เป็นครั้งแรกที่ประชาชนจะได้รับเชิญให้ถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระมหากษัตริย์ ในพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 6 พ.ค. นี้ กำหนดการของพิธีราชาภิเษก
จะมีการประกาศต่อหน้าประชาชน ซึ่งเป็นการแนะนำกษัตริย์องค์ใหม่ ตามธรรมเนียมเก่าแก่ที่ย้อนกลับไปในยุคสมัยแองโกล-แซกซอน โดยกษัตริย์จะต้องยืนอยู่ข้างบัลลังค์อายุ 700 ปี และหันไปทางทิศต่างๆ ของมหาวิหาร พร้อมทั้งจะมีเสียงป่าวประกาศว่า ‘กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 คือกษัตริย์พระองค์ใหม่ของเรา อย่างไม่ต้องสงสัย’
ผู้เข้าร่วมพิธีจะต้องเปล่งเสียงออกมาพร้อมกันว่า ‘ขอพระผู้เป็นเจ้าปกปักรักษาพระราชา’ โดยจะมีเสียงแตรเป่ารับทุกๆ ครั้งที่กล่าว
ขั้นตอนที่ 2: กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ
ก่อนพิธีสาบานตน อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีจะรับทราบถึงความเชื่อที่หลากหลายที่สังเกตพบในสหราชอาณาจักร โดยกล่าวว่า นิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์จะพยายามส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ผู้คนจากทุกศาสนาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ
จากนั้นอาร์คบิชอปจะทำพิธีสาบานตนพิธีราชาภิเษกซึ่งเป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย เขาจะขอให้กษัตริย์ชาร์ลส์ยืนยันว่าเขาจะรักษากฎหมายและนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ในรัชสมัยของเขา และกษัตริย์จะวางมือบนพระกิตติคุณศักดิ์สิทธิ์และให้คำมั่นว่าจะ ‘ปฏิบัติตามและรักษา’ สัญญาเหล่านั้น
กษัตริย์จะทรงปฏิญาณครั้งที่ 2 ด้วยคำปฏิญญาภาคยานุวัติโดยระบุว่า พระองค์เป็น ‘โปรเตสแตนต์ผู้ซื่อสัตย์’
ขั้นตอนที่ 3: การเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์
เสื้อคลุมพิธีการของกษัตริย์จะถูกถอดออก และกษัตริย์จะประทับบนบัลลังก์พิธีบรมราชาภิเษกเพื่อรับการเจิมม โดยเน้นย้ำถึงสถานะทางจิตวิญญาณของกษัตริย์ซึ่งเป็นหัวหน้าของนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ด้วย
อาร์คบิชอปจะเทน้ำมันศักดิ์สิทธิ์จากแอมพูลลา (Ampulla) ซึ่งบรรจุอยู่ในขวดทองคำลงบนช้อนราชาภิเษกก่อนจะเจิมกษัตริย์เป็นรูปไม้กางเขนบนศีรษะ อก และพระหัตถ์
แอมพูลลาถูกสร้างขึ้นสำหรับพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แต่รูปร่างของมันกลับคล้ายกับรุ่นก่อนๆ และมีตำนานว่าพระแม่มารีปรากฏต่อ เซนต์ โทมัส อาร์ แบคเก็ต ในศตวรรษที่ 12 และมอบนกอินทรีทองคำให้ ซึ่งกษัตริย์แห่งอังกฤษองค์ต่อไปจะได้รับการเจิมด้วยสิ่งนี้ ขณะที่ช้อนราชาภิเษกนั้น มีอายุเยอะกว่ามาก โดยรอดพ้นจากการทำลายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ หลังสงครามกลางเมืองอังกฤษ
