กลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียหลังมีภาพของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังถูกแก๊งตำรวจนิวยอร์กจับ พร้อมทั้งภาพของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียที่อยู่ในคุกสีเทาหลังลูกกรงห้องขังคอนกรีตที่มีแสงสลัว เผยแพร่ในโลกโซเชียล
ภาพที่มีรายละเอียดสูงเหล่านี้ได้ถูกเผยแพร่บน Twitter และแพลตฟอร์มอื่นๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่ามกลางข่าวที่ว่าทรัมป์อาจถูกตั้งข้อหาทางอาญา ขณะที่ศาลอาญาระหว่างประเทศเองก็ได้ออกหมายจับปูตินแล้วด้วย
ทว่าภาพดังกล่าวที่มีการแชร์เกลื่อนบนโลกโซเชียลนั้นกลับเป็นรูปภาพที่สร้างขึ้นโดยใช้เครื่องสร้างรูปภาพที่ซับซ้อนซึ่งขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการกระจายข่าวลวงเตือนว่า ภาพเหล่านี้อาจเป็นลางสังหรณ์ที่จะเกิดขึ้นจริง ในขณะเดียวกันภาพถ่ายและวิดีโอปลอมที่ถูกแชร์ไปอย่างท่วมท้นบนสื่อสังคมออนไลน์หลังจากเกิดเหตุการณ์ข่าวสำคัญที่ปะปนข้อเท็จจริง ทั้งยังมีเรื่องแต่งที่ชวนให้สับสนในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
เจวิน เวสต์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตันในซีแอตเทิล ผู้เน้นเรื่องการแพร่กระจายข้อมูลลวง กล่าวว่า “มันเพิ่มเสียงรบกวนในช่วงเหตุการณ์วิกฤต และยังเพิ่มระดับการดูถูกเหยียดหยามอีกด้วย…คุณอาจเริ่มสูญเสียความไว้วางใจในระบบและข้อมูลที่ได้รับ”
แม้ว่าความสามารถในการจัดการภาพถ่ายและสร้างภาพปลอมจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เครื่องมือสร้างภาพ AI ของโปรแกรม Midjourney, DALL-E และอื่นๆ นั้นใช้งานง่ายกว่า
พวกเขาสามารถสร้างภาพที่เหมือนจริงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมพื้นหลังที่มีรายละเอียดในปริมาณมากโดยมีข้อความแจ้งจากผู้ใช้เพียงเล็กน้อย
สำหรับกระแสใน Twitter ของ ‘เอเลียต ฮิกกินส์ (Eliot Higgins)’ ผู้ก่อตั้ง Bellingcat กลุ่มสื่อสารมวลชนเชิงสืบสวนในเนเธอร์แลนด์ ได้ใช้เครื่องมือเวอร์ชันล่าสุดเพื่อสร้างภาพที่น่าทึ่งเกี่ยวกับการจับกุมของทรัมป์โดยมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเข้าจับตัวอดีตประธานาธิบดีรายนี้และดึงเขาลงไปบนทางเท้าอย่างรุนแรง ซึ่งภาพดังกล่าวได้รับการแชร์และกดไลค์นับหมื่นครั้ง
ภาพที่มีรายละเอียดสูงเหล่านี้ได้ถูกเผยแพร่บน Twitter และแพลตฟอร์มอื่นๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่ามกลางข่าวที่ว่าทรัมป์อาจถูกตั้งข้อหาทางอาญา ขณะที่ศาลอาญาระหว่างประเทศเองก็ได้ออกหมายจับปูตินแล้วด้วย
ทว่าภาพดังกล่าวที่มีการแชร์เกลื่อนบนโลกโซเชียลนั้นกลับเป็นรูปภาพที่สร้างขึ้นโดยใช้เครื่องสร้างรูปภาพที่ซับซ้อนซึ่งขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการกระจายข่าวลวงเตือนว่า ภาพเหล่านี้อาจเป็นลางสังหรณ์ที่จะเกิดขึ้นจริง ในขณะเดียวกันภาพถ่ายและวิดีโอปลอมที่ถูกแชร์ไปอย่างท่วมท้นบนสื่อสังคมออนไลน์หลังจากเกิดเหตุการณ์ข่าวสำคัญที่ปะปนข้อเท็จจริง ทั้งยังมีเรื่องแต่งที่ชวนให้สับสนในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
เจวิน เวสต์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตันในซีแอตเทิล ผู้เน้นเรื่องการแพร่กระจายข้อมูลลวง กล่าวว่า “มันเพิ่มเสียงรบกวนในช่วงเหตุการณ์วิกฤต และยังเพิ่มระดับการดูถูกเหยียดหยามอีกด้วย…คุณอาจเริ่มสูญเสียความไว้วางใจในระบบและข้อมูลที่ได้รับ”
