ใกล้ปิดฉากบทสรุปของเรื่องการเทกโอเวอร์ สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าไปทุกทีหลังจากยืดเยื้อกันมาเกือบแรมปี ทั้งผู้ยื่นข้อเสนอและเจ้าของปัจจุบันอย่างครอบครัว เกลเซอร์ ที่ลากช่วงเวลาอันน่าหดหู่ให้แฟนผีแดงอย่างเราๆ ลุ้นกันว่า ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะขายสโมสรให้กับผู้เสนอราคาหรือไม่ ? หรือเพียงแค่เป็นการตั้งสมมติฐานขึ้นมาเพื่อลองวัดมูลค่าสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงเท่านั้น

เรื่องราวเหล่านี้เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเหตุการณ์สำคัญได้เกิดขึ้นกลางดึกเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับเจ้าของคนใหม่ เมื่ออยู่ๆ สำนักข่าวหัวหลักของประเทศอังกฤษรวมไปถึงเหล่าผู้สื่อข่าว Tier ต่างๆ ได้รายงานพร้อมกันว่า ชีค ยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี จากกาตาร์ หนึ่งในผู้ยื่นซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัวเต็งอันดับหนึ่งของเรื่องนี้ได้ล้มเลิกแผนการซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้เหตุผลว่า ติดเงื่อนไขบางอย่าง รวมไปถึงจำนวนของการซื้อสโมสรครั้งนี้ที่ไม่ถึงตามที่ครอบครัว เกลเซอร์ พึงพอใจ

ทำให้ทุกอย่างจบลงไปอย่างฝันสลาย ชนิดที่แฟนผีทุกคนต่างบ่นว่าเสียดาย เพราะนี่น่าจะเป็นโอกาสสูงสุดแล้วที่จะพาสโมสรพ้นจากวิกฤตการล้มสลายทางการเงิน รวมไปถึงการกู้ศักดิ์ศรีของความเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาจากเม็ดเงินมูลค่ามหาศาลนี้ ซึ่งยืนยันจากผู้สื่อข่าวหลายสำนักได้รายงานพุ่งตรงไปที่จำนวนเงินทั้งหมดที่ยื่นซื้อของ ชีค ยาสซิม ในครั้งนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและมีมูลค่าเท่าไหร่กันเชียว ตัวเลขสุดท้ายที่ออกมาคือ
ชีค ยาสซิม ได้ยื่นขอเสนอทั้งหมดไปที่ราว 5,280 ล้านปอนด์ รวมไปถึงแผนการต่อเติมสนาม, ซื้อนักเตะใหม่เข้าสโมสรเกือบ 1,400 ล้านปอนด์ รวมอยู่ในเงินก้อนดังกล่าว ทำให้ไม่ถึงจำนวนเงิน 6,000 ล้านปอนด์ที่ครอบครัวเกลเซอร์ตั้งเอาไว้ รวมไปถึงการควบคุมหุ้นของสโมสรที่ ชีค ยาสซิม ต้องการคุมทั้งหมดเพียงผู้เดียวที่ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ทำให้ดีลนี้ล่มลงไปอย่างน่าเสียดาย

