ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันจันทร์ (8 ก.ค.) ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ไม่ได้เข้ารับการรักษาโรคพาร์กินสัน (Parkinson's disease) หลังจากที่สำนักข่าว New York Times รายงานว่า ในบันทึกเข้าเยี่ยมชมทำเนียบขาวนั้นมีรายชื่อของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคดังกล่าวเข้ามาที่ทำเนียบขาวอย่างน้อย 8 ครั้งตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงมีนาคม
ความกังวลว่าประธานาธิบดีอาจจะป่วยด้วยโรคที่ไม่เปิดเผยได้เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ไบเดนพูดตะกุกตะกัก ดูเหมือนอ่อนแอ และสูญเสียความสามารถในการคิดในบางครั้งหลังจากดีเบตกับ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีและแคนดิเดตจากพรรครีพับลิกันเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา
“ประธานาธิบดีเคยรับการรักษาโรคพาร์กินสันหรือไม่? ไม่ เขากำลังรับการรักษาโรคพาร์กินสันหรือไม่? ไม่ เขาไม่ได้กำลังรักษา เขารับประทานยารักษาโรคพาร์กินสันหรือไม่? ไม่” คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวในการแถลงการณ์
สำนักข่าว Reuters ได้ตรวจสอบบันทึกเข้าเยี่ยมชมทำเนียบขาวแล้วพบว่า ดร.เควิน แคนนาร์ด แพทย์ระบบประสาท ผู้เชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนไหวผิดปกติจากศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด และผู้ร่วมเขียนงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคพาร์กินสันระยะเริ่มต้นที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ เดินทางมาที่ทำเนียบขาวถึง 8 ครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม 2023 ถึงเดือนมีนาคม 2024
ในบันทึกระบุว่า ดร.แคนนาร์ดได้เข้าพบกับแพทย์ประจำทำเนียบขาว ดร.เควิน โอคอนเนอร์ ที่ทำเนียบขาวเมื่อกลางเดือนมกราคม
ตามบันทึกผู้เยี่ยมชมระบุว่า ดร.แคนนาร์ดไปเยือนทำเนียบขาว 3 ครั้งในปีนี้ ได้แก่
- เข้าพบกับ ดร.โอคอนเนอร์เมื่อวันที่ 17 มกราคม
- เข้าพบกับเจ้าหน้าที่อีกคนเมื่อวันที่ 26 มกราคม
- และมีรายงานมาทำเนียบขาวอีกในวันที่ 28 มีนาคม
ในการแถลงข่าว ฌอง-ปิแอร์ปฏิเสธที่จะยืนยันหรืออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเยือนของ ดร.แคนนาร์ด เธอถูกนักข่าวกดดันบ่อยครั้ง แต่เธอกล่าวว่าต้องการเคารพความเป็นส่วนตัวของทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ฌอง-ปิแอร์เผยอีกว่าไบเดนเคยพบแพทย์ระบบประสาทถึง 3 ครั้งซึ่งเกี่ยวข้องกับการตรวจร่างกายประจำปีของเขา เธอไม่ได้อธิบายว่าทำไม ดร.แคนนาร์ดถึงอยู่ที่ทำเนียบขาว แต่แจงว่าเกี่ยวข้องกับการรักษาเจ้าหน้าที่ทหารบางคนที่ทำงานในทำเนียบขาว “มีเจ้าหน้าที่ทหารหลายพันนายที่เดินทางมายังทำเนียบขาว และพวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยแพทย์” ฌอง-ปิแอร์กล่าว
รายงานสุขภาพล่าสุดของไบเดนที่เผยแพร่โดย ดร.โอคอนเนอร์ ระบุว่า ประธานาธิบดีได้รับการคัดกรองอาการทางระบบประสาทหลายอย่าง รวมถึงโรคพาร์กินสันซึ่งผลออกมาเป็นลบ เช่นเดียวกับรายงานการตรวจร่างกายอีก 2 ฉบับในช่วงที่ไบเดนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ข่าวการเยือนของ ดร.แคนนาร์ดเกิดขึ้นในขณะที่อายุ ความฟิต และความเฉียบแหลมทางจิตใจของไบเดนตกอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวด หลังจากที่เขาแสดงผลงานได้อย่างไม่สู้ดีนักในการดีเบตแข่งกับทรัมป์เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา
ไบเดนคอนเฟิร์ม “ผมโอเค!” (?)

ในการสัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC เมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) ที่ผ่านมา ไบเดนถูกถามว่าเขาเคยเข้ารับการทดสอบความสามารถทางปัญญาโดยเฉพาะหรือไม่? ซึ่งไบเดนตอบว่าเขาเข้ารับการตรวจกับแพทย์ประจำทำเนียบขาวเป็นประจำและกล่าวเสริมว่า “ไม่มีใครบอกว่าผมต้องตรวจ…พวกเขาบอกว่าผมสบายดี”
ไบเดนยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า เขาได้พูดคุยกับแพทย์ของเขาแล้ว และได้รับคำตอบว่า “คุณเหนื่อยล้ามาก” ไบเดนกล่าวอีกว่า “การเป็นประธานาธิบดี หมายความว่า ผมต้องได้รับการทดสอบระบบประสาทเต็มรูปแบบทุกวัน”
นอกจากนี้ ในระหว่างการสัมภาษณ์กับมิกะ เบอร์เซซินสกี้ พิธีกรรายการช่อง MSNBC เมื่อเช้าวันจันทร์ (8 ก.ค.) ไบเดนก็ถูกถามโดยเฉพาะว่าเขาได้เข้ารับการตรวจโรคพาร์กินสันเมื่อเร็วๆ นี้หรือไม่ ซึ่งไบเดนยืนยันว่าเขาเคยเข้ารับการตรวจดังกล่าวแล้ว
“คุณเคยได้รับการตรวจโรคพาร์กินสัน หรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องบ้างไหม...” พิธีกรรายการ MSNBC ถาม
ไบเดนหัวเราะก่อนที่จะตอบว่า “ผมเคยตรวจมาก่อน”
“ก่อนการอภิปราย ผมรู้สึกแย่มาก พอผมกลับมา พวกเขาก็ตรวจผม ผมคิดว่าผมอาจติดโควิด อาจมีบางอย่างผิดปกติ หรือผมอาจติดเชื้อหรืออะไรสักอย่าง พวกเขาตรวจผม แล้วผลตรวจก็ออกมาพบว่า ‘ไม่มีอะไรผิดปกติ’ ”
ขณะเดียวกัน ทางทำเนียบขาวและทีมหาเสียงของไบเดนต่างก็อ้างว่าประสิทธิภาพการทำงานที่ย่ำแย่ของไบเดนระหว่างการดีเบตนั้นเป็นผลมาจากตารางการเดินทางที่แน่นขนัดในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ซึ่งไบเดนต้องเดินทางไปฝรั่งเศสเพื่อร่วมรำลึกถึงวันครบรอบวันดีเดย์สงครามโลกครั้งที่ 2 (ยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดี) เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. และไปอิตาลีเพื่อเข้าร่วมการประชุม G7 รวมถึงอาการหวัดด้วย