ในส่วนของน้ำมันนั้น ถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้ในพิธีราชาภิเษกโดยใช้มะกอกที่เก็บเกี่ยวจากสวน 2 แห่งบนภูเขามะกอกเทศในกรุงเยรูซาเล็ม และถวายในพิธีพิเศษที่โบสถ์แห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์ในเมือง อ่าน ‘Holy Oil’ จากอิสราเอล สิ่งที่ขาดไม่ได้ในพิธีบรมราชาภิเษกกษัตริย์อังกฤษ’ ได้ที่นี่
ในพิธีจะมีม่านที่ถูกจัดรอบบัลลังค์เพื่อปกปิดพระมหากษัตริย์จากการมองเห็น เพราะถือเป็นส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพิธี
ขั้นตอนที่ 4: สวมมงกุฎ
เมื่อเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ช่วงเวลาต่อไปเป็นการสวมมงกุฎ โดยอาร์คบิชอปจะถวายการสวม หรือวางพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดลงบนพระเศียรของกษัตริย์ ซึ่งตลอดพระชนมชีพของกษัตริย์จะได้ทรงพระมหามงกุฎนี้เพียงครั้งเดียว นั่นคือในพิธีราชาภิเษกนี้เท่านั้น
จากนั้นระฆังของโบสถ์จะดังขึ้นเป็นเวลา 2 นาที แตรจะดังขึ้น และจะมีการยิงสลุตทั่วสหราชอาณาจักร
จะมีการยิงสลุต 62 นัดที่หอคอยแห่งลอนดอน พร้อมกับการยิงปืน 6 นัดที่ Horse Guards Parade กระสุน 21 นัดจะถูกยิงในสถานที่อีก 11 แห่งทั่วสหราชอาณาจักร รวมถึงเอดินเบอระ คาร์ดิฟฟ์ และเบลฟาสต์ และบนเรือของกองทัพเรืออังกฤษ
ขั้นตอนที่ 5: การขึ้นครองราชย์
ช่วงสุดท้ายของพิธี กษัตริย์จะขึ้นไปประทับบนอาสน์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าได้ครองราชย์อย่างสมบูรณ์แล้ว ตามธรรมเนียมแล้ว ผู้สืบสันตติวงศ์และพระราชวงศ์จะถวายความเคารพด้วยการคุกเข่าต่อพระพักตร์กษัตริย์องค์ใหม่ กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณและจุมพิตพระหัตถ์ขวา อย่างไรก็ตาม เจ้าชายวิลเลียมจะเป็นดยุกพระองค์เดียวที่จะคุกเข่าถวายบังคมกษัตริย์ชาร์ลส์
พระราชพิธีสำหรับสมเด็จพระราชินี
หลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีข้างต้นแล้ว สมเด็จพระราชินีคามิลลาจะได้รับการเจิมด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ สวมมงกุฎและขึ้นครองราชย์ ซึ่งจะมีพิธีการที่เรียบง่ายกว่า และไม่ต้องกล่าวสัตย์ปฏิญาณต่อกษัตริย์
เสด็จกลับพระราชวังบักกิงแฮม
กษัตริย์และสมเด็จพระราชินีจะลงจากบัลลังก์ และเข้าสู่โบสถ์เซนต์เอ็ดเวิร์ดที่อยู่ด้านหลัง กษัตริย์ชาร์ลส์จะถอดมงกุฎของเซนต์เอ็ดเวิร์ดออก และสวมมงกุฎแห่งรัฐอิมพีเรียล ก่อนที่จะเข้าร่วมขบวนแห่ออกจากโบสถ์ขณะที่เพลงชาติกำลังบรรเลง
สมาชิกกองทัพเกือบ 4,000 นายของสหราชอาณาจักรจะเข้าร่วมในสิ่งที่กระทรวงกลาโหมเรียกว่าเป็นพิธีการทางทหารครั้งใหญ่ที่สุด และกองทหารอังกฤษจะจัดทหารกองเกียรติยศ 100 นายเข้าแถวตามเส้นทางขบวนในจัตุรัสรัฐสภา เส้นทางนี้มีระยะทางราว 2.29 กม. จากโบสถ์ไปสู่บริเวณพระราชวัง พระมหากษัตริย์และสมเด็จพระราชินีจะได้รับพระราชทานสดุดีและกองกำลังทหารที่ร่วมสวนสนาม
ฝูงบินถวายพระเกียรติ
พระราชวังบัคกิงแฮมยืนยันว่ากษัตริย์ชาร์ลส์และสมเด็จพระราชินีจะสืบสานประเพณีชมเครื่องบินของกองทัพอากาศจะทำการบินไปมาเป็นเวลา 6 นาทีนี้ต่อไป แม้ว่าสมาชิกราชวงศ์อื่นๆ ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะเข้าร่วมหรือไม่