ในขณะที่อีกฝากนึงก็ได้มีรายงานออกมาเช่นกันว่า คู่แข่งอีกคนของ ชีค ยาสซิม อย่าง เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศอังกฤษและซีอีโอบริษัท INEOS กำลังเข้าใกล้สู่การเป็นเจ้าของหุ้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำนวน 25 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน พร้อมทั้งยังคงรักษาไว้ให้ครอบครัวเกลเซอร์ ดูแลในส่วนของพาร์ทการหาเงินเข้าสโมสรเป็นหลัก ส่วนเจ้าตัวของดูแลเรื่องการทำทีมฟุตบอลเพียงอย่างเดียว ทำให้ดีลนี้ดูจะประสบความสำเร็จได้มากกว่า
หากเพียงแต่ว่า กระแสส่วนใหญ่ของแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ดีดกลับมาอีกครั้งถึงการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ว่า สุดท้ายมันอาจจะไม่แตกต่างจากเดิมที่เคยเป็นสักเท่าไหร่ แค่เพียงมีคนมาร่วมบริหารด้วยก็เท่านั้นเอง แถมการบริหารงานในอดีตก็ดูช่างเศร้าหมองเหลือกับสโมสร ‘นีช’ ในลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆ เลยในช่วงเวลาที่ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เป็นเจ้าของ ตรงนี้ก็ต้องมาดูกันว่า เมื่อสิ่งนี้เกิดขึนแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะเป็นเช่นไรต่อไป
ความคิดเห็นส่วนตัวจากผู้เขียนคิดว่า ที่ผ่านมาในมุมของการขายสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เริ่มจนมาถึง ณ เวลานี้ ครอบครัวเกลเซอร์ไม่เคยรู้สึกว่า พวกเขาต้องขายสโมสรในจำนวนหุ้นทั้งหมดสักครั้งเดียว เพราะนิสัยโดยรวมของครอบครัวนี้ไม่เคยอ่อนข้อให้กับเรื่องราวใดก็ตามอยู่แล้ว รวมไปถึงมูลค่าของสโมสรที่ต้องยอมรับว่า แม้ผลงานในสนามอาจจะแย่ แต่ภาพรวมทางเศรษฐกิจของแมนเชสเเตอร์ ยูไนเต็ด นอกสนามกำไรมหาศาลมากๆ ใครจะไปยอมเสียสิ่งที่เริ่มต้นมากับมือได้ง่ายๆ ตรงนี้เองจึงทำให้ข้อเสนอของ ชีค ยาสซิม ถูกปัดทิ้งอยู่บ่อยครั้งและลากกินเวลามาเกือบ 1 ปีกว่าเต็มๆ หลังจากที่มีข่าวกันไปตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ถึงปีนี้บทสรุปน่าจะออกมาแน่ชัดว่า เจ้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่ใช่ ชีค ยาสซิม แล้วแน่นอน ส่วนในฝั่งของ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ การมาของเขาแตกต่างจาก ชีค อย่างชัดเจน เขาไม่ต้องการหุ้นทั้งหมดของสโมสรตั้งแต่ต้น แถมยังให้ครอบครัวเกลเซอร์มีส่วนอยู่ในหุ้นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่นเคย ตรงนี้จึงเป็นข้อได้เปรียบของ เซอร์จิม และทำให้กำลังจะเข้าใกล้การปิดดีลไปได้ในที่สุด มีแต่วินกับวินสำหรับครอบครัวเกลเซอร์ ในการซื้อขายหุ้นสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในครั้งนี้ ไม่แปลกใจที่จะเป็นเซอร์จิมที่เข้าเส้นชัยได้ในช่วงท้าย

ส่วนสำหรับแฟนผีแดงก็คงต้องมานั่งลุ้นกันต่อไปว่า ปัญหาที่ยังคงค้างคาอยู่ทั้ง FFP การเงินของสโมสรที่ตัวเลขแดงเถือกอยู่จะจบลงอย่างไร การปรับปรุงสโมสรที่ผู้เล่นต่างทยอยออกมาบอกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่ล้าหลังและไร้ซึ่งทิศทางจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ? รวมไปถึงคำถามสำคัญอย่าง สโมสรแห่งนี้จะกลับมาทวงความสำเร็จในเรื่องของถ้วยรางวัลได้อีกครั้งรึเปล่า
ตรงนี้อีกไม่นานความจริงจะกระจ่าง
แต่ถึงอย่างไรก็ตามมหากาพย์ที่เราติดตามกันมาเกือบปีกว่าก็กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
แม้มันจะไม่ถูกใจแฟนผีทั่วโลกก็ตาม
ร้ายกาจตลอดกาลเลยนะ ‘ครอครัวเกลเซอร์’