‘โซเลดาร์’ เมืองเหมืองเกลือ ที่มีความสำคัญทางการทหารน้อยมาก แต่กลับกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีให้ ‘รัสเซียและยูเครน’ กลับมาโจมตีกันอย่างดุเดือด
โซเลดาร์อยู่ที่ไหน และมีอะไรอยู่ที่นั่น?
เมืองโซเลดาร์ตั้งอยู่ใจกลางของภูมิภาคดอนบาสที่กว้างใหญ่ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งปัจจุบันหลายๆ พื้นที่ในภูมิภาคนี้ถูกยึดครองโดยรัสเซียมาตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว โดยรัสเซียเองก็ถือว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นของตน และอ้าง (แบบผิดกฏหมาย) ว่าได้ผนวกแคว้นโดเนตสก์ทั้งหมดแล้วว ซึ่งมันรวมถึงอีก 40% ที่อยู่นอกการควบคุมของรัสเซียด้วยโซเลดาร์อยู่ห่างจากเมืองใหญ่อย่าง ‘บัคมุต’ ไปทางตะวันอองเฉียงเหนือเพียงไม่กี่ไมล์ ทำให้เมืองเล็กๆ แห่งนี้กลายเป็นสมรภูมิรบที่ดุเดือดระหว่างรัสเซียและยูเครน และเมืองนี้ตกเป็นหนึ่งเป้าหมายของกองกำลังรัสเซียตั้งแต่ในเดือน พ.ค. ปีที่แล้ว ด้วยจำนวนประชากรราว 10,000 คน จึงทำให้มีคุณค่าทางยุทธศาสตร์น้อย
ทว่าโซเลดาร์เป็นเหมือนพื้นที่แสดงแสนยานุภาพของรัสเซียเลยก็ว่าได้ เพราะหากรัสเซียสามารถยึดพื้นที่ดังกล่าวนี้ได้ อย่างน้อยๆ รัสเซียก็สามารถเข้าใกล้เมืองอื่นๆ จากเส้นทางอื่นได้
เมืองนี้มีชื่อที่แปลว่า ‘ของขวัญแห่งเกลือ’ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยส่งเกลือบริโภคให้แก่สหภาพโซเวียตมากถึง 40%
พื้นที่รอบๆ ในเมืองโซเลดาร์มีเหมืองเกลือขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นธุรกิจรัฐวิสาหกิจของ Artemsil ผู้ผลิตเกลือรายใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งต้องหยุดการผลิตไปเมื่อเดือนก.พ.ปีที่แล้ว เนื่องจากการโจมตีของรัสเซีย ทั้งนี้ พื้นที่โดยรอบของเมืองยังเป็นแหล่งเกลือบริสุทธิ์จำนวนมาก ซึ่งถูกนำไปใช้ประโยชน์ในระดับอุตสาหกรรมเพียงแค่ในปี 1881 ตามเส้นทางมรดกอุตสาหกรรมแห่งยุโรป (European Route of Industrial Heritage)
มีการคาดการณ์ว่า ชาวรัสเซีย และเยฟกินี ปริโกชิน ผู้นำกลุ่มทหารรับจ้าง Wagner จับตามองโซเลดาร์ เป็นพื้นที่สำหรับแร่ยิปซัม และใช้ทหาร Wagnerในแอฟริกาและซีเรียเป็นกองกำลังรับจ้างเพื่อใช้ประโยชน์ในการเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ เช่น เพชร และน้ำมัน
อย่างไรก็ดี การสู้รบยังคงดำเนินอยู่ในโซเลดาร์ แม้ว่ารัสเซียจะอ้างว่าคุมได้แล้วก็ตาม
ทว่าโซเลดาร์เป็นเหมือนพื้นที่แสดงแสนยานุภาพของรัสเซียเลยก็ว่าได้ เพราะหากรัสเซียสามารถยึดพื้นที่ดังกล่าวนี้ได้ อย่างน้อยๆ รัสเซียก็สามารถเข้าใกล้เมืองอื่นๆ จากเส้นทางอื่นได้
เมืองนี้มีชื่อที่แปลว่า ‘ของขวัญแห่งเกลือ’ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยส่งเกลือบริโภคให้แก่สหภาพโซเวียตมากถึง 40%
พื้นที่รอบๆ ในเมืองโซเลดาร์มีเหมืองเกลือขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นธุรกิจรัฐวิสาหกิจของ Artemsil ผู้ผลิตเกลือรายใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งต้องหยุดการผลิตไปเมื่อเดือนก.พ.ปีที่แล้ว เนื่องจากการโจมตีของรัสเซีย ทั้งนี้ พื้นที่โดยรอบของเมืองยังเป็นแหล่งเกลือบริสุทธิ์จำนวนมาก ซึ่งถูกนำไปใช้ประโยชน์ในระดับอุตสาหกรรมเพียงแค่ในปี 1881 ตามเส้นทางมรดกอุตสาหกรรมแห่งยุโรป (European Route of Industrial Heritage)
มีการคาดการณ์ว่า ชาวรัสเซีย และเยฟกินี ปริโกชิน ผู้นำกลุ่มทหารรับจ้าง Wagner จับตามองโซเลดาร์ เป็นพื้นที่สำหรับแร่ยิปซัม และใช้ทหาร Wagnerในแอฟริกาและซีเรียเป็นกองกำลังรับจ้างเพื่อใช้ประโยชน์ในการเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ เช่น เพชร และน้ำมัน
อย่างไรก็ดี การสู้รบยังคงดำเนินอยู่ในโซเลดาร์ แม้ว่ารัสเซียจะอ้างว่าคุมได้แล้วก็ตาม

เกิดอะไรขึ้นในโซเลดาร์?
