BRICS มหาอำนาจ(?) ที่เกิดมาเพื่อโค่น สหรัฐฯ! และที่ใครเป็น ‘ผู้ร้าย’ ตัวจริงของเรื่องนี้!?

เราอาจจะคุ้นชินกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการใช้จ่ายกับสิ่งต่างๆ ทั่วโลก แต่เคยมีคำถามกันหรือไม่ว่า นอกเหนือจากสกุลเงินดอลลาร์แล้ว ยังมีสกุลเงินไหนในโลกอีกบ้างที่สามารถนำมาใช้ได้ และเป็นที่ยอมรับเป็นสากล 
 
ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา โลกของเราเดินหน้าไปสู่สงครามที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็ยังคงคุกรุ่น พร้อมที่จะปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ  
 
จนกระทั่งมีการรวมกลุ่มประเทศในชื่อว่า ‘BRICS’ (บริกส์) ซึ่งย่อมาจากกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ซึ่งประกอบไปด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ที่จัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2006 และมีการประชุมสุดยอดครั้งแรกในปี 2009 ที่รัสเซีย  
 
แน่นอนว่า ไม่มีสมาชิกประเทศใดประณามการรุกรานของรัสเซียในยูเครน แม้ว่านานาชาติจะคว่ำบาตรรัสเซียก็ตาม 
 
ขณะที่ก่อนหน้านี้ เราจะเห็นการตั้งกลุ่มกันที่เรียกว่า จี 7 (G7) หรือแกงค์คนรวย ที่จะรวมเอาประเทศมหาอำนาจมาไว้ด้วยกัน ซึ่งได้แก่ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรป เพื่อเป็นการรวมกลุ่มกันทางเศรษฐกิจ เนื่องจาก 7 ประเทศในกลุ่มนี้ คิดเป็น ‘เกือบครึ่ง’ ของเศรฐกิจโลกที่ผ่านมา

แล้วทำไม BRICS ถึงน่าสนใจ? 

ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย บอกว่า กลุ่มประเทศ BRICS กำลังดำเนินการพัฒนาสกุลเงินของตัวเองขึ้นมาใช้แทนเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งต่อไป 
 
“การเปลี่ยนผ่านไปสู่การตั้งถิ่นฐานในสกุลเงินของประเทศเป็นขั้นตอนแรก สิ่งต่อไปคือการจัดให้มีการหมุนเวียนของดิจิทัลหรือรูปแบบอื่นใดของสกุลเงินพื้นฐานใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้” รองประธานสภาดูมาแห่งรัฐรัสเซียกล่าว 
 
ด้าน ลูอิส อีนาซียู ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิลเองก็เรียกร้องให้กลุ่มประเทศ BRICS หาทางเลือกอื่นเพื่อทดแทนเงินดอลลาร์ในการค้าต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการโค่นตำแหน่งเงินดอลลาร์สหรัฐของจีน

‘สกุลเงิน’ ตัวต้นเรื่องของการหา ‘ตัวร้าย’ 

ผู้ใช้แอปพลิเคชัน TikTok ชื่อ ‘nikitadumptruck’ ลงคลิปวิดีโอตัวหนึ่งที่เปรียบเทียบกลุ่มประเทศ BRICS กับสหรัฐฯ เหมือนตัวละครในภาพยนตร์วัยรุ่นไฮสคูลสุดไวรัลชื่อ ‘Mean Girls’ ซึ่งคลิปอธิบายที่มาที่ไปของกลุ่มนี้ได้รับความสนใจจากชาวโซเชียลจำนวนมาก

@nikitadumptruck Replying to @__izzizzizzizzi__ mean girls informed the world #comedy #news #politics #meangirls #2000s #girls #lgbt #teenmovies #pink #bimbo #bi #greenscreen ♬ Blade Runner 2049 - Synthwave Goose

