับ 9 ตามหลัง George Russell ที่อยู่หน้าเขาแค่ราวๆ 0.3 วินาที พลาดการเก็บคะแนนเพิ่มไปอย่างน่าเสียดาย
สำหรับ Starting Grid สนามนี้เป็นทาง Charles Leclerc จาก Ferrari ที่สามารถคว้าตำแหน่ง Pole Position ไปครองได้ ส่วนอันดับที่ 2 กับ 3 รอบนี้เป็นทาง Lando Norris ของทีม McLaren กับ Lewis Hamilton ของทีม Mercedes ได้ออกสตาร์ทหัวแถว ในขณะที่ผู้ชนะ Max Verstappen นักขับแชมป์โลก ผู้ชนะ Sprint Race ก่อนหน้าทำผลงานในรอบควอลิฟายได้ไม่ดี ออกสตาร์ทในอันดับ 6 ส่วนเพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง ‘Checo’ Sergio Perez ที่มีข่าวลือหนาหูว่าต้องทำผลงานไม่ดีใน 5 สนามต่อจากนี้ ไม่งั้นอาจจะกระเด็นจากเก้าอี้นักแข่ง Red Bull ได้ออกสตาร์ทอันดับที่ 9 โดยเรซนี้มี 4 คนที่ต้องเริ่มการแข่งจาก Pit Lane เนื่องจากรถมีชิ้นส่วนไม่ตรงตามกฎการแข่งขัน ได้แก่ Fernando Alonso และ Lance Stroll จาก Aston Martin กับ Kevin Magnussen และ Nico Hulkenberg จาก Hass ส่วนอันดับอื่นๆ ที่น่าสนใจก็มี Carlos Sainz ของ Ferrari อันดับ 4, George Russell อันดับ 5, Pierre Gasly กับ Esteban Ocon จาก Alpine อันดับ 7 และ 8, Oscar Piastri จาก McLaren อันดับ 10 และ Alexander Albon นักขับชาวไทยจาก Williams อันดับ 15

มาต่อที่ช่วงของการแข่งขัน US Grand Prix ที่ออกสตาร์ทมาเป็นทาง Lando Norris ที่ทำได้ดีมากๆ เพราะเขาช่วงชิงจังหวะแล้วขึ้นไปอยู่อันดับ 1 แซงหน้า Charles Leclerc ได้ตั้งแต่โค้งแรกของสนาม เช่นเดียวกันกับ Oscar Piastri เพื่อนร่วมทีม McLaren ที่แม้จะออกสตาร์ทในอันดับที่ 10 แต่ก็สามารถแซงขึ้นไปอยู่อันดับ 6 ได้ แต่ก็มีช็อตที่เขาดันไปปะทะกันกับ Esteban Ocon จากทีม Alpine ซึ่งสุดท้ายมันส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อทั้งคู่ เพราะรถมีปัญหา โดยทางด้าน Ocon ไปก่อนจากปัญหา Sidepod ของตัวรถ ต้องออกจากการแข่งขันไปในรอบที่ 6 ทำให้นี้เป็นการรีไทร์รถครั้งที่ 3 ในรอบ 5 เรซ ของเขา หลังจากนั้นไม่นาน Piastri ก็ต้องออกจากการแข่งขันตามไป เนื่องจากรถมีปัญหาเรื่องระบบหล่อเย็น จนรีไทร์ไปในรอบที่ 10 ของการแข่งขัน ส่วนอีกคนที่ต้องรีไทร์จากการแข่งขันไปแบบน่าเสียดายก็คือ Fernando Alonso นักขับจอมเก๋าของ Aston Martin ที่น่าเสียดายมากๆ เพราะหลังจากที่ต้องออกสตาร์ทใน Pit Lane เขาก็ขับได้อย่างยอดเยี่ยมจนขึ้นมาอยู่ถึงอันดับที่ 10 แต่ด้านท้ายของรถดันมามีปัญหา ทำให้ต้องออกจากการแข่งไปในรอบที่ 49
