ทำไม ‘สวิตเซอร์แลนด์’ ถึงได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลก?

27 ธ.ค. 2565 - 05:18

  • สวิตเซอร์แลนด์ติด 1 ใน 5 อันดับแรกของประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการเกษียณอายุที่สะดวกสบาย การใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเริ่มต้นอาชีพ

  • ความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์ได้รับการยกย่องจากเพื่อนบ้านในยุโรปมาช้านาน และปราศจากสงครามระหว่างประเทศตั้งแต่ปี 1815 ซึ่งเป็นเวลากว่า 200 ปีแล้ว

Why-switzerland-is-the-best-country-in-the-world-SPACEBAR-Thumbnail
สวิตเซอร์แลนด์ หรือที่เรารู้จักกันดีว่าเป็น ‘แดนสวรรค์บนดิน’ ประเทศที่ใครหลายๆ คนต่างก็ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต แน่นอนว่านอกจากภูมิประเทศอันโดดเด่นและทัศนียภาพที่สวยงามแล้ว สวิตเซอร์แลนด์ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าอยู่และดีที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งในปีล่าสุดของการจัดลำดับ ‘Best Countries 2022’ โดยสำนักสื่อ U.S. News and World Report พบว่า สวิตเซอร์แลนด์ติดอันดับ 1 ของประเทศที่ดีที่สุดในโลก 

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า สวิตเซอร์แลนด์มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพชีวิตที่ดีและนั่นเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ทำให้สวิตเซอร์แลนด์ติดอันดับประเทศที่ดีที่สุดประจำปี 2022 โดยในปีนี้ได้ทำการสำรวจจากประชากรทั่วโลกกว่า 17,000 คนเพื่อรวบรวมความคิดเห็นราว 85 ประเทศ 

จริงๆ แล้วมันก็ไม่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าใดนัก เพราะสวิตเซอร์แลนด์ก็เป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ ที่น่าอยู่ และปลอดภัยที่สุดในโลก ทั้งยังมีเหตุอาชญากรรมต่ำอีกด้วย นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้สวิสก้าวขึ้นมาเป็น ‘Best Countries 2022’ หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ใครๆ ก็อยากมาเยือน 
 

เปิดกว้างการทำธุรกิจ
 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1WOyfv4Z0aw1MnYKMq7WZx/e9d1d521d32c2798ba9dc5419cb6ec7c/Why-switzerland-is-the-best-country-in-the-world-SPACEBAR-Photo02
จากรายงานระบุว่า “สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ถูกพิจารณาว่าเป็นมิตรกับธุรกิจมากที่สุด เพราะมีความสมดุลระหว่างความมั่นคงและค่าใช้จ่ายที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังกลายเป็นประเทศกลุ่มเป้าหมายของนายทุนและบรรษัทต่างชาติอีกด้วย 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ รัฐบาลได้สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับธุรกิจที่จะเติบโต โดยเสนอสิ่งจูงใจด้านภาษีและกำลังแรงงานที่มีทักษะนั่นเอง เพราะรัฐเชื่อว่าาหากว่าธุรกิจไปได้ดี เศรษฐกิจในประเทศก็จะดีด้วยเช่นกัน 

อย่างไรก็ดี ตามรายงานของ GIS เมื่อปี 2019 ระบุว่า แม้ว่าจะมีสถานะเป็นผู้นำด้านการเงินและธุรกิจระดับโลก แต่เศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์กลับถูกครอบงำโดยบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 99% ของจำนวนวิสาหกิจทั้งหมด 

แม้จะถูกผูกมัดกับเศรษฐกิจยุโรปในวงกว้าง แต่สวิตเซอร์แลนด์ก็สามารถฝ่าฟันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีกว่าเพื่อนบ้านหลายๆ ประเทศด้วย 

จากรายงานของประเทศประจำปี 2022 ล่าสุดขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ระบุว่า “บริษัทที่มีการแข่งขันระดับโลก พนักงานที่มีทักษะสูง และการพึ่งพากิจกรรมการบริการและความบันเทิงต่ำนั้น ช่วยลดผลกระทบด้านลบของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด”
 

แรงงานทักษะสูง

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/jBmbLQx0GviZoDVcQ4V2T/fb638fd3cc86b7e7dbdc3ec0ef8a4971/Why-switzerland-is-the-best-country-in-the-world-SPACEBAR-Photo03
Photo: Wikipedia/ J. Brocherel.
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้สวิตเซอร์แลนด์ติดอันดับเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลกก็คือ การสร้างแรงงานที่มีทักษะสูงซึ่งมีส่วนร่วมในการสร้างผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมและส่งออกในตลาดโลก (สวิตเซอร์แลนด์อยู่ในอันดับที่ 10 ด้านแรงงานที่มีทักษะ)  

นั่นหมายความว่า สวิตเซอร์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ชื่อว่ามี ‘อัตราการว่างงานต่ำ หรือมีโอกาสในการทำงานมากมายนั่นเอง ทั้งยังมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัวที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย’ 

