อับดุล อาซีซ อาศัยอยู่ในเมืองมาเล เมืองหลวงของหมู่เกาะมัลดีฟส์ สถานที่ที่ล้อมรอบไปด้วยมหาสมุทรอินเดียอันงดงาม เธอเติบโตขึ้นมาในเมืองพื้นที่ส่วนใหญ่มีแต่ ‘น้ำ’ เป็นส่วนประกอบ แต่เธอกลับ ‘หวาดกลัว’ มัน เพราะเธอไม่เคยเรียนรู้วิธีการ ‘ว่ายน้ำ’ เลยด้วยซ้ำ
“ครอบครัวของฉันกังวลว่าบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นกับฉัน ซึ่งนั่นทำให้พวกเขา (ครอบครัว) ไม่ส่งฉันไปหัดเรียนว่ายน้ำตอนฉันยังเด็กๆ” อาซีซกล่าว
จนกระทั่งอาซีซอายุ 22 ปี เธอเริ่มหัดเรียนว่ายน้ำ โดยแฟนหนุ่มของเธอได้สร้างแรงบรรดาลใจเธอว่าโลกใต้น้ำในมัลดีฟส์นั้นมันสวยงามขนาดไหน เธอบอกว่า ยังมีอะไรอีกมากมายในโลกใต้น้ำ ซึ่งฉันอยากที่จะสัมผัสมัน
แต่เธอไม่ใช่คนเดียวในมัลดีฟส์ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น..
มัลดีฟส์มีน้ำกว่า 99% เป็นส่วนประกอบ และมากกว่า 80% ของเกาะทั้ง 1,190 เกาะ มีระยะเหนือน้ำแค่ 1 เมตรเท่านั้น หนุ่มสาวชาวมัลดีฟส์ โดยเฉพาะผู้หญิงไม่รู้วิธีการว่ายน้ำ ซึ่งมันหมายถึงว่าพวกเธอถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงทักษะพื้นฐานในการใช้ชีวิต ทั้งนี้ มันยังหยุดวงจรของคนท้องถิ่น และไม่ให้เหล่าสาวๆ เข้าถึง 2 อุตสาหกรรมหลัก นั่นคือการประมง และการท่องเที่ยว
การศึกษาจาก Ocean Women Project ในปี 2012 ระบุว่า มีเพียง 10% ของเด็กอายุ 15 – 16 ปี ที่อาศัยอยู่ในมัลดีฟส์สามารถว่ายน้ำได้ ผู้หญิงและเด็กสาวเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเยอะที่สุด ผู้หญิงรู้สึกไม่มั่นใจในการว่ายน้ำมากกว่าเด็กผู้ชายถึง 3 เท่า และอีกกว่า 50% ไม่เคยดำน้ำตื้น
อิสทาน ริชมา ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีแห่งเกาะลามู กล่าวว่า เราถูกล้อมรอบโดยเกาะ และผู้หญิงไม่สามารถเพลิดเพลินกับความสวยงามเหล่านั้นได้
ฟรอสซี บาร์เราด์ เจ้าหน้าที่ขององค์กรการกุศล Manta Trust และผู้นำโครงการ Ocean Women ระบุว่า การสูญเสียไลฟ์สไตล์แบบดั้งเดิม ที่เชื่อมโยงกับทะเล คือสาเหตุส่วนหนึ่ง เราได้ยินว่าเหล่าแม่ๆ เคยไปล้างอุปกรณ์พวกหม้อ ไห ในทะเล หลังจากที่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว นั่นหมายความว่า เด็กๆ จะเดินตามลงไปเล่นน้ำด้วยกัน แต่ตอนนี้พวกแม่ๆ เหล่านี้ไม่ได้ทำอาหารแบบนั้นอีกแล้ว
‘กระแสสังคม’ เอง ก็มีส่วนทำให้ชาวมัลดีฟส์ขาดทักษะการว่ายน้ำ
ทุกวันนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ออกไปทำงาน และทิ้งลูกหลานไว้ ซึ่งนั่นหมายความว่า เวลาที่จะใช้ร่วมกันกับพวกเขามันลดน้อยลง และแม้กระทั่งเวลาที่จะพาเด็กๆ ไปเล่นน้ำ
“เพราะว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่มีเวลาที่จะไปสอนพวกเขาว่ายน้ำ ซึ่งนั่นทำให้เด็กๆ ต้องอยู่แต่บ้าน” อมินา ซูนา ผู้ก่อตั้ง Salted Ventures Swimmers กล่าว
มีเหตุผลทางสังคมและวัฒนธรรมหลายประการที่ทำให้เด็กผู้หญิงไม่ชอบว่ายน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ‘การป้องกัน ที่มากเกินไป’
กรณีที่เกิดขึ้น คือเด็กผู้หญิงบางคนที่ว่ายน้ำ จะถูกมองว่ามีรสนิยมทางเพศที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน หรือที่เราเรียกกันว่า ‘เป็นทอม’ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดี เพราะ ‘ความเชื่อ’ ที่ถูกเชื่อมโยง ซึ่งนั่นบัญญัติไว้ว่า เด็กผู้หญิงควรอยู่บ้านให้มากขึ้น ไม่ใช่ไปเที่ยวนอกบ้านเหมือนเด็กผู้ชาย
บาร์เราด์ กล่าวว่า บางครอบครัวอาจบอกลูกสาวของพวกเขาไม่ให้ไปที่ทะเล เพราะพวกเธออาจถูกแสงจากดวงอาทิตย์แผดเผาผิวของพวกเธอจนไหม้ดำ
ในประเทศที่มีภูมิภาคเป็นเกาะ การว่ายน้ำเปรียบเสมือนทักษะชีวิตอย่างหนึ่ง ในปี 2019 มีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำราว 3.2 คนต่อประชากร 100,000 คนในมัลดีฟส์
ในเดือนตุลาคม โครงการนำร่อง Ocean Women จะเสนอการฝึกอบรมครูสอนว่ายน้ำสำหรับ 10 คนจาก 5 เกาะ โดยครึ่งหนึ่งต้องเป็นหญิง ด้วยความหวังที่ว่าพวกเธอจะสอนคนอื่นๆ ในชุมชนให้ว่ายน้ำบ้าง
อาซีซยังคงมีความหวังว่า ผู้หญิงจะว่ายน้ำเป็น
“ฉันรู้สึกว่าผู้คนควรเปิดใจมากกว่านี้ และไม่ตัดสินผู้หญิงมากเกินไป ไม่ใช่เรื่องสำหรับผู้ชายเท่านั้น เพราะทั้ง 2 เพศต่างสามารถเพลิดเพลินกับโลกใต้น้ำได้เท่าๆ กัน” อาซีซกล่าว
“ครอบครัวของฉันกังวลว่าบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นกับฉัน ซึ่งนั่นทำให้พวกเขา (ครอบครัว) ไม่ส่งฉันไปหัดเรียนว่ายน้ำตอนฉันยังเด็กๆ” อาซีซกล่าว
จนกระทั่งอาซีซอายุ 22 ปี เธอเริ่มหัดเรียนว่ายน้ำ โดยแฟนหนุ่มของเธอได้สร้างแรงบรรดาลใจเธอว่าโลกใต้น้ำในมัลดีฟส์นั้นมันสวยงามขนาดไหน เธอบอกว่า ยังมีอะไรอีกมากมายในโลกใต้น้ำ ซึ่งฉันอยากที่จะสัมผัสมัน
แต่เธอไม่ใช่คนเดียวในมัลดีฟส์ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น..
