หลังจบเกมอุ่นเครื่องของทัพ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทยในโปรแกรมฟีฟ่าเดย์ทั้งสองนัดที่เป็นการเตรียมทีมเพื่อไปลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนในช่วงเดือนธันวาคม โดยผลการแข่งขันก็ต้องบอกว่าค่อนข้างน่าผิดหวังทั้งสองเกม เพราะเป็นการเจอกันกับทีมที่มีอันดับฟีฟ่าแรงค์กิ้งต่ำกว่าแต่เราไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลย นัดแรกเป็นการเสมอทีมชาติเลบานอนซึ่งก็พอรับได้เพราะเข้าใจว่าจุดประสงค์ครั้งนี้คือการทดสอบตัวผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ปรับความเข้าใจในเรื่องของแท็คติกและสร้างทีมเวิร์ค แต่พอมานัดที่สองแม้จะใช้เหตุผลข้างต้นก็ไม่อาจจะยอมรับได้เท่าไหร่ เพราะการเจอทีมชาติลาวที่มีอันดับโลกต่ำกว่าไทยถึงเกือบ 100 อันดับ อย่างน้อยก็ต้องมีชนะแบบเฉือนๆ ให้เห็นกันบ้าง ซึ่งทาง มาซาทาดะ อิชิอิ ก็ออกมาบอกเองว่าส่วนใหญ่นี่เป็นความผิดของเขาที่ไม่สามารถหาทางเอาชนะให้กับทีมได้ แท็คติกของเขาอาจจะมีปัญหา ต้องได้รับการแก้ไขให้ได้ก่อนจะถึงทัวร์นาเมนต์ปลายปี
โดยนอกจากเรื่องของโค้ชที่โดนตำหนิ แน่นอนว่าผู้เล่นในสนามยังไงก็ต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นเรื่องปกติ หากคนไหนดูมีแววฟอร์มดีก็จะได้รับคำชม ถือว่ารอดตัวไป แต่ถ้าใครฟอร์มไม่เข้าตาแฟนบอลหรือดูแล้วอาจจะต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น ก็ย่อมได้รับเสียงตำหนิติเตียน ซึ่งปัญหาของเกมเสมอลาวตกไปอยู่ที่ รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก ปีกวัย 32 ปี ของสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่โดนแฟนบอลคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์ถึงฟอร์มการเล่นแต่เจ้าตัวดัน ‘หัวร้อน’ คุมอารมณ์ไม่อยู่ ตอบกลับแฟนบอลหลายคนด้วยข้อความที่ดูหยาบคาย เช่น "อย่าคิดว่าตามตัวไม่เจอนะ", "นัดมาได้เลยครับ เจอกันได้" และ "ไม่รับ ไปทุเรศกับพ่อมึ_นะ"
เอาเข้าจริงๆ แค่สองข้อความแรกก็ไม่ควรแล้ว เพราะการบอกว่าอย่าคิดว่าตามตัวไม่เจอนั้นดูยังไงก็เหมือนเป็นการข่มขู่ ส่วนที่บอกว่านัดมาได้เลยครับ เจอกันได้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ การที่เราเก่งกว่าไม่จำเป็นต้องไปท้าเจอคนที่มาวิจารณ์เรา และอันสุดท้ายนี่เข้าขั้นหนักสุดคือหยายคายถึงขั้นลามปามไปถึงบุพการี ชัดเจนว่าไม่ควรเกิดขึ้นเลยไม่ว่ากับใครหรือเรื่องอะไรก็ตาม
ดังนั้นนี่คือข้อผิดพลาดของ รุ่งรัฐ แบบเต็มๆ ที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เพราะการที่คุณเป็นนักฟุตบอลโด่งดังมีชื่อเสียง สิ่งที่คุณต้องเจอคือคำวิจารณ์ วันที่คุณเล่นดีคุณย่อมได้รับคำชื่นชมกับสิ่งที่คุณทำซึ่งเป็นเรื่องดีๆ ที่ควรได้รับและทำให้คุณใจฟู ส่วนวันไหนที่เล่นไม่ดีแน่นอนว่าย่อมต้องโดนตำหนิ สิ่งที่ควรทำไม่ใช่การตอบโต้กลับแต่ควรรับฟังและนำไปพัฒนาฟอร์มการเล่นของตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเก่า สุดท้าย ‘เจ้าปริ้นซ์’ ก็ต้องออกมาขอโทษกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป โดยล่าสุดถึงขั้นปิดอินสตาแกรมส่วนตัวไปแล้วเพื่อลดกระแสดราม่าที่เกิดขึ้น
อย่างที่บอกว่าการควบคุมอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็เคยมีหลายครั้งที่ ‘โก๋อุ้ม’ ธีราทร บุญมาทัน หนึ่งในกัปตันของทีมชาติไทยมักจะได้รับเสียงวิจารณ์เสมอเวลาฟอร์มไม่ดีแต่เราก็ไม่เคยเห็นแบ็คซ้ายดีกรีเจลีกผู้นี้ออกมาตอบโต้แฟนบอลผ่านทางโซเชียลมีเดียเลย หรือในอดีตเราเคยเห็น ‘ลีซอ’ ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยที่มักจะโดนแฟนบอลออกมาต่อว่าโน่นนี่บ่อยๆ โดนอยู่ตลอด แต่เขาก็แทบไม่เคยออกมาตอบโต้ใคร สิ่งที่เขาเคยบอกไว้ในหลายๆ ที่่ที่ให้สัมภาษณ์ก็คือให้ ‘เงียบไว้’ ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่ต้องเข้าไปดู แล้วถ้ารู้ว่าตัวเองฟอร์มไม่ดีเหมือนที่เขาว่าจริงๆ สิ่งที่ต้องทำก็คือก้มหน้าก้มตาเล่นให้ดีขึ้น พัฒนาฟอร์มตัวเอง พิสูจน์ให้เขาเห็นจากผลงานในสนาม วันหนึ่งเขาเห็นเขาก็จะเลิกด่าเราเอง
สิ่งที่ลีซอกล่าวคือเรื่องที่นักฟุตบอลอาชีพ หรือนักกีฬาอาชีพทุกคนควรจะทำให้ได้เป็นเรื่องปกติ ‘ทัศนคติ’ แบบนี้ควรจะเป็นแบบอย่างที่นักกีฬาทุกคนควรจะเป็น ‘ยิ้มรับคำยกย่องในวันที่ดี รับคำวิจารณ์ให้ได้ในวันที่แย่’