ข้อมูลตรงนี้เองที่ช่วยอธิบายได้ว่าทำไมสวิตเซอร์แลนด์จึงอยู่ในอันดับต้นๆ ว่าเป็นประเทศที่เหมาะแก่การตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทต่างๆ ที่สุด ขณะเดียวกัน สวิตเซอร์แลนด์ก็ยังได้รับการโหวตและติด 1 ใน 5 อันดับแรกของประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการเกษียณอายุที่สะดวกสบาย การใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเริ่มต้นอาชีพ 

“ผลิตภัณฑ์ของสวิตเซอร์แลนด์มีราคาแพง แต่มีแนวโน้มที่จะมีราคาดีสำหรับตลาดในประเทศและต่างประเทศ เห็นได้ชัดว่าธุรกิจในสวิตเซอร์แลนด์มักจะหาลูกค้าที่ยินดีจ่ายเบี้ยประกันภัย” รายงานของ GIS ระบุ 
 

เป็นที่รู้จักกันดีนานหลายศตวรรษด้านความ ‘เป็นกลางทางการเมือง’

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5hb16n1LNNnm018FwBZ3O3/c5bf258957267fb8b187be503e9e5849/Why-switzerland-is-the-best-country-in-the-world-SPACEBAR-Photo04
Photo: Wikipedia/ Tom Page
ความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์ได้รับการยกย่องจากเพื่อนบ้านในยุโรปมาช้านาน ย้อนกลับไปสมัยปฏิรูปประเทศในช่วงศตวรรษที่ 16 สวิตเซอร์แลนด์ก็วางตัวเป็นกลางด้านสงครามมาโดยตลอด และปราศจากสงครามระหว่างประเทศตั้งแต่ปี 1815 ซึ่งเป็นเวลายาวนานกว่า 200 ปีแล้ว  

ขณะเดียวกันที่หลายๆ ประเทศกำลังเผชิญหน้ากับสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง แต่สวิตเซอร์แลนด์ก็ประกาศอย่างชัดเจนว่า ‘ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง’ และไม่ได้เข้าร่วมองค์การสหประชาชาติจนกระทั่งปี 2002 ทั้งยังไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปด้วย 

แม้ว่าช่วงต้นปี 2022 กองกำลังของประเทศประกาศเข้าร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพและสนับสนุนการคว่ำบาตรจากนานาชาติต่อรัสเซียในกรณีที่รุกรานยูเครนก็ตาม แต่ความเป็นกลางอย่างแข็งขันของสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็เป็นสิ่งที่กำหนดประวัติศาสตร์ประเทศนี้ได้มากที่สุดเช่นกัน 

ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้สวิตเซอร์แลนด์ โดยเฉพาะนครเจนีวาได้รับยกย่องว่าเป็นเมืองนานาชาติ รวมทั้งเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางของโลก ศูนย์กลางทางการเงินและศูนย์กลางทางการทูต ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศที่มากที่สุดในโลก อาทิ คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) หน่วยงานของสหประชาชาติ องค์การการค้าโลก (WTO) องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เป็นต้น 

นอกจากนี้ สวิตเซอร์แลนด์ยังเป็นที่ตั้งของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) รวมถึง ธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (BIS) อีกด้วย 

แดเนียล วอร์เนอร์ นักรัฐศาสตร์ชาวสวิส-อเมริกัน และอดีตรองผู้อำนวยการสถาบันบัณฑิตศึกษาเจนีวา กล่าวว่า “แม้รัฐธรรมนูญของประเทศจะกีดกันการเข้าร่วมพันธมิตรทางทหาร เช่น นาโต แต่แนวคิดที่กว้างกว่าเรื่องความเป็นกลางทางการเมืองก็ทำให้สวิตเซอร์แลนด์สามารถเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดระดับโลกและเป็นสมาชิกของสหประชาชาติได้ในที่สุด” 

อย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่องความเป็นกลางทางการเมืองล่าสุดนั้นยังคง ‘ซับซ้อนและเป็นที่ถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิง’ วอร์เนอร์ ระบุในอีเมล “แม้ว่าสวิตเซอร์แลนด์จะเคยเป็นฉากของการประชุมสุดยอดครั้งสำคัญ แต่การที่สวิตเซอร์แลนด์ร่วมมือกับสหภาพยุโรปในการคว่ำบาตรรัสเซีย ทำให้โฆษกของรัสเซียวิจารณ์ว่าสวิตเซอร์แลนด์ไม่เป็นกลางอีกต่อไป” 