และนี่คือขั้นตอนของพิธีราชาภิเษก
ขั้นตอนที่ 1: รับรองฐานะการเป็น ‘กษัตริย์’จะมีการประกาศต่อหน้าประชาชน ซึ่งเป็นการแนะนำกษัตริย์องค์ใหม่ ตามธรรมเนียมเก่าแก่ที่ย้อนกลับไปในยุคสมัยแองโกล-แซกซอน โดยกษัตริย์จะต้องยืนอยู่ข้างบัลลังค์อายุ 700 ปี และหันไปทางทิศต่างๆ ของมหาวิหาร พร้อมทั้งจะมีเสียงป่าวประกาศว่า ‘กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 คือกษัตริย์พระองค์ใหม่ของเรา อย่างไม่ต้องสงสัย’
ผู้เข้าร่วมพิธีจะต้องเปล่งเสียงออกมาพร้อมกันว่า ‘ขอพระผู้เป็นเจ้าปกปักรักษาพระราชา’ โดยจะมีเสียงแตรเป่ารับทุกๆ ครั้งที่กล่าว
ขั้นตอนที่ 2: กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ
ก่อนพิธีสาบานตน อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีจะรับทราบถึงความเชื่อที่หลากหลายที่สังเกตพบในสหราชอาณาจักร โดยกล่าวว่า นิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์จะพยายามส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ผู้คนจากทุกศาสนาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ
จากนั้นอาร์คบิชอปจะทำพิธีสาบานตนพิธีราชาภิเษกซึ่งเป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย เขาจะขอให้กษัตริย์ชาร์ลส์ยืนยันว่าเขาจะรักษากฎหมายและนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ในรัชสมัยของเขา และกษัตริย์จะวางมือบนพระกิตติคุณศักดิ์สิทธิ์และให้คำมั่นว่าจะ ‘ปฏิบัติตามและรักษา’ สัญญาเหล่านั้น
กษัตริย์จะทรงปฏิญาณครั้งที่ 2 ด้วยคำปฏิญญาภาคยานุวัติโดยระบุว่า พระองค์เป็น ‘โปรเตสแตนต์ผู้ซื่อสัตย์’
ขั้นตอนที่ 3: การเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์
เสื้อคลุมพิธีการของกษัตริย์จะถูกถอดออก และกษัตริย์จะประทับบนบัลลังก์พิธีบรมราชาภิเษกเพื่อรับการเจิมม โดยเน้นย้ำถึงสถานะทางจิตวิญญาณของกษัตริย์ซึ่งเป็นหัวหน้าของนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ด้วย
อาร์คบิชอปจะเทน้ำมันศักดิ์สิทธิ์จากแอมพูลลา (Ampulla) ซึ่งบรรจุอยู่ในขวดทองคำลงบนช้อนราชาภิเษกก่อนจะเจิมกษัตริย์เป็นรูปไม้กางเขนบนศีรษะ อก และพระหัตถ์
แอมพูลลาถูกสร้างขึ้นสำหรับพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แต่รูปร่างของมันกลับคล้ายกับรุ่นก่อนๆ และมีตำนานว่าพระแม่มารีปรากฏต่อ เซนต์ โทมัส อาร์ แบคเก็ต ในศตวรรษที่ 12 และมอบนกอินทรีทองคำให้ ซึ่งกษัตริย์แห่งอังกฤษองค์ต่อไปจะได้รับการเจิมด้วยสิ่งนี้ ขณะที่ช้อนราชาภิเษกนั้น มีอายุเยอะกว่ามาก โดยรอดพ้นจากการทำลายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ หลังสงครามกลางเมืองอังกฤษ
ในส่วนของน้ำมันนั้น ถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้ในพิธีราชาภิเษกโดยใช้มะกอกที่เก็บเกี่ยวจากสวน 2 แห่งบนภูเขามะกอกเทศในกรุงเยรูซาเล็ม และถวายในพิธีพิเศษที่โบสถ์แห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์ในเมือง อ่าน ‘Holy Oil’ จากอิสราเอล สิ่งที่ขาดไม่ได้ในพิธีบรมราชาภิเษกกษัตริย์อังกฤษ’ ได้ที่นี่
