ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังสร้างความฮือฮาทั้งในสิ่งที่ทำได้และความสามารถสุดอัจฉริยะที่อาจเข้ามาแทนที่มนุษย์ในสักวันหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าทุกอาชีพจะถูกแทนที่ด้วย AI ได้ง่ายๆ และยังมีงานที่ให้ผลตอบแทนสูงมากมายและไม่อยู่ภายใต้การคุกคามจาก AI
ทนายความ
ทนายความมีหน้าที่เป็นตัวแทนของบุคคล ธุรกิจ หรือหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการทางกฎหมาย แม้ว่า AI จะได้รับอนุญาตให้ร่างเอกสารได้ แต่หน้าที่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นของ ‘มนุษย์’ ในการตรวจสอบความถูกต้องอยู่ดี และตามสถิติแรงงาน (BLS) แล้ว ทนายความสามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 127,990 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 4.3 ล้านบาท)
แพทย์
แพทย์ดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพต่างๆ หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาการแพทย์เฉพาะทาง เช่น ประสาทวิทยาหรือโรคหัวใจ แม้ว่า AI จะเป็นที่นิยมในวงการแพทย์มากขึ้น แต่ ‘มนุษย์แพทย์’ ก็ยังมีความจำเป็น
รายได้ของแพทย์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความพิเศษที่เลือก ตัวอย่างเช่น ศัลยแพทย์สามารถทำเงินได้เกือบ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 10 ล้านบาท) ขณะที่กุมารแพทย์สามารถทำเงินได้เกือบ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 6.7 ล้านบาท)
ผู้รับเหมาก่อสร้าง
อย่างที่เรารู้กันว่าผู้รับเหมาเป็นคนที่จะต้องคอยควบคุมสถานที่ก่อสร้างตั้งแต่ต้นไปจนจบ แม้ว่าจะมีการใช้เครื่องจักรในระหว่างขั้นตอนการก่อสร้าง แต่มนุษย์ก็ยังมีความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าโครงการจะดำเนินต่อไปได้ทันเวลาและค้นหาวิธีแก้ไขสำหรับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งรายได้ก็ไม่น้อยหน้าเลยเฉลี่ยอยู่ที่ 98,989 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (3.3 ล้านบาท)
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ที่ AI ก็สามารถทำได้ แต่ก็ยังไม่พ้น ‘สายตามนุษย์’ ที่จะต้องคอยตรวจสอบก่อนที่จะปล่อยออกสู่สาธารณะอยู่ดี เพราะผู้จัดการมีหน้าที่หลักนั่นคือการดูแลภาพลักษณ์ของแบรนด์ก่อนออกสู่สายตาคนทั่วโลก โดยมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 119,860 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4 ล้านบาท)
สัตวแพทย์
แม้ปัจจุบัน AI ถูกใช้ในการทำนายโรคในสัตว์ แต่สัตวแพทย์ก็ไม่ได้ถึงกับตกงาน เนื่องจาก ‘มนุษย์’ ยังมีความจำเป็นในการตรวจร่างกายสัตว์ สัตวแพทย์มีรายได้ประจำปีเฉลี่ยอยู่ที่ 100,370 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.3 ล้านบาท)
จิตแพทย์
ในบางกรณีจิตแพทย์ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ป่วยในแบบส่วนตัวที่ AI ไม่สามารถเลียนแบบได้ มนุษย์ยังต้องการการรับฟังแบบ ‘เห็นอกเห็นใจ’ ซึ่งเป็นสิ่งที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้ โดยจิตแพทย์สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 249,760 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.4 ล้านบาท)
พยาบาล
แม้ว่าบางหน้าที่ของพยาบาลอาจใช้ AI เพื่อช่วยในการปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่พยาบาลยังคงจำเป็นสำหรับการดูแลผู้ป่วยแบบรายวัน BLS ระบุว่า พยาบาลสามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 77,600 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.6 ล้านบาท)
ทันตแพทย์