แม้ว่าความสามารถในการจัดการภาพถ่ายและสร้างภาพปลอมจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เครื่องมือสร้างภาพ AI ของโปรแกรม Midjourney, DALL-E และอื่นๆ นั้นใช้งานง่ายกว่า
พวกเขาสามารถสร้างภาพที่เหมือนจริงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมพื้นหลังที่มีรายละเอียดในปริมาณมากโดยมีข้อความแจ้งจากผู้ใช้เพียงเล็กน้อย
สำหรับกระแสใน Twitter ของ ‘เอเลียต ฮิกกินส์ (Eliot Higgins)’ ผู้ก่อตั้ง Bellingcat กลุ่มสื่อสารมวลชนเชิงสืบสวนในเนเธอร์แลนด์ ได้ใช้เครื่องมือเวอร์ชันล่าสุดเพื่อสร้างภาพที่น่าทึ่งเกี่ยวกับการจับกุมของทรัมป์โดยมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเข้าจับตัวอดีตประธานาธิบดีรายนี้และดึงเขาลงไปบนทางเท้าอย่างรุนแรง ซึ่งภาพดังกล่าวได้รับการแชร์และกดไลค์นับหมื่นครั้ง

ความฉลาดของ AI = เราต้องมีวิจารณญาณในการเสพสื่อมากขึ้น
ฮิกกินส์ กล่าวว่า เขาโพสต์ภาพดังกล่าวโดยไม่ได้มีเจตนาร้าย และระบุอย่างชัดเจนในเธรด Twitter ว่ารูปภาพนั้นสร้างโดย AI และสร้างขึ้นเพื่อบันเทิงเท่านั้น “ภาพการจับกุมของทรัมป์เป็นเพียงการแสดงให้เห็นว่าโปรแกรม Midjourney ดีและแย่เพียงใดในการแสดงฉากจริง”“จากนั้นรูปภาพก็สร้างการเล่าเรื่องเมื่อผมเชื่อมต่อข้อความแจ้งไปยัง Midjourney และผมก็ร้อยเรียงภาพเหล่านั้นเข้ากับการเล่าเรื่องจนจบ” โดยเขาชี้ให้เห็นว่าภาพเหล่านี้ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ ในบางภาพ ทรัมป์ถูกมองว่าคาดเข็มขัดนิรภัยของตำรวจ (police utility belt) อย่างแปลกประหลาด ใบหน้าและมือบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด
เชอร์ริน อัลเลน นักเทคโนโลยีสื่อของ Witness องค์กรสิทธิมนุษยชนในนิวยอร์กกล่าวว่า “บ่อยครั้งที่ภาพเหล่านั้นถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็วโดยไม่มีบริบทที่สำคัญนั้น คุณแค่เห็นภาพ และเมื่อคุณเห็นบางอย่าง คุณจะไม่สามารถเลิกดูมันได้”
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งภาพที่ถูกแชร์ออกไปเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นภาพของปูตินที่กำลังคุกเข่าและจูบมือสีจิ้นผิง ผู้นำของจีน หลังจากที่มีการพบปะกันที่มอสโกเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้สร้างภาพหรือเครื่องมือใด
“เนื่องจากภาพที่สังเคราะห์ขึ้นยากที่จะแยกแยะจากของจริง วิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับข้อมูลลวงก็คือการรับข้อมูลและการใช้วิจารณญาณของสาธารณชนที่” ผู้เชี่ยวชาญกล่าว
ขณะที่ทาง Twitter เองก็มีนโยบายห้าม ‘สื่อสังเคราะห์ ดัดแปลง’ ที่อาจหลอกลวงหรือเป็นอันตรายได้ ส่วน Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ก็ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น
อาเทอร์ ฮอลแลนด์ มิเชล ผู้ประจำอยู่ที่องค์กร Carnegie Council for Ethics in International Affairs ในนิวยอร์กกล่าวว่า เขาสงสัยว่าการปลอมภาพลวง เช่น รูปภาพปลอมที่เป็นอันตรายของอดีตหุ้นส่วนหรือเพื่อนร่วมงานนั้นจะถูกควบคุมอย่างไร
“จากมุมมองของนโยบาย ผมไม่แน่ใจว่าเราพร้อมรับมือกับข้อมูลที่บิดเบือนขนาดนี้ในทุกระดับของสังคม ความรู้สึกของผมคือต้องใช้ความก้าวหน้าทางเทคนิคที่ยังไม่มีใครจินตนาการถึงเพื่อยุติเรื่องนี้” มิเชลกล่าวทิ้งท้าย
