จากกรณี ‘กัปตันช้าง’ วิจารณ์พอประมาณ อย่าไปด้อยค่าใคร

17 ก.ย. 2567 - 09:12

  • ผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งนัดสำหรับการแข่งขันศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2024 โดยทีมชาติไทย ประเดิมนัดแรกได้อย่างสวยงามเฉือนเอาชนะทีมชาติโครเอเชียไปได้ 2-1

  • จะเห็นว่ามีอยู่หนึ่งคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมนั่นก็คือ ‘กัปตันช้าง’ กฤษดา วงษ์แก้ว เนื่องจากเจ้าตัวเกิดอาการเครียดจากเรื่องดราม่าจนโค้ชมองว่าไม่พร้อมลงเล่น

Kritsada-Wongkaeo-with-social-media-SPACEBAR-Hero.jpg

ผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งนัดสำหรับการแข่งขันศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2024 ที่ประเทศอุซเบกิสถาน โดยทัพ ‘ช้างศึกโต๊ะเล็ก’ ทีมชาติไทย ประเดิมนัดแรกได้อย่างสวยงามหลังเฉือนเอาชนะทีมชาติโครเอเชียไปได้ 2-1 เก็บ 3 คะแนนแรกได้สำเร็จ นักเตะหลายคนทำผลงานของตัวเองในการช่วยเหลือทีมได้เป็นอย่างดี แต่เราจะเห็นว่ามีอยู่หนึ่งคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมนั่นก็คือ ‘กัปตันช้าง’ กฤษดา วงษ์แก้ว คีย์แมนสำคัญคนหนึ่งของทีมชาติไทยในฟุตซอลโลกหลายหนที่ผ่านมา 

โดยก่อนหน้าที่จะเริ่มทัวร์นาเมนต์ก็มีดราม่าเรื่องการตัดตัวผู้เล่นมาประมาณหนึ่ง จากการที่ ปาณัส กิตติภานุวงษ์ และ เทอดศักดิ์ เจริญพงษ์ หลุดจากรายชื่อ 14 คนสุดท้าย โดยเฉพาะรายหลังอย่าง ‘เจ้าเต้ย’ ที่เป็นถึง MVP ของฟุตซอลลีกฤดูกาลที่แล้ว และสำคัญมากๆ กับการเป็นฮีโร่ที่ยิงประตูพาทีมชาติไทยมาเล่นฟุตซอลโลกสมัยที่ 7 ส่วนเป้าของการโดนโจมตีจากบรรดาเกรียนคีย์บอร์ดในครั้งนี้ก็ตกไปอยู่ที่ ‘กัปตันช้าง’ กฤษดา วงษ์แก้ว 

สาเหตุของการวิพากษ์วิจารณ์ก็อยู่ที่การมองว่ากัปตันช้างไม่สมควรติดมาในชุดนี้ เนื่องจากซีซันที่แล้วเจ้าตัวไปเล่นฟุตบอลสนามใหญ่มา เพิ่งจะกลับมาเล่นฟุตซอลลีกอีกครั้งในปีนี้โดยลงเล่นไปเพียงแค่ 9 นัด และแฟนบอลก็มองกันว่าฟอร์มเจ้าตัวยังไม่ได้โดดเด่นอะไรเมื่อเทียบกับคนที่โดนตัดชื่อออกไปที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมและมีส่วนร่วมกับการคัดเลือกไปฟุตซอลโลกหนนี้มาตลอด โดยทาง มิเกล โรดริโก้ เฮดโค้ชชาวสเปนก็ให้เหตุผลไว้ว่าชุดที่เรียกมานี้คือนักเตะที่เข้าใจแทคติกของเขามากที่สุด ซึ่งก็แน่นอนว่าทั้ง กฤษดา และ โค้ชมิเกล ก็โดนโซเชียลเข้ามาถล่มอย่างหนักแบบเละเทะจนเกินเบอร์ โดยเฉพาะตัวนักเตะที่โดนบอกว่าอายุเยอะแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกมาก็ได้ หนักสุดไปจนเหมือนด้อยค่าเจ้าตัวไปเลย 

นั่นก็เลยเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่เราไม่เห็นกัปตันช้างมีส่วนร่วมกับเกมแรกที่ชนะโครเอเชีย เนื่องจากมิเกลมองเห็นความเครียดที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เล่นที่โดนรุมต่อว่าอย่างหนักหนาสาหัส อาจทำให้ส่งผลเสียถึงสภาพจิตใจจนไม่พร้อมลงสนาม ซึ่งก็แน่นอนว่าโค้ชก็โดนต่อว่าไปอีกตามระเบียบจากเรื่องที่ว่า ‘เรียกเขามาแล้วไม่ใช้เรียกมาทำไม เสียโควตาไปเฉยๆ’ สรุปคือ ‘โดนทั้งคู่!’ 

ถ้ามองจากสิ่งที่เราเขียนมาก็จะเห็นได้ว่า ไม่มีใครทำอะไร  ‘ถูกใจ’ ทุกคนได้ บางอย่างอาจถูกใจเราแต่ไม่ถูกใจคนอื่นก็ได้ หรือ อาจถูกใจคนอื่นแต่ไม่ถูกใจเราก็ได้เหมือนกัน วิจารณ์กันได้แต่ควรจะอยู่ในเหตุผลที่ถูกต้อง อย่างเช่น เปรียบเทียบฟอร์มการเล่น วิจารณ์กันไปตามภาพผลงานที่เกิดขึ้นในรอบปี และอยู่ในขอบเขตของความสุภาพ ไม่ควรไปด้อยค่าใครว่ามีไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะทุกคนมีประโยชน์ในแบบของตัวเองที่จะช่วยทีมได้ และที่สำคัญคือ ‘แยกแยะให้เป็น’ เพราะนักเตะไม่ได้ทำอะไรผิด เขาก็ทำหน้าที่ของเขาแล้วถูกเลือกมาโดยโค้ชเท่านั้นเอง คนที่ตัดสินใจคือ ‘เฮดโค้ช’ ดังนั้นถ้าผลงานของทีมไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ก็วิจารณ์ไปที่การทำหน้าที่ของโค้ช ไม่ใช่ไปถล่มเละเทะใส่นักเตะจนเขาเครียดและเสียความมั่นใจ 

ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ทุกคนกำลังดราม่าหรือวิจารณ์กันอยู่ภาพรวมทั้งหมดก็คือ ทีมชาติไทยซึ่งเชื่อว่านักเตะ โค้ช รวมไปถึงทีมงานทุกคนที่ไปอยู่ที่อุซเบกิสถานต่างก็อยากได้กำลังใจ แรงเชียร์ แรงสนับสนุนที่ดีจากแฟนบอลเพื่อทำผลงานครั้งนี้ให้ดี ก้าวไปให้ไกลกว่าเดิมจากทุกครั้ง ให้กำลังใจและซัพพอร์ตกันดีกว่า ผลออกมาแบบไหนเราค่อยว่ากันไปตามที่มันเกิดขึ้น ดังนั้นวันนี้อย่าลืมมาเฝ้าหน้าจอรอเชียร์นัดที่สองของทีมชาติไทยที่จะพบกับทีมชาติคิวบา เวลา 19.30 น ถ่ายทอดสดทางช่อง T-Sport 7 อย่าลืมมาให้กำลังใจทัพ ‘ช้างศึกโต๊ะเล็ก’ กันเยอะๆ นะครับ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์