ข้าวทั่วโลกกำลังขาดแคลนหนักในรอบ 20 ปี
ขณะนี้การผลิตข้าวกำลังลดลงในหลายๆ ประเทศอย่างจีน สหรัฐฯ ไปจนถึงสหภาพยุโรป ซึ่งผลักดันให้ราคาข้าวสูงขึ้นสำหรับผู้คนกว่า 3.5 พันล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียแปซิฟิกที่บริโภคข้าว 90% ของข้าวทั้งโลกFitch Solutions สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของอเมริกาคาดว่า ตลาดข้าวทั่วโลกจะเข้าสู่ภาวะขาดแคลนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสองทศวรรษในปี 2023 ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวกับสำนักข่าว CNBC ว่าการขาดดุลธัญพืชที่มีการเพาะปลูกมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจะส่งผลกระทบต่อผู้นำเข้ารายใหญ่
จากรายงานของ Fitch Solutions Country Risk & Industry Research คาดว่า ราคาข้าวจะยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในปัจจุบันจนถึงปี 2024 โดยราคาข้าวเฉลี่ยอยู่ที่ 17.30 ดอลลาร์ต่อตันจนถึงปี 2024 และจะลดลงเหลือเพียง 14.50 ดอลลาร์ต่อตันในปี 2024
“เนื่องจากข้าวเป็นสินค้าอาหารหลักในหลายตลาดในเอเชีย ราคาจึงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อของราคาอาหารและความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครัวเรือนที่ยากจนที่สุด…นั่นจะเป็นการขาดดุลข้าวทั่วโลกที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003/2004 เมื่อตลาดข้าวทั่วโลกขาดดุล 18.6 ล้านตัน” ชาร์ลส์ ฮาร์ต นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Fitch Solutions กล่าว
รายงานคาดการณ์ว่าปริมาณการขาดแคลนทั่วโลกในปี 2022/2023 จะอยู่ที่ 8.7 ล้านตัน
ประเทศไหนได้รับผลกระทบบ้าง?

“การผลิตข้าวที่ลดลงเมื่อเทียบรายปีในประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ก็มีส่วนทำให้ขาดดุลเช่นกัน” ออสการ์ จักรา นักวิเคราะห์อาวุโสของธนาคารอาหารและการเกษตรระดับโลกราโบบังก์กล่าว
“สถานการณ์การขาดดุลการผลิตข้าวทั่วโลกจะเพิ่มต้นทุนการนำเข้าข้าวสำหรับผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และประเทศในแอฟริกาในปี 2023” จักรากล่าว
เคลลี กูว์การี นักวิเคราะห์วิจัยอาวุโสของ Gro Intelligence กล่าวว่า “หลายประเทศจะถูกบีบให้ต้องระบายสินค้าคงคลังในประเทศด้วยเช่นกัน…ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการขาดดุลมากที่สุดคือประเทศที่ประสบปัญหาเงินเฟ้อราคาอาหารภายในประเทศสูงอยู่แล้ว เช่น ปากีสถาน ตุรกี ซีเรีย และบางประเทศในแอฟริกา”
ส่วนจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตข้าวและข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดในโลก และขณะนี้กำลังประสบกับภาวะแห้งแล้งในพื้นที่ปลูกข้าวระดับสูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ
“ตลาดส่งออกข้าวทั่วโลก ซึ่งโดยทั่วไปเข้มงวดกว่าตลาดธัญพืชหลักอื่นๆ…ก็ได้รับผลกระทบจากการจำกัดการส่งออกของอินเดีย” ฮาร์ตจาก Fitch Solutions กล่าว โดยความเคลื่อนไหวที่ฮาร์ตกล่าวนั้นถือว่าเป็น ‘ตัวขับเคลื่อนราคาสำคัญ’ สำหรับข้าว
“สถานการณ์การขาดดุลการผลิตข้าวทั่วโลกจะเพิ่มต้นทุนการนำเข้าข้าวสำหรับผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และประเทศในแอฟริกาในปี 2023” จักรากล่าว
เคลลี กูว์การี นักวิเคราะห์วิจัยอาวุโสของ Gro Intelligence กล่าวว่า “หลายประเทศจะถูกบีบให้ต้องระบายสินค้าคงคลังในประเทศด้วยเช่นกัน…ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการขาดดุลมากที่สุดคือประเทศที่ประสบปัญหาเงินเฟ้อราคาอาหารภายในประเทศสูงอยู่แล้ว เช่น ปากีสถาน ตุรกี ซีเรีย และบางประเทศในแอฟริกา”