ขณะนี้มีแอปพลิเคชั่น AI ประมาณ 2 – 3 ตัวที่เกี่ยวกับทันตกรรม รวมถึงช่วยวินิจฉัย อย่างไรก็ตามมนุษย์ก็ยังคงต้องพึ่งพาทันตแพทย์ตัวจริงในการดูแลและทำความช่องปาก จากข้อมูลของ BLS ทันตแพทย์สามารถรับรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 163,220 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.4 ล้านบาท)
ผู้ตรวจสอบบัญชี
แม้ปัจจุบันจะสามารถใช้ AI ในภาคสนามเพื่อช่วยให้ผู้ตรวจสอบทราบว่าส่วนใดของการเงินได้ก็จริง แต่ท้ายที่สุดแล้ว บุคคลจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาค่าความคลาดเคลื่อน ผู้ตรวจสอบบัญชีสามารถสร้างรายได้ 77,250 ดอลลาร์ต่อปี (ราว 2.6 ล้านบาท) โดยเฉลี่ยตามข้อมูลของ BLS
ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล
AI ได้กลายเป็นเครื่องมือล้ำค่าในการทำงานด้านทรัพยากรบุคคล (HR) ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในระหว่างกระบวนการจ้างงานโดยจำกัดสิ่งที่ต้องการในตัวผู้สมัครให้แคบลง อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็ยังคงจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจว่าผู้สมัครเหมาะสมหรือไม่
การทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 126,230 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.2 ล้านบาท) ตามข้อมูลของ BLS
นักวางแผน
แม้ว่ามีแนวโน้มว่าจะมีซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI เพื่อช่วยค้นหาตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับกิจกรรมต่างๆ ที่ลูกค้าต้องการจะจัด แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีบุคคลในสถานที่เพื่อให้กิจกรรมดำเนินไปอย่างราบรื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้
นักวางแผนงานสามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 49,470 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 1.6 ล้านบาท) ตามข้อมูลของ BLS
ช่างประปา
ช่างประปาอาจทำงานในบ้าน ร้านค้า หรือพื้นที่ธุรกิจ หรือพื้นที่อื่นๆ และมีรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 59,880 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 ล้านบาท) ตามข้อมูลของ BLS
สถาปนิก
แม้ว่าจะสามารถใช้ AI เพื่อช่วยสร้างแบบจำลองได้ แต่การมีบุคคลจริงๆ คอยควบคุมกระบวนการก็ยังมีประโยชน์ ตัวอย่างเช่น มนุษย์สามารถรวมข้อเสนอแนะหากลูกค้าต้องการการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ข้อมูล BLS ระบุว่าสถาปนิกสามารถคาดหวังรายได้ประมาณ 80,180 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 2.7 ล้านบาท)
นักการเมือง
หลายคนอาจใช้ AI เพื่อกรองข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่หุ่นยนต์ก็ไม่น่าจะแทนที่ผู้สมัครตัวจริง ที่เป็นมนุษย์จริงๆ ได้ นักการเมืองเหล่านี้มีแนวโน้มรายได้อยู่ที่ 57,110 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 1.9 ล้านบาท) ตามข้อมูลของ BLS
นักกีฬา
อาชีพที่ AI ไม่มีทางทดแทนได้แถมมีรายได้สูงอีกอย่างหนึ่งคือ ‘นักกีฬา’ แม้ว่า AI จะช่วยปรับแต่งตารางฝึกซ้อมของมนุษย์ได้ แต่ในแง่ของผู้เข้าแข่งขัน เราจะไม่มีวันได้พบเจอหุ่นยนต์มาลงแข่งกีฬาบางประเภทได้แน่ๆ ซึ่งค่าจ้างของนักกีฬาอาจแตกต่างกันออกไป โดยมีค่าจ้างเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 77,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.6 ล้านบาท)
การทำงานในสายอาชีพที่มีค่าตอบแทนสูง มันอาจจะช่วยให้เราจ่ายหนี้ หรือเกษียณก่อนกำหนดได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะได้พิจารณาขอบเขตที่กว้างขึ้น และช่วยให้เราพิจารณาว่า AI อาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในอนาคตหรือไม่?
