ก่อนหน้านี้ ถ้าเราพูดว่า ‘AI ไม่มีทางฉลาดได้เท่ามนุษย์หรอก’ ก็เห็นจะจริง และจะเป็นเรื่องที่น่าขบขันกว่าเดิมถ้าเราบอกว่า วันหนึ่งมันคงมาแย่งงานที่เราทำ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าโลกหมุนต่อไปอีกแค่ไม่กี่ปี AI จะฉลาดขึ้นได้ขนาดนี้ และฉลาดจนถึงขั้นที่ว่ามันสามารถทำให้เราตกงานได้ง่ายๆ เลยแหละ
การศึกษาใหม่โดย OpenAI, Open Research และ University of Pennsylvania ได้ทำการศึกษาในหัวข้อ ‘GPTs are GPTs: การมองล่วงหน้าเกี่ยวกับผลกระทบของตลาดแรงงาน และศักยภาพของ GPT’ ซึ่งการศึกษาดังกล่าวได้เจาะลึกลงไปในตัวงานที่วันหนึ่งอาจไม่จำเป็นต้องเป็น ‘มนุษย์’ เท่านั้นที่ทำได้ หรืออีกนัยหนึ่งคือ มนุษย์อาจสูญเสียงานเหล่านี้ไปเลยก็เป็นได้
จากการศึกษาพบว่า GPT มีศักยภาพที่จะส่งผลกระทบต่ออาชีพที่หลากหลายในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ด้วยศักยภาพของ GPT มีค่อนข้างมาก ทำให้การใช้ GPT ในการทำงาน สามารถลดเวลาเมื่อเทียบกับมนุษย์ได้อย่างน้อย 50% ยิ่งถ้ามีการเปิดโอกาสให้กับ AI มากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับงานแบบอัตโนมัติก็จะยิ่งสูงเท่านั้น
นอกจากนี้ การศึกษายังค้นพบอีกว่า อาชีพที่ต้องพึ่งพาทักษะทางวิทยาศาสตร์และการคิดเชิงวิพากษ์เป็นอย่างมากนั้นมีแนวโน้มที่ AI จะเข้ามามีส่วนร่วมน้อย แต่ในทางกลับกัน งานที่ต้องการความเชี่ยวชาญในการเขียนโปรแกรม หรือการ Coding นั้น มีแนวโน้มที่ AI จะเข้ามาแทนที่สูง
ซึ่งการศึกษายังได้ระบุถึงงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแทนที่ ซึ่งได้แก่ นักออกแบบเว็บ และอินเทอร์เฟซดิจิทัล วิศวกรบล็อกเชน ผู้จัดเตรียมภาษี แม้กระทั่งนักเขียน หรือผู้แต่ง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ OpenAI พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่เทคโนโลยี AI ของ OpenAI อาจนำไปสู่การสูญเสียวิถีชีวิตของผู้คนจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ แซม อัลแมน CEO ของ OpenAI ยอมรับว่า ChatGPT สามารถกำจัดงานจำนวนมาก แต่ยืนยันว่าจะสร้างงานใหม่จำนวนมากที่ยากจะจินตนาการในปัจจุบันได้เช่นกัน
การศึกษาใหม่โดย OpenAI, Open Research และ University of Pennsylvania ได้ทำการศึกษาในหัวข้อ ‘GPTs are GPTs: การมองล่วงหน้าเกี่ยวกับผลกระทบของตลาดแรงงาน และศักยภาพของ GPT’ ซึ่งการศึกษาดังกล่าวได้เจาะลึกลงไปในตัวงานที่วันหนึ่งอาจไม่จำเป็นต้องเป็น ‘มนุษย์’ เท่านั้นที่ทำได้ หรืออีกนัยหนึ่งคือ มนุษย์อาจสูญเสียงานเหล่านี้ไปเลยก็เป็นได้
จากการศึกษาพบว่า GPT มีศักยภาพที่จะส่งผลกระทบต่ออาชีพที่หลากหลายในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ด้วยศักยภาพของ GPT มีค่อนข้างมาก ทำให้การใช้ GPT ในการทำงาน สามารถลดเวลาเมื่อเทียบกับมนุษย์ได้อย่างน้อย 50% ยิ่งถ้ามีการเปิดโอกาสให้กับ AI มากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับงานแบบอัตโนมัติก็จะยิ่งสูงเท่านั้น
งานที่มีความเสี่ยงจะโดน AI แย่งไป
เป็นที่น่าเศร้าใจ เนื่องจากการศึกษาพบว่า งานที่มีรายได้สูง มีแนวโน้มที่จะถูก AI แย่งไป มากกว่างานที่มีค่าตอบแทนต่ำ หรืออาจเทียบง่ายๆ ว่า AI ไม่สามารถทำงานที่ใช้แรงงานได้ ดังนั้น งานทุกอย่างที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานมันสามารถทำได้เกือบทั้งหมดนอกจากนี้ การศึกษายังค้นพบอีกว่า อาชีพที่ต้องพึ่งพาทักษะทางวิทยาศาสตร์และการคิดเชิงวิพากษ์เป็นอย่างมากนั้นมีแนวโน้มที่ AI จะเข้ามามีส่วนร่วมน้อย แต่ในทางกลับกัน งานที่ต้องการความเชี่ยวชาญในการเขียนโปรแกรม หรือการ Coding นั้น มีแนวโน้มที่ AI จะเข้ามาแทนที่สูง
ซึ่งการศึกษายังได้ระบุถึงงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแทนที่ ซึ่งได้แก่ นักออกแบบเว็บ และอินเทอร์เฟซดิจิทัล วิศวกรบล็อกเชน ผู้จัดเตรียมภาษี แม้กระทั่งนักเขียน หรือผู้แต่ง เป็นต้น
แล้วงานอะไรที่จะยังคงอยู่กับเรา?
นอกเหนือจากงานที่จะถูกแย่งไปแล้ว แน่นอนว่ามันก็ยังพอมีงานบางส่วนที่ AI ไม่สามารถทำได้ ซึ่งการศึกษาครั้งนี้ ได้เปิดเผย 34 ตำแหน่งงาน ที่ AI มีโอกาสน้อยมากที่จะเข้ามาแทรกแซงได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาชีพเหล่านั้น ได้แก่ นักกีฬา กุ๊ก ช่างยนต์ ผู้ช่วย ช่างประปา ช่างซ่อมยาง ฯลฯอย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ OpenAI พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่เทคโนโลยี AI ของ OpenAI อาจนำไปสู่การสูญเสียวิถีชีวิตของผู้คนจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ แซม อัลแมน CEO ของ OpenAI ยอมรับว่า ChatGPT สามารถกำจัดงานจำนวนมาก แต่ยืนยันว่าจะสร้างงานใหม่จำนวนมากที่ยากจะจินตนาการในปัจจุบันได้เช่นกัน