หลังจากมีกระแสข่าวว่าตัวตึงทวิตเตอร์อย่าง อีลอน มัสก์ ตัดสินใจรีแบรนด์โลโก้ฮิตโดยเปลี่ยนจาก ‘นกสีฟ้า’ กลายเป็นตัวอักษร ‘X’ ที่หลายคนต่างก็คาดว่าอาจเป็นเพราะเขาคลั่งไคล้ในตัว X ก็เป็นได้
และในโลกแห่งความเป็นจริง ‘นกสีฟ้า’ หรือ ‘นกมาคอว์สีน้ำเงิน’ ที่ว่านี้ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักรู้จักมันจากหนังเรื่อง ‘ริโอ เดอะมูฟวี่ (Rio)’ เราก็อาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันแล้วเช่นกัน เพราะมันกำลังจะ ‘สูญพันธุ์’
จากบทความที่แล้ว SPACEBAR พา ย้อนเรื่องราวความคลั่งไคล้ตัว ‘X’ ของ ‘อีลอน มัสก์’ ที่อาจถึงครา ‘ปิดตำนานนกฟ้า’ แต่สำหรับบทความนี้จะย้อนเรื่องราวของ ‘นกแก้วสีฟ้า’ ในตำนานบ้าง
การศึกษาที่เผยแพร่เมื่อปี 2018 พบว่านกแก้วสัญชาติบราซิลแบบบลูในหนังดังกล่าวได้สูญพันธุ์ไปแล้วในป่า
‘นกแก้วมาคอว์สปิกซ์’ (Spix's macaw) หรือ ‘นกมาคอว์สีน้ำเงิน’ เป็นหนึ่งในนก 8 สายพันธุ์ที่ครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในบราซิล และได้รับการยืนยันว่าสูญพันธุ์ หรือคาดว่าจะสูญพันธุ์ โดยจากรายงานของ BirdLife International สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติระบุว่า การตัดไม้ทำลายป่านั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นกมาคอว์สปิกซ์หายไปจากที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ
นับเป็นครั้งแรกที่การสูญพันธุ์บนแผ่นดินใหญ่มีมากกว่าการสูญพันธุ์บนเกาะ
“การสูญพันธุ์ของนก 90% ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาเกิดจากนกบนเกาะ อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาของเรายืนยันว่ามีคลื่นของการสูญพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วทั้งทวีปซึ่งได้แรงหนุนหลักมาจากการสูญเสียที่อยู่อาศัย ตลอดจนความเสื่อมโทรมจากการเกษตรและการตัดไม้ที่ไม่ยั่งยืน” สจวร์ต บุทชาร์ต หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ BirdLife และผู้วิจัยกล่าว
และในโลกแห่งความเป็นจริง ‘นกสีฟ้า’ หรือ ‘นกมาคอว์สีน้ำเงิน’ ที่ว่านี้ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักรู้จักมันจากหนังเรื่อง ‘ริโอ เดอะมูฟวี่ (Rio)’ เราก็อาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันแล้วเช่นกัน เพราะมันกำลังจะ ‘สูญพันธุ์’
จากบทความที่แล้ว SPACEBAR พา ย้อนเรื่องราวความคลั่งไคล้ตัว ‘X’ ของ ‘อีลอน มัสก์’ ที่อาจถึงครา ‘ปิดตำนานนกฟ้า’ แต่สำหรับบทความนี้จะย้อนเรื่องราวของ ‘นกแก้วสีฟ้า’ ในตำนานบ้าง
ตำนาน ‘นกแก้วมาคอว์สีน้ำเงิน’
หลายคนอาจจะเคยรู้จักนกแก้วมาคอว์ชนิดนี้เป็นอย่างดีบนจอเงินในภาพยนตร์เรื่อง ‘Rio’ ของบริษัท 20th Century Fox ในฐานะนกแก้วเจ้าเสน่ห์ชื่อ ‘บลู (Blu)’ ที่ถูกเลี้ยงดูอยู่แต่ในกรงและการเดินทางหลายพันไมล์เพื่อพยายามรักษาสายพันธุ์ของมันเอาไว้การศึกษาที่เผยแพร่เมื่อปี 2018 พบว่านกแก้วสัญชาติบราซิลแบบบลูในหนังดังกล่าวได้สูญพันธุ์ไปแล้วในป่า
‘นกแก้วมาคอว์สปิกซ์’ (Spix's macaw) หรือ ‘นกมาคอว์สีน้ำเงิน’ เป็นหนึ่งในนก 8 สายพันธุ์ที่ครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในบราซิล และได้รับการยืนยันว่าสูญพันธุ์ หรือคาดว่าจะสูญพันธุ์ โดยจากรายงานของ BirdLife International สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติระบุว่า การตัดไม้ทำลายป่านั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นกมาคอว์สปิกซ์หายไปจากที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ
นับเป็นครั้งแรกที่การสูญพันธุ์บนแผ่นดินใหญ่มีมากกว่าการสูญพันธุ์บนเกาะ
“การสูญพันธุ์ของนก 90% ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาเกิดจากนกบนเกาะ อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาของเรายืนยันว่ามีคลื่นของการสูญพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วทั้งทวีปซึ่งได้แรงหนุนหลักมาจากการสูญเสียที่อยู่อาศัย ตลอดจนความเสื่อมโทรมจากการเกษตรและการตัดไม้ที่ไม่ยั่งยืน” สจวร์ต บุทชาร์ต หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ BirdLife และผู้วิจัยกล่าว
จาก ‘สูญพันธุ์’ คืนสู่ธรรมชาติ?