ทนายความ
ทนายความมีหน้าที่เป็นตัวแทนของบุคคล ธุรกิจ หรือหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการทางกฎหมาย แม้ว่า AI จะได้รับอนุญาตให้ร่างเอกสารได้ แต่หน้าที่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นของ ‘มนุษย์’ ในการตรวจสอบความถูกต้องอยู่ดี และตามสถิติแรงงาน (BLS) แล้ว ทนายความสามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 127,990 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 4.3 ล้านบาท)
แพทย์
แพทย์ดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพต่างๆ หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาการแพทย์เฉพาะทาง เช่น ประสาทวิทยาหรือโรคหัวใจ แม้ว่า AI จะเป็นที่นิยมในวงการแพทย์มากขึ้น แต่ ‘มนุษย์แพทย์’ ก็ยังมีความจำเป็น
รายได้ของแพทย์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความพิเศษที่เลือก ตัวอย่างเช่น ศัลยแพทย์สามารถทำเงินได้เกือบ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 10 ล้านบาท) ขณะที่กุมารแพทย์สามารถทำเงินได้เกือบ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 6.7 ล้านบาท)
ผู้รับเหมาก่อสร้าง
อย่างที่เรารู้กันว่าผู้รับเหมาเป็นคนที่จะต้องคอยควบคุมสถานที่ก่อสร้างตั้งแต่ต้นไปจนจบ แม้ว่าจะมีการใช้เครื่องจักรในระหว่างขั้นตอนการก่อสร้าง แต่มนุษย์ก็ยังมีความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าโครงการจะดำเนินต่อไปได้ทันเวลาและค้นหาวิธีแก้ไขสำหรับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งรายได้ก็ไม่น้อยหน้าเลยเฉลี่ยอยู่ที่ 98,989 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (3.3 ล้านบาท)
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ที่ AI ก็สามารถทำได้ แต่ก็ยังไม่พ้น ‘สายตามนุษย์’ ที่จะต้องคอยตรวจสอบก่อนที่จะปล่อยออกสู่สาธารณะอยู่ดี เพราะผู้จัดการมีหน้าที่หลักนั่นคือการดูแลภาพลักษณ์ของแบรนด์ก่อนออกสู่สายตาคนทั่วโลก โดยมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 119,860 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4 ล้านบาท)
สัตวแพทย์
แม้ปัจจุบัน AI ถูกใช้ในการทำนายโรคในสัตว์ แต่สัตวแพทย์ก็ไม่ได้ถึงกับตกงาน เนื่องจาก ‘มนุษย์’ ยังมีความจำเป็นในการตรวจร่างกายสัตว์ สัตวแพทย์มีรายได้ประจำปีเฉลี่ยอยู่ที่ 100,370 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.3 ล้านบาท)
จิตแพทย์
ในบางกรณีจิตแพทย์ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ป่วยในแบบส่วนตัวที่ AI ไม่สามารถเลียนแบบได้ มนุษย์ยังต้องการการรับฟังแบบ ‘เห็นอกเห็นใจ’ ซึ่งเป็นสิ่งที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้ โดยจิตแพทย์สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 249,760 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.4 ล้านบาท)
พยาบาล
แม้ว่าบางหน้าที่ของพยาบาลอาจใช้ AI เพื่อช่วยในการปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่พยาบาลยังคงจำเป็นสำหรับการดูแลผู้ป่วยแบบรายวัน BLS ระบุว่า พยาบาลสามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 77,600 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.6 ล้านบาท)
ทันตแพทย์
ขณะนี้มีแอปพลิเคชั่น AI ประมาณ 2 – 3 ตัวที่เกี่ยวกับทันตกรรม รวมถึงช่วยวินิจฉัย อย่างไรก็ตามมนุษย์ก็ยังคงต้องพึ่งพาทันตแพทย์ตัวจริงในการดูแลและทำความช่องปาก จากข้อมูลของ BLS ทันตแพทย์สามารถรับรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 163,220 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.4 ล้านบาท)