มีรายงานที่ขัดแย้งกันจากทั้งฝ่ายยูเครนและรัสเซียเกี่ยวกับการยึดครองพื้นที่ในโซเลดาร์ เนื่องจากล่าสุดกองทัพยูเครนบอกกับ CNN ว่า กองทหารรัสเซียไม่ได้ควบคุมโซเลดาร์เซอร์ไฮ เชเรวาตยี โฆษกของกลุ่มกองกำลังยูเครนตะวันออกกล่าวกับ CNN ว่า การสู้รบกำลังดำเนินอยู่ที่นั่น กองทัพยูเครนและกองกำลังป้องกันอื่นๆ กำลังจัดกลุ่มใหม่กันอยู่
เชเรวาตยีบอกเกี่ยวกับข้อมูลที่รัสเซียบอกว่าควบคุมโซเลดาร์ได้แล้วว่าเป็น ‘ปฏิบัติการทางข้อมูล’ พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ปริโกชินจัดฉากว่าควบคุมเหมืองเกลือได้ทั้งหมดแล้ว แต่จริงๆ ยูเครนกำลังส่งกระสุนและอาหารให้กับทหาร อีกทั้งสถานการ์ณมันก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน
ขณะที่นักวิจารณ์ของรัสเซียเอง อิกอร์ เกอร์กิน ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวว่า การยึดพื้นที่ศูนย์กลางและพื้นที่ส่วนใหญ่ของโซเลดาร์ โดยหน่วย Waner เป็นความสำเร็จทางยุทธวิธีที่ปฏิเสธไม่ได้้ และการต่อสู้นี้ยังไม่จบ

โซเลดาร์สำคัญยังไง?
ความสำคัญของโซเลดาร์ในแง่ของการทหารนั้นมีน้อยมาก อย่างไรก็ตาม การยึดเมืองนี้จะทำให้กองกำลังรัสเซียได้แต้มต่อ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่ม Wagner ที่จะหันเหความสนใจไปที่เมืองบัคมุตใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นเมืองที่รัสเซียปักหมุดให้เปนเป้าหมายมาตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้วยูเครนปกป้องภูมิภาคนี้อย่างไร?
ปัจจุบันกองกำลังของยูเครนยังยึดครองบางส่วนในโซเลดาร์ แต่ในใจกลางของเมืองยังคงมีการสู้รบกันอย่างหนักขณะที่ยุทธวิธีของยูเครนอาจเป็นการเชื้อเชิญการโจมตีของทหารรัสเซียครั้งแล้วครั้งเล่า โดยรู้ว่ายูเครนสามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่ข้าศึก ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่เคยใช้งานและประสบความสำเร็จในเมืองวูห์เลดาร์เมื่อปลายปีที่แล้ว ด้านกองพลที่ 46 ของยูเครนพาดพิงถึงยุทธวิธีนี้ในโพสต์ออนไลน์เมื่อวันอังคาร (10 ม.ค.) ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์ยากลำบากมาก แต่ก็สามารถจัดการได้ เราเพียงแต่ละทิ้งสิ่งที่เราคิดว่าไม่สมควรจะรักษาไว้