ส่วนจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตข้าวและข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดในโลก และขณะนี้กำลังประสบกับภาวะแห้งแล้งในพื้นที่ปลูกข้าวระดับสูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ
“ตลาดส่งออกข้าวทั่วโลก ซึ่งโดยทั่วไปเข้มงวดกว่าตลาดธัญพืชหลักอื่นๆ…ก็ได้รับผลกระทบจากการจำกัดการส่งออกของอินเดีย” ฮาร์ตจาก Fitch Solutions กล่าว โดยความเคลื่อนไหวที่ฮาร์ตกล่าวนั้นถือว่าเป็น ‘ตัวขับเคลื่อนราคาสำคัญ’ สำหรับข้าว
การขาดแคลนข้าวอาจกลายเป็นอดีตไปในไม่ช้า

Fitch Solutions ประมาณการณ์ว่าตลาดข้าวทั่วโลกจะกลับสู่สถานะที่เกือบสมดุลในปี 2023/24 ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาข้าวในอนาคตตกลงต่ำกว่าระดับในปี 2022 แต่ยังคงอยู่ในระดับที่มากกว่า 1ใน 3 เหนือค่าเฉลี่ยช่วงก่อนโควิด (2015-2019)…”
“เราเชื่อว่าตลาดข้าวจะกลับมาเกินดุลในปี 2024/25 และผ่อนคลายต่อไปในระยะกลาง…ราคาข้าวอาจลดลงเกือบ 10% เป็น 15.50 ดอลลาร์ต่อร้อยน้ำหนักในปี 2024”
“เรามองว่าการผลิตข้าวทั่วโลกจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2023/24 โดยคาดว่าผลผลิตทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี” Fitch Solutions รายงาน นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าอินเดียจะเป็น ‘เครื่องยนต์หลัก’ ของผลผลิตข้าวทั่วโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม การผลิตข้าวยังคงขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
ในขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดียคาดว่าประเทศจะได้รับปริมาณฝนมรสุม ‘ปกติ’ แต่การคาดการณ์ความร้อนและคลื่นความร้อนที่รุนแรงตลอดไตรมาสที่สองและสามของปี 2023 ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีของอินเดีย
ประเทศอื่นก็ไม่รอดเช่นกัน “จีนเป็นผู้ผลิตข้าวและข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดในโลก และขณะนี้กำลังประสบกับภาวะแห้งแล้งในพื้นที่ปลูกข้าวในระดับสูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ”
“ประเทศผู้ปลูกข้าวรายใหญ่ของยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ก็ประสบปัญหาภัยแล้งในระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีเช่นกัน” กูว์การีกล่าว
“เราเชื่อว่าตลาดข้าวจะกลับมาเกินดุลในปี 2024/25 และผ่อนคลายต่อไปในระยะกลาง…ราคาข้าวอาจลดลงเกือบ 10% เป็น 15.50 ดอลลาร์ต่อร้อยน้ำหนักในปี 2024”
“เรามองว่าการผลิตข้าวทั่วโลกจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2023/24 โดยคาดว่าผลผลิตทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี” Fitch Solutions รายงาน นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าอินเดียจะเป็น ‘เครื่องยนต์หลัก’ ของผลผลิตข้าวทั่วโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม การผลิตข้าวยังคงขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
ในขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดียคาดว่าประเทศจะได้รับปริมาณฝนมรสุม ‘ปกติ’ แต่การคาดการณ์ความร้อนและคลื่นความร้อนที่รุนแรงตลอดไตรมาสที่สองและสามของปี 2023 ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีของอินเดีย
ประเทศอื่นก็ไม่รอดเช่นกัน “จีนเป็นผู้ผลิตข้าวและข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดในโลก และขณะนี้กำลังประสบกับภาวะแห้งแล้งในพื้นที่ปลูกข้าวในระดับสูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ”
“ประเทศผู้ปลูกข้าวรายใหญ่ของยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ก็ประสบปัญหาภัยแล้งในระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีเช่นกัน” กูว์การีกล่าว