The New York Times รายงานว่า ฮามิช ฮาร์ดิง มหาเศรษฐีและนักสำรวจชาวอังกฤษ หนึ่งในลูกเรือของเรือดำน้ำไททันที่สูญหายระหว่างดำลงไปชมซากเรือไททานิคที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก ยอมรับระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อปี 2021 ว่า การที่เขาลงไปปฏิบัติภารกิจใต้ทะเลลึกในครั้งที่ผ่านๆ มานั้น การช่วยชีวิตไม่ใช่ทางเลือก
หลังจากปฏิบัติภารกิจสุดท้าทายและสร้างสถิติใหม่กับการดำลงไปยัง “ชาลเลนเจอร์ดีพ” (Challenger Deep) จุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทรของโลกเท่าที่มนุษย์รู้จัก ซึ่งอยู่ตามร่องน้ำมาเรียนา (Mariana Trench) ที่ความลึกเกือบ 11 กิโลเมตร (ร่องน้ำมาเรียนามีความลึกกว่าจุดที่ซากเรือไททานิคจมอยู่ (ลึกเกือบ 4 กิโลเมตร) ซึ่งเป็นเป้าหมายเรือดำน้ำไททันมาก) ฮาร์ดิงเผยกับนิตยสาร The Week ของอินเดียว่า “ถ้ามีอะไรผิดพลาด คุณจะไม่ได้กลับมา”
การเดินทางเมื่อปี 2021 นั้น ฮาร์ดิงและ วิคเตอร์ เวสโคโว นักสำรวจชาวอเมริกันทำสถิติกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดสำหรับการใช้เวลานานที่สุดในการดิ่งลงสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรในการดำเพียงครั้งเดียว และเวลาที่ใช้ดำลงไปคือ 4 ชั่วโมง 15 นาทีนี้ยังทำสถิติเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดในการเดินทางไปตามส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทร
“มันอาจจะน่ากลัว แต่ผมยุ่งมากกับการทำหลายอย่าง ทั้งนำทางและวิเคราะห์ตำแหน่ง ผมก็เลยไม่มีเวลาที่จะกลัว” ฮาร์ดิงเผยกับ The Week
ฮาร์ดิงเล่าต่อว่า ยานพาหนะที่ใช้ดำลงไปยังชาลเลนเจอร์ดีพมีออกซิเจนสำรองสำหรับ 4 วัน (เท่ากับของเรือดำน้ำไททัน) รวมทั้งน้ำและและอุปกรณ์ฉุกเฉิน แต่ยานพาหนะดังกล่าวดำดิ่งลงไปลึกมากจนไม่มีเรือดำน้ำลำไหน “ลงไปได้ลึกขนาดนั้นเพื่อช่วยชีวิตคุณ”
หลังจากปฏิบัติภารกิจสุดท้าทายและสร้างสถิติใหม่กับการดำลงไปยัง “ชาลเลนเจอร์ดีพ” (Challenger Deep) จุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทรของโลกเท่าที่มนุษย์รู้จัก ซึ่งอยู่ตามร่องน้ำมาเรียนา (Mariana Trench) ที่ความลึกเกือบ 11 กิโลเมตร (ร่องน้ำมาเรียนามีความลึกกว่าจุดที่ซากเรือไททานิคจมอยู่ (ลึกเกือบ 4 กิโลเมตร) ซึ่งเป็นเป้าหมายเรือดำน้ำไททันมาก) ฮาร์ดิงเผยกับนิตยสาร The Week ของอินเดียว่า “ถ้ามีอะไรผิดพลาด คุณจะไม่ได้กลับมา”
การเดินทางเมื่อปี 2021 นั้น ฮาร์ดิงและ วิคเตอร์ เวสโคโว นักสำรวจชาวอเมริกันทำสถิติกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดสำหรับการใช้เวลานานที่สุดในการดิ่งลงสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรในการดำเพียงครั้งเดียว และเวลาที่ใช้ดำลงไปคือ 4 ชั่วโมง 15 นาทีนี้ยังทำสถิติเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดในการเดินทางไปตามส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทร
“มันอาจจะน่ากลัว แต่ผมยุ่งมากกับการทำหลายอย่าง ทั้งนำทางและวิเคราะห์ตำแหน่ง ผมก็เลยไม่มีเวลาที่จะกลัว” ฮาร์ดิงเผยกับ The Week
ฮาร์ดิงเล่าต่อว่า ยานพาหนะที่ใช้ดำลงไปยังชาลเลนเจอร์ดีพมีออกซิเจนสำรองสำหรับ 4 วัน (เท่ากับของเรือดำน้ำไททัน) รวมทั้งน้ำและและอุปกรณ์ฉุกเฉิน แต่ยานพาหนะดังกล่าวดำดิ่งลงไปลึกมากจนไม่มีเรือดำน้ำลำไหน “ลงไปได้ลึกขนาดนั้นเพื่อช่วยชีวิตคุณ”
เมื่อวันเสาร์ (17 มิ.ย.) ฮาร์ดิงระบุในฟซบุ๊คเพจว่า เขาภูมิใจมากที่จะประกาศว่าเข้าได้เข้าร่วมภารกิจของ OceanGate ลงเรือดำน้ำที่ไปดำลงไปยังซากเรือไททานิค ส่วนในอินสตาแกรมฮาร์ดิงโพสต์ภาพของเรือดำน้ำและตัวเขากำลังเซ็นชื่อลงบนธงสำหรับภารกิจครั้งล่าสุดนี้ และบอกว่ากำลังนั่งเรือจากเซนต์จอนห์นส์ รัฐนิวฟันด์แลนด์ของแคนาดาเมื่อวันศุกร์ และวางแผนจะเริ่มปฏิบัติการดำราว 04.00 น.ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น
นอกจากความท้าทายทางทะเลแล้ว ฮาร์ดิงซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและประธาน Action Aviation บริษัทด้านการปฏิบัติการทางอากาศในเมืองดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังชอบกิจกรรมผจญภัยทางอากาศด้วย โดยเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วเขาไปเยือนอวกาศกับภารกิจของจรวดบลู ออริจิน ของมหาเศรษฐี เจฟฟ์ เบโซส และยังเป็นเจ้าของสถิติบินรอบขั้วโลกทั้งสองเร็วที่สุดในโลกด้วยเครื่องบินด้วย
นอกจากความท้าทายทางทะเลแล้ว ฮาร์ดิงซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและประธาน Action Aviation บริษัทด้านการปฏิบัติการทางอากาศในเมืองดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังชอบกิจกรรมผจญภัยทางอากาศด้วย โดยเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วเขาไปเยือนอวกาศกับภารกิจของจรวดบลู ออริจิน ของมหาเศรษฐี เจฟฟ์ เบโซส และยังเป็นเจ้าของสถิติบินรอบขั้วโลกทั้งสองเร็วที่สุดในโลกด้วยเครื่องบินด้วย