ซึ่งในเรซนี้ต้องชมทางด้าน ‘Checo’ Sergio Perez ที่อย่างที่เราบอกไปก่อนหน้านี้ว่าเขาต้องเร่งทำผลงานให้ดี อย่างน้อยๆ ก็ต้องจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 2 บนตารางคะแนนนักขับ ไม่อย่างนั้นอาจจะกระเด็นจากที่นั่งได้ โดยอาจจะโดน Daniel Ricciardo เสียบแทน ซึ่งพอมาในเรซนี้เหมือนเจ้าตัวกระตุ้นผลงานของตัวเองจากแรงกดดันได้อย่างยอดเยี่ยม มีจังหวะไล่แซงสวยๆ ตั้งแต่รอบที่ 3 โดยแซง Esteban Ocon ที่รถเริ่มจะมีปัญหาได้สำเร็จ โดยในรอบท้ายๆ ของการแข่งขันหลังจากไล่แซงมาได้เรื่อยๆ จนอยู่อันดับที่ 6 เขาก็มาแซง Carlos Sainz อีกคันขึ้นมาอยู่อันดับ 5 และจบเรซไปด้วยอันดับนั้น

ส่วนอีกคนในเรซนี้ที่ทำได้ดีก็คือ Lewis Hamilton ที่แม้ทีมจะวางแผนผิดพลาดไปนิดหน่อยในเรื่องของการเข้าพิทในช่วงแรกและช่วงกลางของการแข่งขัน โดยทีมอยากให้เขายืดระยะออกไปก่อนเพื่อที่ตอนเข้ามาเปลี่ยนยางจะได้ไม่เสียตำแหน่ง แต่เขายืดทิ้งห่างอันดับ 2 ได้ไม่มากพอ บวกกับทาง Red Bull เรียก Max Verstappen เข้าพิทมาเปลี่ยนก่อนเลยทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งพอยืดได้ไม่เยอะ แถมตอน ‘เซอร์ลูอิส’ เข้ามาเปลี่ยน ทีมงานพิทก็เปลี่ยนช้าทำให้เขาเสียอันดับผู้นำไป แต่เจ้าตัวก็ทำผลงานในเรซนี้ได้ดีมากๆ มีจังหวะแซงเรื่อยๆ จนในรอบที่ 49 เขาเบียด Lando Norris เข้าไลน์ในโค้งที่ 1 ได้ ก่อนจะแซงไลน์นอกในโค้งที่ 2 ได้สำเร็จ และจบเรซนี้ด้วยอันดับที่ 2 แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายเขาถูกตรวจพบว่าใส่ชิ้นส่วนรถที่ผิดกฎกาแข่งขัน จนถูกปรับแพ้ไป เช่นเดียวกับ Charles Leclerc ที่โดนปรับข้อหาเดียวกัน ไร้แต้มกันไปทั้งคู่


ส่วนผู้ชนะเรซนี้ก็ยังเป็นแชมป์โลก 3 สมัยอย่าง Max Verstappen ที่วิ่งเข้าไปรับธงตราหมากรุกได้เป็นคันแรก หลังจากขับแซงขึ้นไปเป็นผู้นำได้ในรอบที่ 39 แต่คราวนี้เขาพลาดการทำ Fastest Lap ไป เพราะทางด้าน Yuki Tsunoda ของทีม AlphaTauri ทำได้ดีกว่าด้วยเวลา 1:38.139 ในรอบที่ 56 ในขณะที่หลังจากมีการปรับแพ้ของ Lewis Hamilton กับ Charles Leclerc ก็ทำให้อันดับในเรซนี้มีการขยับขึ้นมาหลายๆ คน เริ่มจาก Lando Norris ที่ตอนแรกจบอันดับ 2 เลื่อนไปจบอันดับที่ 3 นอกจากนี้เขายังคว้าตำแหน่ง Driver of the Day ไปครองได้ด้วย ส่วนอันดับบนโพเดียมอีกคันตกเป็นของ Carlos Sainz จาก Ferrari สำหรับทางด้าน Sergio Perez ก็เลื่อนจากอันดับ 5 ขึ้นมาจบอันดับที่ 4 ถือว่าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เพิ่มช่องว่างคะแนนสะสมระหว่างอันดับ 2 และ 3 ไปได้อีกพอสมควร และที่ต้องยินดีมากๆ ก็คือ Alexander Albon นักขับขวัญใจคนไทยจากทีม Williams ที่ตอนแรกจบอันดับ 11 เลื่อนขึ้นมาจบอันดับที่ 9 แทน คว้าเพิ่มไปอีก 2 คะแนน เช่นเดียวกันกับ Logan Sargeant ที่ได้ขึ้นมาจบอันดับ 10 คว้าแต้มแรกของเจ้าตัวใน Formula 1 ฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ
