สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ส.ส.ผู้รักการดื่มเบียร์คนหนึ่งในไทย ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกจับกุมในข้อหาผลิตเบียร์ผิดกฎหมาย ตั้งความหวังว่าชัยชนะจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ จะสามารถทลายการผูกขาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของ 2 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรากรณ์ นักต้มเบียร์ที่ผันตัวมาเป็นนักการเมืองได้ต่อสู้เพื่อยกเครื่องกฎระเบียบที่เข้มงวดมานานหลายปี เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคก้าวไกล ซึ่งกำลังผลักดันให้จัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไปหลังจากได้รับชัยชนะเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา และได้บรรลุ MOU กับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งรวมถึงมาตรการยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะได้รับชัยชนะแต่โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลยังคงไม่แน่นอน เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีหน้าที่ยกมือโหวตยังผูกติดกับกองทัพ
เท่าพิภพ กล่าวกับ Reuters ว่า ร่างกฎหมายสุราก้าวหน้าไม่ได้เป็นเพียงร่างกฎหมาย แต่เป็นโครงสร้างทางการเมือง ตอนนี้ผมกำลังรวบรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในนโยบายนี้เพื่อให้มันเกิดขึ้นอย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะผมตระหนักดีว่าเราไม่ใช่ฝ่ายค้านอีกต่อไป เราเป็นรัฐบาล
เดเมียน เยาว์ นักวิเคราะห์ผู้บริโภคและการค้าปลีกของบริษัทวิจัย BMI กล่าวว่า ในระยะยาว ทั้งไทยเบฟและบุญรอดมีโอกาสมากมายที่จะช่วยรักษาความเป็นผู้นำเหนือคู่แข่งรายใหม่ที่มีศักยภาพ พร้อมบอกว่าทั้ง 2 บริษัทเข้าใจตลาดและประเด็นด้านกฎระเบียบมากขึ้น
ในปี 2020 ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประเทศไทยเกินครึ่ง และมีมูลค่าประมาณ 473,000 ล้านบาท เป็น ‘เบียร์’ บุญรอดครองส่วนแบ่งตลาดเบียร์ 57.9% ตามด้วยไทยเบฟที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ที่ 34.3% และไทยเอเชียแปซิฟิกบริวเวอรี่ที่ 4.7% ตามรายงานเดือนกุมภาพันธ์ 2022
ไทยเบฟยังเป็นผู้นำในตลาดสุราด้วยส่วนแบ่ง 59.5% โดยอันดับ 2 ครองตลาดเพียง 8% จากการแก้ไขกฎหมายสรรพสามิตซึ่งไม่ผ่านรัฐสภาก่อนหน้านี้ เท่าพิภพกล่าวว่า เขามีเป้าหมายที่จะขจัดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดสูงสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทขนาดใหญ่อย่างบุญรอดและไทยเบฟ
“เป้าหมายคือช่วยให้ผู้ผลิตเบียร์ในประเทศรายเล็กได้กำไรอย่างน้อย 10% ของตลาดเบียร์ภายใน 1 ทศวรรษ” เท่าพิภพกล่าว
“ผมไม่ใช่คนสุดโต่ง ผมอยากดื่มเบียร์ดีๆ” เท่าพิภพกล่าว
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรากรณ์ นักต้มเบียร์ที่ผันตัวมาเป็นนักการเมืองได้ต่อสู้เพื่อยกเครื่องกฎระเบียบที่เข้มงวดมานานหลายปี เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคก้าวไกล ซึ่งกำลังผลักดันให้จัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไปหลังจากได้รับชัยชนะเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา และได้บรรลุ MOU กับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งรวมถึงมาตรการยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะได้รับชัยชนะแต่โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลยังคงไม่แน่นอน เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีหน้าที่ยกมือโหวตยังผูกติดกับกองทัพ
เท่าพิภพ กล่าวกับ Reuters ว่า ร่างกฎหมายสุราก้าวหน้าไม่ได้เป็นเพียงร่างกฎหมาย แต่เป็นโครงสร้างทางการเมือง ตอนนี้ผมกำลังรวบรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในนโยบายนี้เพื่อให้มันเกิดขึ้นอย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะผมตระหนักดีว่าเราไม่ใช่ฝ่ายค้านอีกต่อไป เราเป็นรัฐบาล
เดเมียน เยาว์ นักวิเคราะห์ผู้บริโภคและการค้าปลีกของบริษัทวิจัย BMI กล่าวว่า ในระยะยาว ทั้งไทยเบฟและบุญรอดมีโอกาสมากมายที่จะช่วยรักษาความเป็นผู้นำเหนือคู่แข่งรายใหม่ที่มีศักยภาพ พร้อมบอกว่าทั้ง 2 บริษัทเข้าใจตลาดและประเด็นด้านกฎระเบียบมากขึ้น
ในปี 2020 ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประเทศไทยเกินครึ่ง และมีมูลค่าประมาณ 473,000 ล้านบาท เป็น ‘เบียร์’ บุญรอดครองส่วนแบ่งตลาดเบียร์ 57.9% ตามด้วยไทยเบฟที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ที่ 34.3% และไทยเอเชียแปซิฟิกบริวเวอรี่ที่ 4.7% ตามรายงานเดือนกุมภาพันธ์ 2022
ไทยเบฟยังเป็นผู้นำในตลาดสุราด้วยส่วนแบ่ง 59.5% โดยอันดับ 2 ครองตลาดเพียง 8% จากการแก้ไขกฎหมายสรรพสามิตซึ่งไม่ผ่านรัฐสภาก่อนหน้านี้ เท่าพิภพกล่าวว่า เขามีเป้าหมายที่จะขจัดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดสูงสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทขนาดใหญ่อย่างบุญรอดและไทยเบฟ
“เป้าหมายคือช่วยให้ผู้ผลิตเบียร์ในประเทศรายเล็กได้กำไรอย่างน้อย 10% ของตลาดเบียร์ภายใน 1 ทศวรรษ” เท่าพิภพกล่าว
“ผมไม่ใช่คนสุดโต่ง ผมอยากดื่มเบียร์ดีๆ” เท่าพิภพกล่าว