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ที่มักจะมีตัวแม่ สวย รวย เริ่ด และเป็นตัวท็อปของโรงเรียนชื่อว่า เรจินา จอร์จ แต่ชีวิตปีแรกในไฮสคูลูก็ดันวุ่นวายมากขึ้นเมื่อมีนักเรียนใหม่ ชื่อ คาดี้ เฮรอน ที่เคยเป็นเด็กโฮมสคูลมาตลอด ย้ายเข้ามา ซึ่งจริงๆ แล้วเธอเป็นเด็กอัจฉริยะที่อยากจะเปลี่ยนตัวตนจาก Nobody เป็น Somebody แทน หลังจากที่เธอไปตกหลุมรักแฟนเก่าของเรจินา จึงเป็นเหตุให้คาดี้ตกเป็นเหยื่อของสงครามจิตวิทยา 
 
ในวิดีโอเธอบอกว่า อย่างที่เราทราบกันดีนะ ว่าสกุลเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในการค้าขายต่างประเทศ แต่บางประเทศไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นน่ะสิ  
 
“สหรัฐฯ ก็เหมือนกับเรจินา จอร์จอะแหละ ส่วนแกงค์จี 7 ก็เป็นเหมือนแกงค์เพื่อนเรจินา ซึ่งเป็นเหมือนกับพลังเศรษฐกิจของโลกใบนี้ ตอนที่โลกของเราใช้เงินดอลลาร์ในการซื้อขาย แปลว่าทุกๆ คน ต้องถือเงินดอลลาร์ไว้ในมือ  นั่นทำให้สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจในโลกใบนี้” เธอกล่าว 
 
เธอกล่าวต่อว่า เป็นที่รู้กันอะนะ ตามประสาตัวแม่อย่างเรจินาอะ เวลาที่นางไม่ชอบใคร นางก็สามารถทำลายชีวิตไฮสคูลของพวกเขา และทำให้พวกเขาเกลียดขี้หน้าเธอได้ง่ายๆ  
 
“เปรียบเหมือนกับสหรัฐฯ เวลาที่ไม่ชอบประเทศไหนสักประเทศ สหรัฐฯ ก็จะสามารถกำหนดข้อจำกัดทางการค้าหลักๆ ได้ ซึ่งกลุ่มประเทศ BRICS ก็เปรียบเหมือนกับแกงค์เพื่อนของคาดี้ ที่สุดจะทนกับอำนาจของสหรัฐฯ” เธอกล่าว

ทำยังไง ‘เรจินา’ ถึงจะหันมาสนใจ? 

เธอกล่าวต่อว่า แน่นอนว่าก็ต้องมีตัวแปรต่อมาอย่าง ‘แฟนเก่า’ ของเรจินาละสิ ซึ่งเปรียบเหมือนกับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งประเทศนี้ควบคุมอุปทานน้ำมันทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันแล้ว น้ำมันจะมีการค้าขายโดยใช้เงินดอลลาร์ นั่นแปลว่าทุกประเทศต้องถือเงินดอลลาร์ทำให้ค่าเงินของมันพุ่งสูง  
 
“แต่ประเทศจีน หรือคาดี้ และซาอุดิอาระเบีย ดันไปมีความสัมพันธ์ดีๆ ต่อกัน ซึ่งมีความสามารถมากพอที่จะหยุดการใช้เงินดอลลาร์ ซึ่งถ้าหลายๆ ประเทศหันหลังให้กับเงินดอลลาร์ในการค้าขายระหว่างประเทศแล้วละก็็ ค่าเงินของสหรัฐฯ ก็จะหล่นตุ้บลงมา สหรัฐฯ ก็จะเสียพลังอำนาจเหล่านั้นไป!” เธอกล่าว

สิ่งนี้มีความหมายต่อโลกนี้อย่างไร? 

เธอกล่าวว่า พวกเขา (นานาประเทศ) ไม่จำเป็นจะต้องไปเชื่อฟังสหรัฐฯ ขนาดนั้น และพวกเขาเองก็มีเงินดอลลาร์อยู่ในมือ ซึ่งถ้าค่าเงินของสหรัฐฯ ตกลง มันก็จะน่าเร้าใจขึ้นนิดนึง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อจะกลับไปอยู่ในจุดที่ย่ำแย่อีกครั้ง