จะเกิดอะไรขึ้นถ้าโลกใบนี้ไม่มี ‘ผึ้ง’ อีกต่อไป และทำไมเราจึงไม่ควรมองข้าม

6 ม.ค. 2566 - 10:06

  • ครั้งหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าผึ้งสูญพันธุ์ไปจากโลก มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 4 ปี”

What-Would-Happen-if-All-the-Bees-Went-Extinct-SPACEBAR-Hero
ครั้งหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าผึ้งสูญพันธุ์ไปจากโลก มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 4 ปี” แต่ทว่าประโยคดังกล่าวกลับไม่มีหลักฐานว่าไอน์สไตน์เป็นคนพูดจริงๆ หรือเปล่า ทั้งยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริงหรือไม่ แล้วสงสัยไหมว่าทำไมถึงมีคำกล่าวนี้ออกมา? ผึ้งมีความสำคัญมากขนาดที่มีผลต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์เราอย่างไร? ทำไมถ้าพวกมันสูญพันธุ์หายไป โลกของเราก็จะเปลี่ยนไปด้วย?
 

‘ผึ้ง’ สำคัญอย่างไร?

ใครจะไปรู้ว่าแมลงตัวเล็กๆ จำพวกผึ้ง ผึ้งน้ำหวาน บัมเบิลบี ผึ้งกัดใบนั้นมีความสำคัญมาก เพราะพวกมันจะคอยผสมเกสรและย้ายละอองเรณูจากต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง ทำให้พืชเหล่านั้นมีปุ๋ยไปเลี้ยงลำต้น ซึ่งช่วยผลิดอกออกผลเป็นผลไม้ ดอกไม้ ผัก อื่นๆ เป็นต้น หากผึ้งทั้งหมดสูญพันธุ์ แน่นอนว่าสมดุลของระบบนิเวศจะเปลี่ยนไปและส่งผลกระทบต่อเสบียงอาหารของโลก 

และนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เราอาจสูญเสียพืชทั้งหมด และสัตว์ทั้งหมดในห่วงโซ่อาหารที่กินพืชเหล่านั้นก็อาจสูญพันธุ์ตามไปด้วย ซึ่งหมายความว่า ‘โลกที่ไม่มีผึ้ง ประชากรมนุษย์ทั่วโลกจำนวน 7 พันล้านคนอาจจะต้องดิ้นรนอย่างหนัก เนื่องจากในซูเปอร์มาร์เก็ตของเราอาจจะเหลือผักและผลไม้เพียงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น’ 

ผึ้งมีบทบาทสำคัญในการจัดหาอาหารทั่วโลก ผสมเกสรพืชซึ่งเป็นอาหารของประชากรโลกถึง 90% หากไม่มีผึ้งเหล่านี้ขึ้นมาจริงๆ เกษตรกรจะประสบปัญหาในการผลิตอาหารหลัก อย่างเช่น ผักและผลไม้ รวมถึงฝ้าย  

กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (USDA) กล่าวว่า “คุณต้องขอบคุณผึ้งที่ช่วยผลิตอาหาร ผสมเกสรพืชกว่า 80% ของโลก ซึ่งยากที่จะเติบโตหากไม่มีพวกมัน และเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่ผึ้งฝูงเดียวสามารถผสมเกสรดอกไม้ได้ถึง 300 ล้านดอกในแต่ละวัน” 

แม้ว่าจะยังไม่ใกล้สูญพันธุ์ แต่ประชากรผึ้งเพียงอย่างเดียวกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว โดยลดลงมากถึง 89% ระหว่างปี 2007-2016
 

‘สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง’ ภัยคุกคามที่ผึ้งมิอาจหลีกเลี่ยงได้  

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3uluJs1kxc8PQaTcTmkKLh/6794b1847f79575fccddfa2052aad843/What-Would-Happen-if-All-the-Bees-Went-Extinct-SPACEBAR-Photo01
Photo: Fabrice COFFRINI / AFP
ขณะนี้ เหล่าผึ้งทั้งหลายกำลังอยู่ภายใต้การคุกคามทั่วโลก เมื่อฤดูหนาวในปี 2018 พบว่า ฝูงผึ้งในสหรัฐฯ ประมาณ 40% ได้รับผลกระทบและตายเป็นจำนวนมาก 

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนการใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเป็นปัจจัยสำคัญเช่นเดียวกับไรและไวรัส ที่กลายเป็นภัยคุกคามซึ่งผึ้งไม่สามารถป้องกันตามธรรมชาติได้ 

การศึกษาทั่วโลกในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 พบว่า แมลงทั้งหมดบนโลกลดลง 2.5% ในแต่ละปี และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป โลกอาจไม่มีแมลงเลยภายในปี 2119 

ทั้งนี้ จากการศึกษาใหม่ พบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้หนึ่งในแมลงผสมเกสรที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกกำลังจะสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะภาวะโลกร้อนนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผึ้งลดลง  