นอกจากคำกล่าวขานอันเลื่องลือถึงความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์แล้วนั้น ว่ากันว่ากุญแจสู่ความสำเร็จของสวิตเซอร์แลนด์อีกประการหนึ่งก็คือ ระบบการเมืองแบบกระจายอำนาจ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและสร้างฉันทามติร่วมกัน รวมไปถึงการมีสิทธิเสรีภาพในการ ‘ตัดสินใจด้วยตนเอง’ ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ หมายความว่า ประชาชนเป็นผู้ถือและใช้อำนาจทั้งหมดมากกว่านักการเมืองนั่นเอง 

‘การเมืองที่นี่ถูกมองว่าเป็นความรับผิดชอบของพลเมืองมากกว่าเกมโชว์’ วอร์เนอร์ กล่าว ยิ่งไปกว่านั้น เพราะสวิตเซอร์แลนด์ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน สัตว์ สิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียมทางเพศ เสรีภาพทางศาสนา สิทธิในทรัพย์สิน อำนาจทางการเมืองที่กระจายกันอย่างทั่วถึง ความเสมอภาคทางเชื้อชาติ เป้าหมายด้านสภาพอากาศ และความยุติธรรมทางสังคม จึงทำให้การเมืองของคนที่นี่เป็นเรื่องของพลเมืองทุกคนจริงๆ
 

ประเทศที่รายล้อมไปด้วย ‘ทิวทัศน์อันน่าทึ่ง’ พร้อม ‘แหล่งโภชนาการอาหารและยา’

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2aKs4aPEJFsTEzaYErgqJt/a06bae3e632dc927680c259d6cfdcd23/Why-switzerland-is-the-best-country-in-the-world-SPACEBAR-Photo01
Photo: Fabrice COFFRINI / AFP
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สภาพภูมิประเทศและทัศนียภาพแวดล้อมก็มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนในประเทศด้วยเช่นเดียวกัน หากสภาพแวดล้อมดี ทุกๆ อย่างก็จะถูกห้อมล้อมแต่สิ่งดีๆ เสมอ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าาดินแดนที่เต็มไปด้วยวิวภูเขาสวยจนน่าตื่นตาตื่นใจ มีทะเลสาบมากมาย และมีหมู่บ้านที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบนี้นี่แหละที่เนรมิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพลเมืองที่นั่น 

ภูมิประเทศเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ทำให้สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนและสำรวจวัฒนธรรมใหม่ๆ 

เทือกเขาแอลป์และภูเขาที่มียอดเขาสูงคิดเป็น 62% ของอาณาเขตของประเทศ แม้ว่าสวิตเซอร์แลนด์จะมีขนาดค่อนข้างเล็กในเชิงภูมิศาสตร์ แต่ใครๆ ที่ได้มาที่นี่จะต้องรู้สึกว่าหนักใจทุกครั้งเมื่อต้องตัดสินใจว่าจะไปที่ไหนก่อน  

เมืองต่างๆ ในสวิตเซอร์แลนด์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีภูมิประเทศที่แตกต่าง อย่างเช่น ซูริก เบิร์น เจนีวา และบาเซิล โดยแต่ละเมืองก็จะมีมุมมองทางวัฒนธรรมที่หลากหลายต่างกันออกไป ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ที่มีผู้คนมาเยือนมากที่สุด ซึ่งส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในประเทศอีกด้วย 

จากรายงานของ World Population Review พบว่า สวิตเซอร์แลนด์ติด 1 ใน 10 ของประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก มาหลายปี โดยในปี 2020-2021 ติดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก 

นอกจากนี้ สวิตเซอร์แลนด์ยังเป็นประเทศใจกลางยุโรปที่เป็น ‘แหล่งโภชนาการอาหารและยา’ อีกด้วย เพราะเป็นที่ตั้งของบริษัทมหาชนด้านอาหารและโภชนาการที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างเนสท์เล่ รวมทั้งบริษัทยายักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างฮอฟ์ฟแมน-ลาโรชและโนวาร์ตีส โดยถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ชาวสวิตเซอร์แลนด์ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งก็ส่งผลให้พลเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วย 

ทั้งนี้ เพราะ ปัจจัยสำคัญต่างๆ ก็ล้วนเอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้แก่พลเมืองและประเทศทั้งสิ้น สวิตเซอร์แลนด์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่พิสูจน์ให้โลกได้ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่า ‘ไม่ได้มีดีแค่วิวสวย’ แต่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ อาหาร สิ่งแวดล้อม ภูมิประเทศ สภาพอากาศ ที่ล้วนแล้วแต่มีส่วนในการเนรมิตคุณภาพชีวิตที่ดีแก่พลเมืองทั้งสิ้น ตลอดจนคำกล่าวขานด้าน ‘ความเป็นกลางทางการเมืองและเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเมืองอย่างอิสระ’ ในท้ายที่สุดนี้ สวิตเซอร์แลนด์จึงถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้าคอนเซปต์ว่า ‘คุณภาพชีวิตดีๆ ที่ลงตัว’ นั่นเอง 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/8gANrFpPkffCXYXM2YKFH/e5ecd27218418ef722cf62a2413c2218/Info-______________

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์