ส่วนผลการแข่งขันของนักขับคนอื่นๆ ใน US Grand Prix รวมถึงอันดับคะแนนสะสมล่าสุดของนักแข่งและทีมผู้ผลิต จะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ผลการแข่งขัน US Grand Prix Sprint Race
- Max Verstappen (Red Bull Racing)
- Lewis Hamilton (Mercedes)
- Charles Leclerc (Ferrari)
- Lando Norris (McLaren)
- Sergio Perez (Red Bull Racing)
- Carlos Sainz (Ferrari)
- Pierre Gasly (Alpine)
- George Russell (Mercedes)
- Alexander Albon (Williams)
- Oscar Piastri (McLaren)
- Esteban Ocon (Alpine)
- Daniel Ricciardo (AlphaTauri)
- Fernando Alonso (Aston Martin)
- Yuki Tsunoda (AlphaTauri)
- Nico Hulkenberg (Haas F1 Team)
- Valtteri Bottas (Alfa Romeo)
- Zhou Guanyu (Alfa Romeo)
- Kevin Magnussen (Haas F1 Team)
- Logan Sargeant (Williams)
ไม่จบการแข่งขัน: Lance Stroll (Aston Martin)


ผลการแข่งขัน US Grand Prix Main Race
- Max Verstappen (Red Bull Racing)
- Lando Norris (McLaren)
- Carlos Sainz (Ferrari)
- Sergio Perez (Red Bull Racing)
- George Russell (Mercedes)
- Pierre Gasly (Alpine)
- Lance Stroll (Aston Martin)
- Yuki Tsunoda (AlphaTauri)
- Alexander Albon (Williams)
- Logan Sargeant (Williams)
- Nico Hulkenberg (Haas F1 Team)
- Valtteri Bottas (Alfa Romeo)
- Zhou Guanyu (Alfa Romeo)
- Kevin Magnussen (Haas F1 Team)
- Daniel Ricciardo (AlphaTauri)
ไม่จบการแข่งขัน: Oscar Piastri (McLaren), Fernando Alonso (Aston Martin), Esteban Ocon (Alpine)
ถูกปรับแพ้ (ชิ้นส่วนรถผิดกฎ): Lewis Hamilton (Mercedes), Charles Leclerc (Ferrari)
5 อันดับคะแนนสะสมนักแข่ง
- Max Verstappen 466 คะแนน
- Sergio Perez 240 คะแนน
- Lewis Hamilton 201 คะแนน
- Fernando Alonso 183 คะแนน
- Carlos Sainz 171 คะแนน
อันดับคะแนนสะสมทีมผู้ผลิต
- Red Bull Racing 706 คะแนน
- Mercedes 344 คะแนน
- Ferrari 322 คะแนน
- McLaren 242 คะแนน
- Aston Martin 236 คะแนน
- Alpine 100 คะแนน
- Williams 26 คะแนน
- Alfa Romeo 16 คะแนน
- Haas F1 Team 12 คะแนน
- AlphaTauri 10 คะแนน