ในพิธีจะมีม่านที่ถูกจัดรอบบัลลังค์เพื่อปกปิดพระมหากษัตริย์จากการมองเห็น เพราะถือเป็นส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพิธี
ขั้นตอนที่ 4: สวมมงกุฎ
เมื่อเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ช่วงเวลาต่อไปเป็นการสวมมงกุฎ โดยอาร์คบิชอปจะถวายการสวม หรือวางพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดลงบนพระเศียรของกษัตริย์ ซึ่งตลอดพระชนมชีพของกษัตริย์จะได้ทรงพระมหามงกุฎนี้เพียงครั้งเดียว นั่นคือในพิธีราชาภิเษกนี้เท่านั้น
จากนั้นระฆังของโบสถ์จะดังขึ้นเป็นเวลา 2 นาที แตรจะดังขึ้น และจะมีการยิงสลุตทั่วสหราชอาณาจักร
จะมีการยิงสลุต 62 นัดที่หอคอยแห่งลอนดอน พร้อมกับการยิงปืน 6 นัดที่ Horse Guards Parade กระสุน 21 นัดจะถูกยิงในสถานที่อีก 11 แห่งทั่วสหราชอาณาจักร รวมถึงเอดินเบอระ คาร์ดิฟฟ์ และเบลฟาสต์ และบนเรือของกองทัพเรืออังกฤษ
ขั้นตอนที่ 5: การขึ้นครองราชย์
ช่วงสุดท้ายของพิธี กษัตริย์จะขึ้นไปประทับบนอาสน์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าได้ครองราชย์อย่างสมบูรณ์แล้ว ตามธรรมเนียมแล้ว ผู้สืบสันตติวงศ์และพระราชวงศ์จะถวายความเคารพด้วยการคุกเข่าต่อพระพักตร์กษัตริย์องค์ใหม่ กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณและจุมพิตพระหัตถ์ขวา อย่างไรก็ตาม เจ้าชายวิลเลียมจะเป็นดยุกพระองค์เดียวที่จะคุกเข่าถวายบังคมกษัตริย์ชาร์ลส์
พระราชพิธีสำหรับสมเด็จพระราชินี
หลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีข้างต้นแล้ว สมเด็จพระราชินีคามิลลาจะได้รับการเจิมด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ สวมมงกุฎและขึ้นครองราชย์ ซึ่งจะมีพิธีการที่เรียบง่ายกว่า และไม่ต้องกล่าวสัตย์ปฏิญาณต่อกษัตริย์
เสด็จกลับพระราชวังบักกิงแฮม
กษัตริย์และสมเด็จพระราชินีจะลงจากบัลลังก์ และเข้าสู่โบสถ์เซนต์เอ็ดเวิร์ดที่อยู่ด้านหลัง กษัตริย์ชาร์ลส์จะถอดมงกุฎของเซนต์เอ็ดเวิร์ดออก และสวมมงกุฎแห่งรัฐอิมพีเรียล ก่อนที่จะเข้าร่วมขบวนแห่ออกจากโบสถ์ขณะที่เพลงชาติกำลังบรรเลง
สมาชิกกองทัพเกือบ 4,000 นายของสหราชอาณาจักรจะเข้าร่วมในสิ่งที่กระทรวงกลาโหมเรียกว่าเป็นพิธีการทางทหารครั้งใหญ่ที่สุด และกองทหารอังกฤษจะจัดทหารกองเกียรติยศ 100 นายเข้าแถวตามเส้นทางขบวนในจัตุรัสรัฐสภา เส้นทางนี้มีระยะทางราว 2.29 กม. จากโบสถ์ไปสู่บริเวณพระราชวัง พระมหากษัตริย์และสมเด็จพระราชินีจะได้รับพระราชทานสดุดีและกองกำลังทหารที่ร่วมสวนสนาม
ฝูงบินถวายพระเกียรติ
พระราชวังบัคกิงแฮมยืนยันว่ากษัตริย์ชาร์ลส์และสมเด็จพระราชินีจะสืบสานประเพณีชมเครื่องบินของกองทัพอากาศจะทำการบินไปมาเป็นเวลา 6 นาทีนี้ต่อไป แม้ว่าสมาชิกราชวงศ์อื่นๆ ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะเข้าร่วมหรือไม่