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออตตาวา กล่าวว่า อุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นนั้นยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสายพันธุ์ผึ้งอีกด้วย ซึ่งโอกาสที่ประชากรผึ้งจะรอดชีวิตในถิ่นที่อยู่อาศัยแห่งใดแห่งหนึ่งได้ลดลงโดยเฉลี่ย 30% ภายในหนึ่งชั่วอายุคน  

ปีเตอร์ โซรอย นักศึกษาปริญญาเอกจากออตตาวาและหนึ่งในผู้เขียนงานวิจัย กล่าวว่า “ในอีก 25 ปี เราจะมีโอกาสในการพบสายพันธุ์ผึ้งลดลงโดยเฉลี่ยถึง 46% ในอเมริกาเหนือ และ 17% ในยุโรป” 

นอกจากนี้ ทีมงานยังพบอีกว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นส่งผลกระทบต่อโอกาสที่ผึ้งจะตั้งรกรากในพื้นที่ใหม่ พวกเขาค้นพบว่าการลดลงของประชากรผึ้งครั้งใหญ่ที่สุดนั้นจะเกิดขึ้นในสถานที่ซึ่งมี ‘การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ’ นั่นเอง 

อย่างไรก็ดี การลดลงของผึ้งยังสร้างปัญหาให้กับการเกษตรอีกด้วย เพราะ ผึ้งเหล่านี้มีความสำคัญต่อระบบนิเวศของโลก และเป็นที่รู้จักจากการผสมเกสรดอกไม้ป่าและผลิตผล นอกจากนี้ งานวิจัยอื่นๆ ยังพบว่าผึ้งมีส่วนสำคัญในการสร้างเมล็ดพืชและผลเบอร์รี่ที่สัตว์อื่นๆ กินเป็นอาหารของพวกมันอีกด้วย
 

ถ้า ‘ผึ้ง’ สูญพันธุ์ไปจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น? 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6whKs9nG03hbeUBm7iM7f3/fe11bca78a9848b09b40425585862168/What-Would-Happen-if-All-the-Bees-Went-Extinct-SPACEBAR-Photo02
Photo: AFP / Yuri KADOBNOV
‘ถ้าผึ้งหายไป จะเกิดอะไรขึ้น?’ คำตอบก็คือ มนุษย์ก็จะไม่ได้สูญพันธุ์ไปตามผึ้งหรอก แต่มันจะทำให้เกิดความยากลำบากในวงกว้างและอาจเกิดความอดอยาก เนื่องจากอาหารจำนวนมากที่เราบริโภคเป็นประจำจะไม่มีจำหน่ายอีกต่อไป ความหลากหลายของอาหารที่มีอยู่จะลดลงและต้นทุนของสินค้าบางอย่างก็จะพุ่งสูงขึ้นด้วย 

นอกเหนือจากสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ น้ำผึ้ง รวมถึงถั่วบางชนิดก็อาจจะหายไปตลอดกาลเช่นกัน เนื่องจากพืชผลเหล่านี้ต้องพึ่งพาผึ้งมาก ขณะเดียวกันที่บลูเบอร์รี่และเชอร์รี่ประมาณ 90% ก็ต้องพึ่งพาการผสมเกสรของผึ้งด้วยเช่นกัน รวมไปถึงอะโวคาโด แอปเปิล เบอร์รี่ เกรปฟรุต เมลอน บรอกโคลี แตงกวา และถั่วลันเตาก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน 

เนื้อสัตว์จะถูกจำกัด และเราจะกินปลาได้มากขึ้น แต่ถึงกระนั้นมันก็จะมาพร้อมกับราคาที่สูงด้วย เนื่องจากความต้องการจะสูงมาก ขณะที่ยาหลายชนิดที่มนุษย์ใช้ทั้งแบบดั้งเดิมและแบบทางเลือกก็จะสูญหายไปเช่นกัน เนื่องจากยาเหล่านี้ได้มาจากพืชดอก 

ส่วนสัตว์ป่าที่ต้องพึ่งพาอาศัยผึ้ง เช่น นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก ก็อาจจะสูญพันธุ์ตามไปด้วย 

ใครจะไปรู้ว่าแมลงตัวเล็กๆ อย่าง ‘ผึ้ง’ จะมีความสำคัญต่อระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารมากถึงเพียงนี้ ทั้งนี้ เพราะ ผึ้งเองต่างก็เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคในเวลาเดียวกัน ขณะที่มันดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ มันก็ทำหน้าที่ในการผสมเกสรดอกไม้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหน้าที่นี้เองที่ทำให้ต้นไม้ดอกไม้ออกผลผลิตที่ทำให้มนุษย์อย่างเรา รวมถึงสัตว์ได้บริโภคกันจนถึงทุกวันนี้  

เราจึงไม่ควรมองข้ามสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘ผึ้ง’

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์