รายงานล่าสุดเมื่อช่วงปลายปี 2022 พบว่า นักวิจัยกำลังหาวิธีทำให้นกแก้วมาคอว์สปิกซ์กลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง โดยทีมผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติกำลังทดลองในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นก็คือ ‘การนำนกสายพันธุ์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์กลับคืนสู่ธรรมชาติได้สำเร็จ’
เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่นกมาคอว์สปิกซ์ตัวสุดท้ายถูกพบในป่า แต่สายพันธุ์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์อาจถูกกำหนดให้กลับมาอีกครั้ง
นกแก้วมาคอว์สปิกซ์เป็นนกแก้วตัวเล็กขนสีน้ำเงินที่หายากที่สุดในโลก แต่ต้องสูญพันธุ์ไปเพราะการค้าที่ผิดกฎหมาย การล่าสัตว์ และการทำลายถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติโดยเกษตรกรรมและสัตว์อื่นๆ ซึ่งนำไปสู่การสูญหายของสายพันธุ์ในป่า
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อาจเปลี่ยนไปเนื่องจาก ACTP องค์กรพัฒนาเอกชนของเยอรมันซึ่งอุทิศตนเพื่อการคุ้มครองและอนุรักษ์นกแก้วที่ถูกคุกคามและถิ่นที่อยู่ของพวกมัน โดยร่วมมือกับมูลนิธิสวนสัตว์ Pairi Daiza ของเบลเยียมและรัฐบาลบราซิลสำหรับโปรเจกต์สำคัญในการนำนกแก้วมาคอว์สปิกซ์กลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง
เป็นเวลาหลายปีที่ ACTP และมูลนิธิสวนสัตว์ Pairi Daiza ทำงานอย่างไม่ลดละเพื่อขยายพันธุ์นกแก้วมาคอว์สปิกซ์ใหม่ ซึ่งมีจำนวนนกที่แข็งแรงดีถึง 180 ตัว ขณะที่ในสวนสัตว์ Pairi Daiza มีนกแก้วมาคอว์สปิกซ์อีก 8 ตัวที่ถูกเลี้ยงไว้ในกรงนกซึ่งไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม โดยจะมีการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติหลังจากไม่ได้อยู่ในถิ่นที่อยู่มา 22 ปี
หากการทดลองประสบความสำเร็จ นกแก้วมาคอว์สปิกซ์จะเป็นนกชนิดแรกที่มนุษย์นำกลับคืนสู่ธรรมชาติได้สำเร็จ
เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่นกมาคอว์สปิกซ์ตัวสุดท้ายถูกพบในป่า แต่สายพันธุ์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์อาจถูกกำหนดให้กลับมาอีกครั้ง
นกแก้วมาคอว์สปิกซ์เป็นนกแก้วตัวเล็กขนสีน้ำเงินที่หายากที่สุดในโลก แต่ต้องสูญพันธุ์ไปเพราะการค้าที่ผิดกฎหมาย การล่าสัตว์ และการทำลายถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติโดยเกษตรกรรมและสัตว์อื่นๆ ซึ่งนำไปสู่การสูญหายของสายพันธุ์ในป่า
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อาจเปลี่ยนไปเนื่องจาก ACTP องค์กรพัฒนาเอกชนของเยอรมันซึ่งอุทิศตนเพื่อการคุ้มครองและอนุรักษ์นกแก้วที่ถูกคุกคามและถิ่นที่อยู่ของพวกมัน โดยร่วมมือกับมูลนิธิสวนสัตว์ Pairi Daiza ของเบลเยียมและรัฐบาลบราซิลสำหรับโปรเจกต์สำคัญในการนำนกแก้วมาคอว์สปิกซ์กลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง
เป็นเวลาหลายปีที่ ACTP และมูลนิธิสวนสัตว์ Pairi Daiza ทำงานอย่างไม่ลดละเพื่อขยายพันธุ์นกแก้วมาคอว์สปิกซ์ใหม่ ซึ่งมีจำนวนนกที่แข็งแรงดีถึง 180 ตัว ขณะที่ในสวนสัตว์ Pairi Daiza มีนกแก้วมาคอว์สปิกซ์อีก 8 ตัวที่ถูกเลี้ยงไว้ในกรงนกซึ่งไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม โดยจะมีการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติหลังจากไม่ได้อยู่ในถิ่นที่อยู่มา 22 ปี
หากการทดลองประสบความสำเร็จ นกแก้วมาคอว์สปิกซ์จะเป็นนกชนิดแรกที่มนุษย์นำกลับคืนสู่ธรรมชาติได้สำเร็จ