มัลดีฟส์มีน้ำกว่า 99% เป็นส่วนประกอบ และมากกว่า 80% ของเกาะทั้ง 1,190 เกาะ มีระยะเหนือน้ำแค่ 1 เมตรเท่านั้น หนุ่มสาวชาวมัลดีฟส์ โดยเฉพาะผู้หญิงไม่รู้วิธีการว่ายน้ำ ซึ่งมันหมายถึงว่าพวกเธอถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงทักษะพื้นฐานในการใช้ชีวิต ทั้งนี้ มันยังหยุดวงจรของคนท้องถิ่น และไม่ให้เหล่าสาวๆ เข้าถึง 2 อุตสาหกรรมหลัก นั่นคือการประมง และการท่องเที่ยว
การศึกษาจาก Ocean Women Project ในปี 2012 ระบุว่า มีเพียง 10% ของเด็กอายุ 15 – 16 ปี ที่อาศัยอยู่ในมัลดีฟส์สามารถว่ายน้ำได้ ผู้หญิงและเด็กสาวเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเยอะที่สุด ผู้หญิงรู้สึกไม่มั่นใจในการว่ายน้ำมากกว่าเด็กผู้ชายถึง 3 เท่า และอีกกว่า 50% ไม่เคยดำน้ำตื้น
อิสทาน ริชมา ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีแห่งเกาะลามู กล่าวว่า เราถูกล้อมรอบโดยเกาะ และผู้หญิงไม่สามารถเพลิดเพลินกับความสวยงามเหล่านั้นได้
ฟรอสซี บาร์เราด์ เจ้าหน้าที่ขององค์กรการกุศล Manta Trust และผู้นำโครงการ Ocean Women ระบุว่า การสูญเสียไลฟ์สไตล์แบบดั้งเดิม ที่เชื่อมโยงกับทะเล คือสาเหตุส่วนหนึ่ง เราได้ยินว่าเหล่าแม่ๆ เคยไปล้างอุปกรณ์พวกหม้อ ไห ในทะเล หลังจากที่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว นั่นหมายความว่า เด็กๆ จะเดินตามลงไปเล่นน้ำด้วยกัน แต่ตอนนี้พวกแม่ๆ เหล่านี้ไม่ได้ทำอาหารแบบนั้นอีกแล้ว
‘กระแสสังคม’ เอง ก็มีส่วนทำให้ชาวมัลดีฟส์ขาดทักษะการว่ายน้ำ
ทุกวันนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ออกไปทำงาน และทิ้งลูกหลานไว้ ซึ่งนั่นหมายความว่า เวลาที่จะใช้ร่วมกันกับพวกเขามันลดน้อยลง และแม้กระทั่งเวลาที่จะพาเด็กๆ ไปเล่นน้ำ
“เพราะว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่มีเวลาที่จะไปสอนพวกเขาว่ายน้ำ ซึ่งนั่นทำให้เด็กๆ ต้องอยู่แต่บ้าน” อมินา ซูนา ผู้ก่อตั้ง Salted Ventures Swimmers กล่าว
มีเหตุผลทางสังคมและวัฒนธรรมหลายประการที่ทำให้เด็กผู้หญิงไม่ชอบว่ายน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ‘การป้องกัน ที่มากเกินไป’
กรณีที่เกิดขึ้น คือเด็กผู้หญิงบางคนที่ว่ายน้ำ จะถูกมองว่ามีรสนิยมทางเพศที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน หรือที่เราเรียกกันว่า ‘เป็นทอม’ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดี เพราะ ‘ความเชื่อ’ ที่ถูกเชื่อมโยง ซึ่งนั่นบัญญัติไว้ว่า เด็กผู้หญิงควรอยู่บ้านให้มากขึ้น ไม่ใช่ไปเที่ยวนอกบ้านเหมือนเด็กผู้ชาย
บาร์เราด์ กล่าวว่า บางครอบครัวอาจบอกลูกสาวของพวกเขาไม่ให้ไปที่ทะเล เพราะพวกเธออาจถูกแสงจากดวงอาทิตย์แผดเผาผิวของพวกเธอจนไหม้ดำ
ในประเทศที่มีภูมิภาคเป็นเกาะ การว่ายน้ำเปรียบเสมือนทักษะชีวิตอย่างหนึ่ง ในปี 2019 มีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำราว 3.2 คนต่อประชากร 100,000 คนในมัลดีฟส์
ในเดือนตุลาคม โครงการนำร่อง Ocean Women จะเสนอการฝึกอบรมครูสอนว่ายน้ำสำหรับ 10 คนจาก 5 เกาะ โดยครึ่งหนึ่งต้องเป็นหญิง ด้วยความหวังที่ว่าพวกเธอจะสอนคนอื่นๆ ในชุมชนให้ว่ายน้ำบ้าง
อาซีซยังคงมีความหวังว่า ผู้หญิงจะว่ายน้ำเป็น
“ฉันรู้สึกว่าผู้คนควรเปิดใจมากกว่านี้ และไม่ตัดสินผู้หญิงมากเกินไป ไม่ใช่เรื่องสำหรับผู้ชายเท่านั้น เพราะทั้ง 2 เพศต่างสามารถเพลิดเพลินกับโลกใต้น้ำได้เท่าๆ กัน” อาซีซกล่าว