ผู้ตรวจสอบบัญชี
แม้ปัจจุบันจะสามารถใช้ AI ในภาคสนามเพื่อช่วยให้ผู้ตรวจสอบทราบว่าส่วนใดของการเงินได้ก็จริง แต่ท้ายที่สุดแล้ว บุคคลจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาค่าความคลาดเคลื่อน ผู้ตรวจสอบบัญชีสามารถสร้างรายได้ 77,250 ดอลลาร์ต่อปี (ราว 2.6 ล้านบาท) โดยเฉลี่ยตามข้อมูลของ BLS
ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล
AI ได้กลายเป็นเครื่องมือล้ำค่าในการทำงานด้านทรัพยากรบุคคล (HR) ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในระหว่างกระบวนการจ้างงานโดยจำกัดสิ่งที่ต้องการในตัวผู้สมัครให้แคบลง อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็ยังคงจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจว่าผู้สมัครเหมาะสมหรือไม่
การทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 126,230 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.2 ล้านบาท) ตามข้อมูลของ BLS
นักวางแผน
แม้ว่ามีแนวโน้มว่าจะมีซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI เพื่อช่วยค้นหาตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับกิจกรรมต่างๆ ที่ลูกค้าต้องการจะจัด แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีบุคคลในสถานที่เพื่อให้กิจกรรมดำเนินไปอย่างราบรื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้
นักวางแผนงานสามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 49,470 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 1.6 ล้านบาท) ตามข้อมูลของ BLS
ช่างประปา
ช่างประปาอาจทำงานในบ้าน ร้านค้า หรือพื้นที่ธุรกิจ หรือพื้นที่อื่นๆ และมีรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 59,880 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 ล้านบาท) ตามข้อมูลของ BLS
สถาปนิก
แม้ว่าจะสามารถใช้ AI เพื่อช่วยสร้างแบบจำลองได้ แต่การมีบุคคลจริงๆ คอยควบคุมกระบวนการก็ยังมีประโยชน์ ตัวอย่างเช่น มนุษย์สามารถรวมข้อเสนอแนะหากลูกค้าต้องการการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ข้อมูล BLS ระบุว่าสถาปนิกสามารถคาดหวังรายได้ประมาณ 80,180 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 2.7 ล้านบาท)
นักการเมือง
หลายคนอาจใช้ AI เพื่อกรองข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่หุ่นยนต์ก็ไม่น่าจะแทนที่ผู้สมัครตัวจริง ที่เป็นมนุษย์จริงๆ ได้ นักการเมืองเหล่านี้มีแนวโน้มรายได้อยู่ที่ 57,110 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 1.9 ล้านบาท) ตามข้อมูลของ BLS
นักกีฬา
อาชีพที่ AI ไม่มีทางทดแทนได้แถมมีรายได้สูงอีกอย่างหนึ่งคือ ‘นักกีฬา’ แม้ว่า AI จะช่วยปรับแต่งตารางฝึกซ้อมของมนุษย์ได้ แต่ในแง่ของผู้เข้าแข่งขัน เราจะไม่มีวันได้พบเจอหุ่นยนต์มาลงแข่งกีฬาบางประเภทได้แน่ๆ ซึ่งค่าจ้างของนักกีฬาอาจแตกต่างกันออกไป โดยมีค่าจ้างเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 77,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.6 ล้านบาท)
การทำงานในสายอาชีพที่มีค่าตอบแทนสูง มันอาจจะช่วยให้เราจ่ายหนี้ หรือเกษียณก่อนกำหนดได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะได้พิจารณาขอบเขตที่กว้างขึ้น และช่วยให้เราพิจารณาว่า AI อาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในอนาคตหรือไม่?
